เปิดตัว GoPro HERO7 Black กล้องรุ่นใหม่ที่มาพร้อมระบบลดการสั่นไหวของวิดีโอ ‘HyperSmooth’ ราคาเปิดตัวที่ 14,500 บาท อัดแน่นด้วยฟีเจอร์เด็ด เช่น สตรีมมิ่งไลฟ์, วิดีโอ TimeWarp, SuperPhoto, ระบบเสียงที่ดีขึ้น และการตรวจจับใบหน้า รอยยิ้ม และฉาก ขณะบันทึกภาพ เปิดตัวพร้อมกันอีกสองรุ่น กับ HERO7 Silver (10,800 บาท) และ HERO7 White (7,200 บาท)
HyperSmooth คือ ระบบลดการสั่นไหวของวิดีโอ แบบติดตั้งในตัวกล้อง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถบันทึกวิดีโอได้อย่างลื่นไหลโดยไม่ต้องใช้กิมบอลเป็นตัวช่วยในการถ่ายวิดีโอ นอกจากนี้ HyperSmooth ยังมีความทนทาน สามารถกันน้ำได้ และใช้งานได้แม้ขณะมีลมแรง ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ กิมบอลยังไม่สามารถทำได้
นอกจากนี้ GoPro HERO7 Black ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์การบันทึกวิดีโอรูปแบบใหม่ล่าสุด ที่มีชื่อว่า TimeWarp ช่วยให้สามารถบันทึกวิดีโอได้แบบความเร็วสูง และสามารถร่นระยะเวลาทั้งหมดของวิดีโอนั้นๆ ลงมาให้เหลือได้เพียงไม่กี่วินาที และยังสามารถแชร์วิดีโอออกไปได้
โดยในเรื่องการแชร์ HERO7 Black คือกล้อง GoPro รุ่นแรกที่มีฟีเจอร์ สตรีมมิ่งไลฟ์ (Live) ซึ่งผู้ใช้งานสามารถแชร์วิดีโอของตนเองลงโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ เช่น Facebook, Twitch, YouTube, Vimeo ฯลฯ นับเป็นวิธีการแชร์เรื่องราวของคุณ ณ โมเม้นท์ที่กำลังเกิดขึ้นในรูปแบบสด!
คุณสมบัติของ HERO7 Black (14,500 บาท):
- การลดการสั่นไหวของวิดีโอด้วย HyperSmooth – ลดการสั่นไหวเหมือนกิมบอล โดยไม่ต้องใช้กิมบอล
- สตรีมมิ่งไลฟ์ – แชร์เรื่องราวในขณะที่คุณกำลังทำอยู่ด้วยสตรีมมิ่งวิดีโอ พร้อมทั้งบันทึกวิดีโอที่สตรีมลงในการ์ด SD ในความละเอียดสูงได้
- วิดีโอ TimeWarp – บันทึกวิดีโอไทม์แล็ปส์ที่ไร้การสั่นไหวในขณะที่คุณเคลื่อนไหวในฉาก เพิ่มความเร็วได้สูงสุด 30x
- SuperPhoto – ถ่ายภาพที่ดีที่สุด โดยอัตโนมัติ ด้วยระบบ HDR, Local Tone Mapping และการลดเสียงรบกวนอย่างชาญฉลาด (Multi-Frame Noise Reduction) เพื่อปรับแต่งการถ่ายภาพของคุณ
- ถ่ายภาพแนวตั้ง – บันทึกภาพถ่ายและวิดีโอในแนวตั้ง ซึ่งเหมาะสำหรับแชร์ลง Snapchat และ Instagram Stories
- ระบบเสียงที่ดีขึ้น – ปรับแต่งระบบเสียงเพื่อรองรับการจับรูปแบบเสียงได้กว้างขึ้น พร้อมทั้งวัสดุไมโครโฟนรูปแบบใหม่ที่ช่วยลดเสียงสั่นสะเทือนหากบันทึกวิดีโอในสถานการณ์ที่มีการเคลื่อนไหวค่อนข้างแรง เช่น นั่งบนหลังม้า หรือขับรถบนเส้นทางขรุขระ
