ใครๆ ก็รู้ว่าขึ้นชื่อว่า Apple มีเหรอจะยอมให้ใครเข้ามาในระบบ Ecosystem ของตัวเองแบบฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร แต่หลายๆ คนคงไม่ทราบว่าแม้แต่การขอมาเป็นผู้ให้บริการค้นหาตามค่ามาตรฐานของ Apple นั้นก็ยังต้องจ่ายมหาศาลเช่นเดียวกัน (ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกเปลี่ยนได้โดยอิสระในเมนูการตั้งค่า) และแน่นอนว่าเมื่อ Google อยากจะมาเป็น “บริการค้นหาตามค่ามาตรฐานของ Apple” แล้ว ผู้ให้บริการค้นหายักษ์ใหญ่ของโลกก็ต้องยอมเสียค่าความอยากนี้ไปเป็นตัวเลขที่น่าตกใจมากจริงๆ
โดยล่าสุด Bloomberg รายงานว่าเอกสารสำนวนที่เตรียมไว้ฟ้องร้อง Google ของทางทีมกฎหมาย Oracle เปิดเผยว่า Google นั้นต้องจ่ายเงินให้ Apple ไปในปี พ.ศ. 2557 เพื่อการได้มาเป็นบริการค้นหาตามค่ามาตรฐานของโรงงานบน iPhone และ iPad ด้วยกันถึง 1 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือตีเป็นเงินไทยที่ประมาณ “สามหมื่นห้าพันล้านบาท” เลยทีเดียว ซึ่งแม้ว่าข้อตกลงระหว่าง Google และ Apple นั้นจะไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมาทั้งหมด แต่ส่วนที่หลุดออกมานั้นมีการระบุว่า Google จะต้องแบ่งส่วนแบ่งผลกำไรจากการให้บริการโฆษณาของตัวเองให้กับ Apple ด้วยอีกทอดหนึ่ง
ทั้งนี้ยอดตัวเลขที่มีการกล่าวถึงโดย Annette Hurst อัยการที่ดูแลเคสการฟ้องร้องระหว่าง Google และ Apple อยู่นั้นระบุว่า “ช่วงหนึ่งในสัญญา ส่วนแบ่งจากผลกำไรนั้นอยู่ที่ 34%” ซึ่งไม่มีการแจงรายละเอียดลงลึกต่อไปว่า 34% ที่ว่านี้คือ 34% ที่ Google เก็บไว้เอง (และต้องให้ Apple 66%) หรือเป็นจำนวนเปอร์เซ็นที่ต้องจ่ายให้กับ Apple ทั้งนี้ทนายความทางฝั่ง Google ขอให้ศาลเก็บข้อมูลในส่วนนี้ไว้เป็นความลับเพราะข้อตกลงระหว่าง Google และ Apple นั้นเป็นอะไรที่ “เซ็นซิทีฟสูงมาก”
โดยจำนวนตัวเลขในข้อตกลงสัญญาระหว่าง Google และ Apple นั้นถือเป็นข้อมูลที่มีความเซ็นซิทีฟและต้องเป็นความลับสูงมาก ซึ่งทั้งสองบริษัทเองที่ผ่านมาก็ไม่เคยนำข้อมูลการเจรจาและการตกลงกันของทั้งสองฝ่ายมาเปิดเผยเลยไม่ว่าจะจากคู่ข้างฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ด้วยเหตุนี้จริงไม่มีใครทราบตัวเลขที่ Google ต้องจ่ายให้กับ Apple ในการ “ขอ” ให้บริการระบบ Ecosystem ของ Apple เลยจนกระทั้งการเปิดเผยครั้งล่าสุดที่เป็นข่าวนี้ ที่สร้างความตื่นตะลึงให้เกิดขึ้นในโลกไอทีได้มากทีเดียว
เอาจริงๆ ต่อให้ Google ไม่จ่ายตังค์เพื่อเป็น “ค่ามาตรฐาน” ของบริการค้นหาของ iOS เราเองก็เชื่อว่าผู้ใช้เองก็คงจะตั้งใจเลือก Google เป็นบริการค้นหามาตรฐานอยู่แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เพื่อเป็นการรวบหัวรวบหางเข้าบ้าน Google เองคงพิจารณามาดีแล้วว่าทำแบบนี้เป็นทางออกที่ดีกว่า อย่างไรก็เป็นกำลังใจให้ทั้งสองบริษัทยักษ์พัฒนาสินค้าและบริการของตัวเองให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้ตาดำๆ อย่างพวกเราก็แล้วกันนะ