หลังจากที่ก่อนหน้านี้เพียงแค่ไม่กี่วันเราได้นำเสนอข่าวที่กลายเป็นประเด็นไวรอลอันดับสองประจำสัปดาห์นี้ของ APPDISQUS อย่างกรณีที่ Sony พิจารณายุติตลาดสมาร์ทโฟนและทีวีโดยบริบูรณ์ หลายๆ คนก็สงสัยกันไปต่างๆ นาๆ ถึงสาเหตุที่โซนี่ตั้งใจตัดธุรกิจที่ดูเหมือนกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับมือถือสมาร์ทโฟน Sony Xperia ที่ค่อยๆ พัฒนาให้ถูกปากถูกใจคนเล่นมือถืออย่างเราๆ ท่านๆ ได้มากขึ้นแล้วออกจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัท หรืออย่าง Sony Bravia เองที่เมื่อต้นปีงาน CES2015 เพิ่งมีเปิดตัวรุ่นใหม่พร้อมอะไรอีกมากมายที่ว่ากันว่ากำลังจะเกิดขึ้นกับวงการโทรทัศน์ภายในตระกูล Bravia
ตอนนี้ดูเหมือนหลายๆ อย่างจะค่อนข้างชัดเจนขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อ TheVerge เว็บไซต์ IT ชื่อดังได้ทำชาร์ตสรุปผลประกอบการไตรมาส 2 ประจำปีที่แล้ว (2557) ของโซนี่ออกมาให้ดูง่าย อ่านสบาย และผลที่ออกมานั้นคงทำให้ใครหลายๆ คนเข้าใจโซนี่กันมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน เราลองมาดูกันดีกว่า
ผลจากชาร์ต ผลที่ชวนช็อค
จากชาร์ตที่ TheVerge สรุปไว้จะเห็นได้ชัดเจนว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สร้างปัญหาในรายได้รวมทั้งหมดของโซนี่เป็นอันดับหนึ่งเลยนั้นคือกลุ่มมือถือนั่นเอง โดยมียอดผลประกอบการติดลบขนาดมหึมาพาบริษัทเจ๊งได้ต่ำเตี้ยถึง -1,578 ล้านเหรียญเลยทีเดียว ในขณะที่ผลประกอบการของผลิตภัณฑ์อื่นๆ นั้นก็ไม่ได้บวกขนาดหวือหวาอะไรมากมายนัก และที่ติดลบเพิ่มเติมเข้าไปอีกคือกลุ่มภาพยนตร์จากค่าย Sony Pictures Entertainment ซึ่งเพิ่งจะมีข่าวโดนแฮคกันไปเมื่อปลายปีที่แล้วที่ทำยอดผลประกอบการติดลบไปที่ -10 ล้านเหรียญสหรัฐนั่นเอง
ทั้งนี้เมื่อลองเอายอดผลประกอบการที่เป็นบวกของโซนี่มาบวกลบคุณหารกันเล่นๆ แล้วบอกเลยว่ายอดผลประกอบการที่เป็นผลกำไรของโซนี่นั้นมีเพียง 1,273 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ซึ่งยังน้อยกว่ายอดติดลบที่นับจากผลิตภัณฑ์กลุ่มสมาร์ทโฟนเพียงอย่างเดียวเสียอีก
ที่น่าสนใจคือดิวิชั่นที่สร้างรายได้ให้กับโซนี่มากที่สุดนั้นกลับเป็นทางฝั่งบริการทางการเงินซึ่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับธุรกิจไอทีเลย โดยฝั่งบริการทางการเงินของโซนี่นั้นทำรายได้ให้กับโซนี่ไปถึง 437 ล้านเหรียญสหรัฐเลยด้วยกัน เห็นแบบนี้แล้วคงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมโซนี่ถึงคิดที่จะถอนตัวเองออกจากตลาดไอที โดยเฉพาะกับทางฝั่งสมาร์ทโฟน และบอกลาชาวอารยธรรมไปเสียที
จะเหลืออะไรให้โซนี่บ้าง?