- หน้าจอสัมผัสใช้งานง่าย – หน้าจอขนาด 2 นิ้ว ที่ใช้งานได้ง่ายขึ้น และสามารถใช้ถ่ายภาพแนวตั้งได้
- การตรวจจับใบหน้า รอยยิ้ม และฉาก – HERO7 Black สามารถจดจำใบหน้า การแสดงสีหน้า และลักษณะของฉากได้ เพื่อช่วยให้สามารถตัดต่อวิดีโอผ่าน QuikStory บนแอพ GoPro ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- คลิปสั้น – บันทึกคลิปวิดีโอได้สูงสุด 15 – 30 วินาที เพื่อส่งเข้าโทรศัพท์มือถือ ตัดต่อ และแชร์วิดีโอได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ใช้ใหม่และเด็ก
- ตัวตั้งเวลาภาพถ่าย – นับเวลาถอยหลังได้ เพื่อการถ่ายรูปเซลฟี่ หรือภาพหมู่ ได้สะดวกยิ่งขึ้น
- ความละเอียดภาพระดับสูง – วิดีโอ 4K60 และภาพถ่าย 12MP
- วิดีโอที่ช้าลงมากกว่าเดิม – วิดีโอ 8x slow motion ความละเอียด 1080p240
- ทนทานและกันน้ำ – แชร์ประสบการณ์ที่คุณบันทึกไม่ได้ด้วยโทรศัพท์ HERO7 Black ทนทานและกันน้ำโดยไม่ต้องใส่ กรอบใด ๆ ลึกถึง 10 เมตร
- การควบคุมด้วยเสียง – ควบคุมบบแฮนด์ฟรีด้วยคำสั่งเสียงได้มากถึง 14 ภาษา
- โอนย้ายไปยังโทรศัพท์อัตโนมัติ – ภาพถ่ายและวิดีโอของคุณจะย้ายไปยังโทรศัพท์ของคุณได้โดยตรงเมื่อเชื่อมต่อแอพ GoPro เพื่อให้คุณสามารถแชร์ได้อย่างรวดเร็ว
- สติ๊กเกอร์สมรรถนะ GPS – ติดตามความเร็ว ระยะทาง และความสูง แล้วแปะสติ๊กเกอร์ในวิดีโอของคุณในแอพ GoPro เพื่อแสดงว่าคุณไปได้เร็ว ไกล และสูงแค่ไหนในขณะที่เคลื่อนไหว
- การซูมแบบสัมผัส – จัดเฟรมภาพถ่ายและวิดีโออย่างลงตัวเพียงแค่แตะหน้าจอ
นอกจาก HERO7 Black แล้ว ยังมีกล้องอีก 2 ตัวที่ GoPro นำเสนอ ได้แก่ HERO7 Silver และ HERO7 White ตามมาเพิ่มกันอีก 2 รุ่นในชื่อสองสีที่ต่างกัน
กล้อง HERO7 Silver (10,800 บาท) วิดีโอความละเอียด 4K และ HERO7 White (7,200 บาท) วิดีโอความละเอียด 1080p ขนาดเล็กกะทัดรัด และกันน้ำได้ลึกที่สุดถึง 10 เมตร รองรับการออกคำสั่งผ่าน voice command หรือเพียงแค่กดปุ่มชัตเตอร์ ก็เปิดใช้งานกล้องได้ทันที
ทั้งสามรุ่นเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยในราคา GoPro HERO7 Black (14,500 บาท), HERO7 Silver (10,800 บาท) และ HERO7 White (7,200 บาท) สามารถสั่งพรีออเดอร์ได้แล้ววันนี้ผ่านร้านค้าบางสาขาของผู้แทนจำหน่ายเช่น World Camera, Jaymart, Big Camera, Power Buy, และ Fotofile
โดยสำหรับลูกค้าท่านใดที่สั่งพรีออเดอร์ GoPro HERO7 Black กับร้านค้าเหล่านี้ ระหว่างวันที่ 21 – 26 กันยายน 2561 รับของแถมเป็นชุดกระเป๋ากล้องสำหรับเดินทาง มูลค่า 2,100 บาท (ของมีจำนวนจำกัด) กล้องทั้ง 3 ตัวจะออกวางจำหน่ายทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน เป็นต้นไปนะครับ