สืบเนื่องจากประเด็นร้อนในแง่การรับประกันของเครื่อง Samsung Galaxy Note 4 ที่แถมมากับการซื้อรถยนต์รุ่นที่ร่วมรายการของ Toyota ซึ่งมีประเด็นคำถามต่างๆมากมาย
ในฐานะที่ผมบังเอิญเป็นคนหนึ่งที่ซื้อรถ Toyota และได้รับเจ้า Galaxy Note 4 มากับเค้าด้วย รวมถึงความโชคดีที่ได้เจอศูนย์บริการที่น่ารักและให้รายละเอียดต่างๆเป็นอย่างดี เลยอยากจะเขียนประสบการณ์จริงและข้อมูลที่ได้รับมาให้เพื่อนๆได้รับทราบกันในอีกมุมมองหนึ่งครับ
เครื่อง Galaxy Note 4 Toyota มีประกันหรือไม่?
ข้อมูลที่ผมได้รับมาจากเซล Toyota ระบุชัดเจนว่าเครื่องรุ่นนี้มีประกันกับ Samsung ประเทศไทยแน่นอน แต่การรับประกันจะไม่เริ่มต้น และไม่ครอบคลุม จนกว่าเราจะส่งเอกสารยืนยันการซื้อและเอกสารรับประกันกลับไปยังบริษัทซัมซุง ไม่อย่างนั้นจะเท่ากับว่าตัวเครื่อง Galaxy Note 4 นี้จะไม่ได้รับการประกันจาก ซัมซุงประเทศไทย
นี่เป็นเงื่อนไขที่ผมได้รับแจ้ง ตั้งแต่วันที่ไปจองรถและระบุชัดเจนในเอกสารการรับประกัน
อย่างไรก็ดี ต้องบอกว่าศูนย์บริการ Toyota ไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกศูนย์นะครับ เพราะว่าวันที่ผมตัดสินใจซื้อรถ ผมโทรศัพท์สอบถามจากศูนย์บริการทั้งหมด 4 ศูนย์ แต่มีแค่ศูนย์เดียวที่แจ้งเรื่องโปรโมชั่นนี้ (เพราะส่วนตัวผมเองก็ไม่ได้ติดตามโปรโมชั่นเหล่านี้เลยตั้งแต่แรก)
นั่นหมายความว่า มีศูนย์บริการ Toyota ไม่น้อยที่ไม่ได้แจ้งโปรโมชั่นนี้กับลูกค้า และไม่แจกของแถมที่ลูกค้าควรจะได้ จึงเป็นที่มาของดราม่านี้นั่นเอง
การเปิดประกันเครื่อง Note 4 จาก Toyota
ตามเงื่อนไขที่เซลบอกผมคือ ต้องส่งใบรับประกันที่อยู่ในกล่อง โดยระบุข้อมูลต่างๆส่งกลับไปยังบริษัทซัมซุงประเทศไทยนั่นเอง ซึ่งใบรับประกันจะมีข้อมูลที่เราต้องกรอกดังนี้ครับ
จะเห็นว่าการเปิดรับประกันเครื่อง ต้องมีหมายเลขตัวถังรถ รวมถึวันที่รับรถและเลขตัวเครื่องของมือถือที่จะจับคู่กันอย่างชัดเจน (บางกรณีซัมซุงอาจจะมีการถามเลขที่สัญญาซื้อขายรถด้วย) และเมื่อเราส่งเอกสารนี้กลับไปยังบริษัท ซัมซุง ทางซัมซุงถึงจะเปิดการรับประกันตัวเครื่องให้
แล้วซื้อ Note 4 Toyota กับร้านข้างนอกทำไมไม่ได้ประกัน?
ตรงนี้ชัดเจนครับว่าถ้าเราไปซื้อ Galaxy Note 4 ของ Toyota จากร้านขายมือถือข้างนอก เราก็จะไม่มีข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการเปิดรับประกันเครื่องกับซัมซุง ไม่ว่าจะเป็นหมายเลขตัวถังรถและวันรับรถหรือเลขที่สัญญาซื้อขาย นั่นทำให้เราไม่สามารถเปิดการรับประกันกับซัมซุงได้แน่นอนในกรณีที่เป็นเครื่องที่ใช้วิธีเอาออกมาจากศุนย์ Toyota ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด และเป็นเครื่องแบบใหม่แกะกล่อง
แล้วการซื้อ ขาย เครื่องมือ 2 จากเจ้าของที่ซื้อรถมาจริงๆล่ะ?