ทั้งนี้ทั้งนั้น Kaz Hirai ประธานใหญ่ของโซนี่ได้ยืนยันแล้วว่าอย่างน้อยๆ จะมีสามธุรกิจด้วยกันที่จะเหลือเป็นธุรกิจหลักของโซนี่ โดยสามธุรกิจที่ว่านั้นก็คือ
– ธุรกิจการผลิตภาพยนตร์ของ Sony Pictures Entertainment ที่แม้ว่าไตรมาสที่สองของปีที่แล้วจะทำรายได้ติดลบให้กับบริษัทไป แต่ก็ถือว่ายังมีช่วงที่ทำรายได้ได้ดีมากอยู่เหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย รวมไปจนถึงปัจจัยหลักอย่างความน่าสนใจของตัวหนังเองในเวลานั้นๆ
– ธุรกิจเครื่องเกมคอนโซล PlayStation ที่ล่าสุด PlayStation 4 เพิ่งจะได้รับรางวัลเกมคอนโซลเน็กซ์เจนยอดเยี่ยมไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องยอมรับว่าอนาคตของฝั่งนี้ก็ยังน่ากลัวอยู่ดี เพราะในขณะที่ PlayStation 4 ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมและความนิยมไปอย่างล้นหลามนั้น พอร์ตเทเบิลอย่าง PlayStation Vita กลับเจ๊งไม่เป็นท่าและเป็นความล้มเหลวที่โซนี่ต้องจำเอาไว้เป็นบทเรียน
– ธุรกิจการผลิตเซ็นเซอร์กล้องขายให้กับ Apple เพื่อใช้ใน iPhone และ iPad ต่อไป แน่นอนว่าธุรกิจการขายเซ็นเซอร์กล้องของโซนี่นี้ยังคงแจ่มใสเหลือเกินเมื่อดูกันในปัจจุบัน แต่ต่อไปจะเป็นอย่างไร จะมีรายอื่นเข้ามาแทนที่ได้ไหมนั้นก็ยังเป็นเรื่องของอนาคตที่เราต้องรอดูกันต่อไป
แล้วฝันร้ายของเหล่าอารยธรรมจะมาถึงในเร็วๆ นี้หรือไม่
เชื่อว่าเหล่าอารยธรรมหลายๆ คนคงมีคำถามนี้อยู่ในใจเป็นแน่แท้ แต่ก็เชื่ออีกเช่นกันว่าเราคงไม่ได้เห็นการล่มสลายของอารยธรรมในระยะเวลาอันใกล้นี้อย่างแน่นอน เพราะเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ในงาน CES2015 เรายังได้เห็น โซนี่เปิดตัว Bravia ซีรีส์ใหม่ที่จะมาพร้อมระบบปฏิบัติการณ์ Android ทั้งเซ็ตอยู่เลย แถมยังมีโครงการดัน Sony Life Space UX ที่จะมาพร้อมผลิตภัณฑ์ในโครงการที่สามารถเนรมิตรห้องของคุณให้กลายเป็น “โลกแห่งความบันเทิงส่วนตัว” ได้ หรืออย่างเครื่องเล่นเพลงพกพาตัวใหม่ที่ให้เสียงคุณภาพระดับ Hi-Res และราคาแพงหูฉีกที่เพิ่งเปิดตัวไปในบ้านเราอย่าง Sony NW-ZX2 จากโครงการทั้งหมดนี้ทำให้เราเชื่อว่าโซนี่ยังมีหมัดเด็ดไม้ตายเตรียมขนมาสร้างความหวังให้กับบริษัทและชาวอารยธรรมได้อยู่ และโซนี่น่าจะยังไม่ล่มสลายไปในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน แต่สำหรับอนาคต…อันนี้ก็คงต้องรอดูกันต่อไป ซึ่งคงมีแนวโน้มความเป็นไปได้ไม่น้อยเหมือนกัน
[divider]
ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร จะหัวหรือจะก้อย APPDISQUS ก็ได้แต่หวังว่าบริษัทอารยธรรมตำนานด้านอิเล็คทรอนิกระดับโลกอย่างโซนี่จะไม่สูญหายไปตามการเวลา เพราะต้องยอมรับว่า แม้ ณ ปัจจุบันนี้โซนีอาจจะไม่ค่อยได้ชื่อว่าเป็นผู้นำตลาดโลกด้านไอทีสักเท่าไหร่นัก แต่ในอดีต โซนี่ก็คือหนึ่งในผู้ขับเคลื่อนตลาดไอทีโลกอย่างแท้จริง แม้ความยิ่งใหญ่หลายๆ อย่างจะต้องจบลงด้วยการเป็นเพียงประวัติศาสตร์ แต่หากโซนี่เดินเกมนี้ดีๆ ก็เชื่อว่าคำว่าประวัติศาสตร์ของโซนี่นั้นจะเป็นการจารึกประวัติศาสตร์การกลับมาฟื้นใหม่อย่างยิ่งใหญ่ได้ เพราะเชื่อแน่ว่ายังมีชาวไอที และชาวอารยธรรมอีกจำนวนมากที่ยังคงเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าและแบรนด์ดังในตลาดอย่างโซนี่ และพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่แน่นอน