Twitter ได้ออกประกาศรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 4 เมื่อวันพฤหัสบิดีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้และผลกำไรต่อการประมาณการหุ้นเพิ่มขึ้น แต่มีความสูญเสียเกี่ยวกับเป้าของจำนวนบัญชีผู้ใช้ที่ยังมีการเคลื่อนไหวบัญชีอยู่ (MAU – month active user)
Twitter ได้รายงานเกี่ยวกับ 288 ล้านบัญชีผู้ใช้ที่ยังมีการเคลื่อนไหวบัญชีอยู่ (MAUs) กับจำนวนบัญชีผู้ใช้ที่คาดหวังไว้ 295 ล้าน ซีอีโอ Anthony Noto ได้ออกมากล่าวว่าการลดลงของจำนวนบัญชีผู้ใช้เป็นผลมาจากการเปิดตัวของ iOS 8 ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา
Noto กล่าวว่า
[quote]เราสูญเสียบัญชีผู้ใช้ไปประมาณ 4 ล้านรายเนื่องจากการเปิดตัวของ iOS 8[/quote]
ทว่าผู้เชี่ยวชาญของ Apple กลับไม่เข้าใจคำอธิบายของ Noto:
ต่อมาเหล่านักลงทุนของ Twitter ได้ออกมาชี้แจงว่าพวกเขาไม่ได้กล่าวโทษ iOS 8 แต่อย่างใด
แล้วเกิดอะไรขึ้น?
ใน iOS 7 ถ้าคุณเข้าใช้งาน Twitter การแชร์ URL จะมีการทำงานอย่างอัตโนมัติในการแสดงให้คุณเห็นสิ่งที่ทวีตจากคนอื่นที่มีการเชื่อมต่อบัญชีร่วมกันในขณะนั้น ในขณะที่การทำงานบน iOS 8 มีการจำกัดการทำงานแบบอัตโนมัตินี้ไว้ ดังนั้นจึงทำให้การทวีตใน iOS 8 ไม่สามารถทำงานได้อย่างทันท่วงที อีกทั้งการติดตามฟีดข่าว RSS ในส่วนของการแชร์ URL ก็เช่นกันที่จะทำให้เกิดการลดความสำคัญของการเชื่อมโยงทวิตเตอร์เข้าด้วยกัน
Twitter กล่าวว่ายังมีผู้ใช้ลดลงอีก 1 ล้านคนจากการปรับปรุงการทำงานของ Twitter เองและบางบัญชีผู้ใช้ที่ไม่ได้รับรหัสผ่านในการทำงานเนื่องจากปัญหาการเข้ารหัส
ซีอีโอ Business Insider Dick Costolo กล่าวว่า
[quote]มี 2 ประเด็นที่ต้องกล่าวถึง หนึ่งคือการทำงานอัตโนมัติของ Safari ที่ทำให้เกิดความสูญเสียกว่า 3 ล้านบัญชีผู้ใช้และเราเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าพวกเขาจะกลับมา ส่วนอีกประเด็นคือปัญหาที่ซับซ้อนยิ่งกว่าของการเข้ารหัสของ Twitter เองใน iOS ของคุณ เมื่อมีการทำงานร่วมกันทำให้บัญชีผู้ใช้จำนวนมากไม่สามารถใช้งาน Twitter ได้ จากทั้งสองประเด็นยิ่งทำให้ปัญหายิ่งซับซ้อนขึ้นและไม่สามารถแก้ปัญหาได้ในจุดเดียว ดังนั้นในขณะนี้ทีมงาน Twitter เองก็กำลังเร่งมือแก้ไขปัญหานี้เพื่อรับมือกับมัน ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคือมีผู้ใช้จำนวนมากที่ไม่สามารถใช้งานได้[/quote]
จากปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้มีจำนวนผู้ใช้ลดลงไปประมาณ 4 ล้านบัญชีจากในปัจจุบันที่มีอยู่ 288 ล้านบัญชีผู้ใช้ ลดลงกว่ายอดที่บริษัทคาดหวังไว้ถึง 7 ล้านบัญชี ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับมัน
ที่มา: Businessinsider