เมื่อ2-3ปีที่ผ่านมา Apple ได้ให้กำเนิดขุมพลังแห่งประสิทธิภาพที่อุปกรณ์ที่ใช้ Android ยากที่จะตามทันอยู่เสมอ ด้วยชิปเซ็ตเทพในปีนี้ชื่อ A11 Bionic ที่ตั้งชื่อเพื่อแสดงถึงความเร็ว แล้วถูกนำมาใช้กับ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus รวมทั้ง iPhone X ในภายหลังด้วย
คุณ John Poole , ผู้ก่อตั้ง Primate Labs เป็นบริษัทที่สร้าง Geekbench benchmark test ได้ชี้ให้เห็นว่าคะแนนผลเทสของ iPhone รุ่นใหม่ทั้ง 3 รุ่น มากกว่าคะแนนของตระกูลตัวท็อปที่สุดของฝั่ง Android มากกว่า 50% ซึ่งเรื่องนี้ทำให้คุณ Poole ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมถึงคะแนนเทสที่พุ่งกระฉูด ทะลุมิติแบบนี้ มีเพียง Apple เท่านั้นที่ทำได้?
คุณ John Poole ผู้ก่อตั้งบริษัท Primate Labs ยังได้กล่าวอีกว่า “สิ่งนึงที่ผมยังไม่เข้าใจว่าทำไมคะแนนเทสฝั่ง Android ถึงยังไม่ได้เติบโตก้าวกระโดด แบบ Apple คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจาก…ทาง Apple ได้ใส่ชิปที่ประสิทธิภาพเทียบเท่าคอมพิวเตอร์ลงในมือถือ เพื่อการใช้งานที่หลากหลาย และแน่นอนว่าถ้าคนเราจะตัดต่อวีดีโอในสมาร์ทโฟน คงไม่มีใครอยากชิปเซ็ตเต่าๆอย่าง iPhone รุ่นแรกหรอกนะ มันคงบ้าไปแล้วแน่ๆ!”
แล้วยังมีอีกจุดนึงที่สำคัญเลยคือ ทาง Apple ได้พัฒนาชิปเซ็ตให้กับ iPhone เองอยู่เสมอ แม้ว่าฝั่ง Android ก็มีผู้ผลิตบางเจ้าที่ผลิตชิปเองเช่น Samsung มี Exynos , Huawei มี Kirin แต่จุดที่ทำให้ Android ยังเทียบชั้น iPhone ยากก็เพราะ ณ ตอนนี้ยังมีผู้ผลิตอีกหลายเจ้า ที่อุปกรณ์ภายในตัวเครื่อง ยังถูกผลิตจากหลากหลายบริษัทอยู่ ก็เลยไม่สามารถรีดประสิทธิภาพสูงสุด อย่างที่ Apple ทำได้นั่นเองครับ ทาง Android จะยังไงเพื่อกู้หน้าตัวเองกลับมา เราคงต้องติดตามกันตอนต่อครับ ท่านผู้ชม…