หน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกาได้ออกคำเตือนเพื่อเตือนโรงพยาบาลรวมถึงผู้ให้บริการด้านการรักษาความปลอดภัยทางโลกไซเบอร์ว่าตอนนี้ทั้งโรงพยาบาลและบริษัทต่าง ๆ กำลังตกอยู่ในอันตรายจากการถูกโจมตีโดย Ransomware ที่กำลังมีจำนวนมากขึ้น
ผู้ให้บริการจำนวนหนึ่งในสหรัฐอเมริกาตกเป็นเหยื่อของอาชญากรไซเบอร์ที่จับตัวประกันเพื่อแลกกับเงินหรือเป็นการเรียกค่าไถ่นั่นเอง ทั้งนี้นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่ แต่เจ้าหน้าของสหรัฐฯ ได้แก่ FBI, Department of Health and Human Services (HHS) และ Homeland Security’s Cybersecurity and Infrastructure Security Agency (CISA) ระบุว่า พวกเขาได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือว่าภัยคุกคามในโลกไซเบอร์กำลังขยับและเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับมีการแจ้งเตือนให้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ
หน่วยข่าวกรองโลกไซเบอร์ Hold Security บอกกับเจ้าหน้าที่ว่า อาชญากรโลกไซเบอร์กำลังหาทางแพร่ Ransomeare ในโรงพยาบาลกว่า 400 แห่งและสถานพยาบาลอื่น ๆ “ความชัดเจนอย่างหนึ่งจากผู้ไม่หวังดีคือพวกพยายามจะก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแต่ไม่ก่อให้เกิดการทำลายการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น”
มัลแวร์ที่มีการค้นพบในปี 2018 มีชื่อว่า Trickbot ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อส่ง Ransomware Ryuk ไปสู่โรงพยาบาลต่าง ๆ และกลายเป็น Ransomware ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมาก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ระบุว่าหากโดนโจมตีแล้วไม่ควรจ่ายค่าไถ่ให้กับผู้ไม่หวังดี ถือว่าเป็นการสนับสนุนให้อาชญากรโจมตีรายอื่นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเน้นให้ผู้บริการปรับปรุงระบบความปลอดภัยรวมถึงสำรองข้อมูลเพื่อเป็นการป้องกันที่ดีกว่า
จริง ๆ Ransomware นั้นไม่ได้โจมตีเพียงแค่โรงพยาบาล ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่ามี Ransomware โจมตี Garmin ไปแล้วเช่นเดียวกัน โดยเรียกค่าไถ่เป็นเงินสูงถึง 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย Garmin ก็จำเป็นต้องจ่ายไปเพราะเป็นข้อมูลของผู้ใช้งานนั่นเอง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็พอจะเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนให้กับเราว่าการสำรองข้อมูลนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะนอกเหนือจากไฟล์จะเสียก็มีโอกาสที่อาจจะโดนโจมตีเช่นเดียวกัน