เรื่องนี้ส่วนตัวต้องบอกว่ายังไม่สามารถตอบได้แบบ 100% แต่จากประสบการณ์และข้อมูลที่ผ่านมาคาดว่า การรับประกันตัวมือถือโดยทั่วๆไปนั้น จะไม่ได้ระบุชื่อผู้ครอบครองมือถือแต่จะดูจากหมายเลขอีมี่ และในกรณีนี้ เลขอีมี่จะต้องผูกกับเลขตัวถังรถและข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อเปิดการรับประกัน
นั่นหมายความว่า ถ้าเจ้าของที่ซื้อรถคนแรก เปิดการรับประกันจากซังซุงให้ตามเงื่อนไข เท่ากับว่าเจ้ามือถือเครื่องนี้มีการรับประกันกับซัมซุงประเทศไทยแล้วอย่างถูกต้อง การเปลี่ยนเจ้าของหลังจากนี้ ไม่น่าจะทำให้การรับประกันสิ้นสุดลงแต่อย่างใด (เหมือนกับการขายมือถือจากศูนย์เป็นเครื่องมือ 2 ที่การรับประกันก็จะมีผลตามปกติและการเข้าศูนย์เพื่อรับบริการ แต่ละศูนย์จะตรวจสอบจากเลขอีมี่เท่านั้นว่ามีการรับประกันหรือไม่
อย่างไรก็ดีนี่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้นนะครับ ทางเราจะพยายามสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทั้งทาง Toyota และ Samsung ถึงความชัดเจนในกรณีนี้ต่อไป
กรณีนี้ใครผิด?
เราคงไม่สามารถฟันธงลงไปได้ว่าใครผิดสำหรับกรณีนี้ครับ เพราะเครื่อง Galaxy Note 4 จาก Toyota ที่ขายกันข้างนอกในตอนนี้ ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ราว 18,000 – 19,000 บาท ซึ่งถูกกว่าการซื้อเครื่องรุ่นปกติพอสมควร และแน่นอนว่าของถูก สเปคดีใครๆก็อยากได้
แต่ความถูกมาพร้อมกับอะไรที่เราต้องแลก กรณีนี้ก็คือการรับประกันนั่นเอง ซึ่งผู้บริโภคก็มีโอกาสเลือกของที่ถูกกว่า แต่ก็ต้องรับความเสี่ยงนั้นด้วยเช่นกัน
ส่วนซังซุงเอง ส่วนตัวผมมองว่าระบุเงื่อนไขการรับประกันร่วมกับโตโยต้าอย่างชัดเจนและไม่มีอะไรให้กังขา ตรงนี้ขึ้นกับว่าตอนที่เราซื้อรถ เราได้รับการแจ้งจากเซลขายรถมากน้อยแค่ไหน (แต่นโยบายมีแน่นอน เพราะอย่างน้อยผมก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับแจ้งมาอย่างละเอียด)
คนที่น่าตำหนิ ในกรณีนี้คือคนที่เอาของที่ควรจะแถมให้กับลูกค้าตามความตั้งใจของนโยบายการตลาดนี้ผิดเพี้ยนไป และก่อให้เกิดปัญหาตามมาหลายๆอย่าง ทั้งกรณีลูกค้าที่ซื้อรถและไม่ได้รับของสมนาคุณตามที่ควรจะเป็น (ผมเองก็เกือบเป็นคนหนึ่งที่จะไม่ได้ของแถมนี้เอาเหมือนกัน) ทั้งคนที่ซื้อมือถือจากร้านข้างนอกและไม่ได้รับการรับประกันตามที่ควรจะได้
กรณีนี้โตโยต้า ที่ถึงจะไมได้เป็นผู้ควรรับผิดโดยตรง ก็ควรมีนโยบายในการควบคุมและตรวจสอบการกระจายของสมนาคุณให้ดีขึ้น เพื่อให้นโยบายการส่งเสริมภาพลักษณ์และการตอบแทนลูกค้าของตัวเอง เป็นไปในแบบที่ควรจะเป็น มากกว่าการก่อผลประโยชน์ให้กับคนกลุ่มน้อย และสร้างความไม่พอใจให้กับคนกลุ่มใหญ่ครับ