Facebook เริ่มยกเครื่องแอพ Messenger สำหรับระบบแอนดรอยด์ และ iOS ของตัวเองใหม่ โดยลดความเป็น Facebook ลงและเน้นไปที่การแชทมากขึ้น และหน้าตาของแอพถูกยกเครื่องใหม่ทั้งหมดซึ่งจากที่ดูหน้าตาของแอพแล้วจะพบว่า Facebook พยายามที่จะสร้างแอพ Messenger ให้เป็นแอพสำหรับการแชทโดยตรง มากกว่าการเป็นแค่แอพที่เป็นส่วนแยกย่อยจาก Facebook หลักแบบที่ผ่านมา
ในด้านของคุณสมบัติต่างๆ แอพ Messenger เวอร์ชั่นใหม่นี้จะไม่ต่างไปจากเวอร์ชั่นก่อนหน้าเท่าใดนัก จะมีเฉพาะส่วนหน้าตาของแอพเท่านั้นที่เปลี่ยนไป โดยในส่วนหน้าตาของแอพสิ่งแรกที่เห็นคือรูป Avatar ของเพื่อนจะเปลี่ยนไปเป็นรูปแบบวงกลมที่จะมีสัญลักษณ์ตรงมุมขวาล่างของรูป ซึ่งเป็นส่วนที่แสดงว่าเพื่อนคนไหนของเราออนไลน์ด้วยแอพบนมือถือ หรือว่าออนไลน์ผ่านเว็บบราวเซอร์บนเครื่องคอมพิวเตอร์
นอกจากนี้ตัวแอพจะควบคุมด้วยระบบ gesture base เช่นเราสามารถลากนิ้วจากขวาไปซ้ายเพื่อเข้าสู่ส่วนประวัติการสนทนาได้ เป็นต้น
[quote]เหตุผลในการเปลี่ยนแปลงหน้าตาและการออกแบบแอพใหม่ทั้งหมดของ Facebook คือ แอพ Messenger เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้นั้นถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของระบบ iOS ก่อนจากนั้นจึงพอร์ตมาที่ระบบแอนดรอยด์ ดังนั้นในเวอร์ชั่นอัพเดทใหม่นี้ ชาวแอนดรอยด์ก็จะได้รับประสบการณ์ในการใช้งานที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน[/quote]
อีกสิ่งหนึ่งที่ได้รับการปรับปรุงในแง่ของระบบคือประสิทธิภาพในการทำงานที่ Facebook บอกว่าจะเร็วขึ้น และเสถียรขึ้น โดยแอพ Messenger เวอร์ชั่นใหม่จะรับและส่งข้อความได้เร็วขึ้นกว่าเวอร์ชั่นก่อนหน้า
นอกจากนี้ Facebook ยังจะเพิ่มการยืนยันตัวตนของผู้ใช้งานในครั้งแรกที่เข้าใช้งานแอพ Messenger ด้วยเบอร์โทรศัพท์ของผู้ใช้ แบบเดียวกับที่ Whastapp และ Line ใช้นั่นเอง โดยเมื่อเราระบุหมายเลขโทรศัพท์มือถือของเรา แอพ Messenger จะสามารถเชื่อมเราเข้ากับคนอื่นๆที่มีเบอร์โทรศัพท์ของเราแต่ไม่ได้เป็นเพื่อนใน Facebook ให้สามารถคุยกันผ่าน Facebook chat ได้อีกด้วย (จากก่อนหน้านี้ที่คนที่จะคุยกันผ่าน Facebook chat ต้องเป็นเพื่อนกันเท่านั้น ข้อความถึงจะแสดงที่ส่วน inbox) ซึ่งนี่ก็แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของ Facebook ที่จะทำให้แอพ Messenger เป็นแอพสำหรับการแชทจริงๆขึ้นมาครับ
แอพ Messenger เวอร์ชั่นใหม่จะปล่อยให้ผู้ใช้งานมือถือระบบ iOS และ Android ดาวน์โหลดไปใช้งานกันได้ในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า โดยตอนนี้ Facebook ได้ปล่อยแอพให้กับผู้ใช้งานที่เข้าร่วมทดสอบ beta เวอร์ชั่นได้ดาวน์โหลดไปใช้งานกันในวงจำกัดแล้วครับ
ที่มา: The Verge