[ชวนคุยยามเช้า] ก็เพราะเวลาในแต่ละวันมันมีเท่าเดิม และใช้มันไปกับโทรศัพท์มือถือซะเยอะแล้ว จะเหลือเวลาทำอะไรกันอีกเล่า
เป็นคำพูดที่ผมเองก็เพิ่งจะพูดกับเพื่อนไปไม่นานครับ ว่าทำไมในทุกวันนี้ สื่อบันเทิงเดิมๆ มันดูจะขายยาก ผู้ใช้น้อย ยอดไม่ขึ้น ยิ่งถ้าสื่อเหล่านั้นอยู่นอกวงโคจรของการออนไลน์ หรือใช้งานไม่ได้บนแท็บแล็ตหรือโทรศัพท์มือถือก็ยิ่งแย่กันไปใหญ่
จริงๆ ก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่ยอดมันจะตกหรอกนะครับ เพราะยังมีธุรกิจอะไรมากมายที่ยังเดินหน้าต่อไปได้ แต่บางอย่างมันก็เริ่มไม่ไหวแล้วจริงๆ เพราะสิ่งที่สำคัญของผู่บริโภคในทุกวันนี้ นอกจากเรื่องตังค์ที่มีไม่ค่อยจะพอ ก็ยังเป็นเรื่องของ “เวลา” นี่แหละครับที่มันไม่ค่อยจะมี
ในหนึ่งวันมี 24 ชั่วโมง เราหมดเวลาไปแล้วกับการนอนและหน้าจอโทรศัพท์มือถือไปแล้วเท่าไหร่ ตามสถิติเขาว่ากันว่าคนเราทุกวันนี้ใช้เวลาบนหน้าจอมากกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน ถือเป็นครึ่งหนึ่งของช่วงชีวิตในเวลาตื่นนอนของเรากันเลยทีเดียว ฉะนั้นจะเหลือเวลาสักเท่าไหนในการจะไปเสพทีวี หนังสือ หรือจะเป็นเครื่องเกมที่เคยเป็นสุดรักของเรา ผมว่ามีไม่มากแล้วละครับ
ซื้อหนังสือที่อยากอ่านไว้แต่สุดท้ายก็วางกองอยู่ตรงนั้น ซื้อเครื่องเกมใหม่กับทีวีจอใหญ่ไว้ก็เป็นแค่ของประดับบ้าน เกมในตำนานที่เคยนั่งเล่นตอนมันเพิ่งออก ยังไม่ทันไปถึงไหน ก็ไม่มีเวลาไปเล่นมันต่อซะแล้ว
ถ้าลองมาเรียงลำดับความสำคัญของสิ่งบันเทิงที่เราเสพติดจริงๆ ในทุกวันนี้ดู ก็พอจะรู้ได้กันอยู่ว่าอะไรกำลังมา อะไรกำลังแย่ เช่นเราอาจจะมีเวลาไปดูหนังโรงกัน เพราะมันสอดรับกับรูปแบบชีวิต เล่นโทรศัพท์จนหนังเข้าพอหนังฉายก็ตั้งสมาธิดูกันไป พอจบก็ควักโทรศัพท์มารับช่วงต่อได้ทันที การฟังเพลงก็เช่นกัน ยังเป็นสื่อบันเทิงที่เข้ากันกับยุคคนติดโทรศัพท์ในทุกวันนี้ได้ดีเหลือเกิน ตามอง สมองอ่าน หูฟังเพลงคลอกันไป
แต่สิ่งอื่นๆ ที่อาจจะขัดกับวงจรชีวิตของเราไป ก็อย่าลืมมันไปให้มันน้อยใจครับ แต่อาจจะต้องเก็บไว้ในโอกาสที่ไม่ธรรมดา เช่นทริปท่องเที่ยวครั้งหน้า ลองมองหาหนังสือหรือเกมโปรด ติดรถไปต่างถิ่น แล้วเขวี้ยงทิ้งวงจรชีวิตเดิมๆ ไปนอนเล่นเห็นหาดทรายกับนิยายภาคต่อที่เรายังไม่เคยอ่าน หรือรวมกลุ่มไปมันกันกับ Playstation เครื่องใหม่ เปลี่ยนอารมณ์เปลี่ยนชีวิตบ้างแบบนี้ ก็ดีเหมือนกันนะครับ