หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ Spotify หนึ่งในบริการมิวสิคสตรีมมิ่งรายยักษ์ของโลก เชื่อว่าตอนนี้หลายๆ คนกำลังทดลองใช้บริการ Spotify แบบพรีเมี่ยมฟรีหนึ่งเดือนแรกกันอยู่เพื่อการตัดสินใจว่าจะไปต่อกับบริการมิวสิคสตรีมมิ่งในประเทศไทยเราของค่ายใดดี เพราะแต่ละค่ายก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป งานนี้คงแล้วแต่การตัดสินใจส่วนบุคคล
แต่สำหรับใครที่ตัดสินใจได้แล้ว หรืออยากที่จะศึกษาข้อมูลไว้ก่อนเพื่อการตัดสินใจต่อไป อาจเพราะยังอยู่ในช่วงเวลาทดลองใช้ฟรีของแต่ละบริการอยู่ วันนี้ APPDISQUS ก็มีวิธีการยกเลิกการสมัครสมาชิกแบบเสียเงินของสามบริการมิวสิคสตรีมมิ่งชื่อดังของโลก และของไทยเรา ณ ตอนนี้มาฝากกัน
Apple Music
ทดลองใช้งานฟรี 3 เดือน หลังจากนั้นเดือนละ 129 บาทสำหรับบัญชีส่วนบุคคล 199 บาทสำหรับบัญชีแบบครอบครัว และ 69 บาทสำหรับนักศึกษา ต่ออายุอัตโนมัติ
https://www.youtube.com/watch?v=egHjkeiqjrA
Apple Music เป็นบริการมิวสิคสตรีมมิ่งของทาง Apple ที่มีจุดเด่นตรงเพลงสากลเยอะมาก และเพลงไทยเยอะพอประมาณ โดย Apple เปิดให้บริการในประเทศไทยมานานพอสมควรแล้ว จุดเด่นของ Apple Music นั้นคือการศึกษาพฤติกรรมการใช้งานและเพลงแนวที่ผู้ใช้บริการชอบ เพื่อเลือกเพลย์ลิสหรือเพลงที่เราสนใจขึ้นมานำเสนอ มีอัลบัมจากหลายศิลปินต่างประเทศที่เป็นดีลเฉพาะแบบจำกัดเวลากับทาง Apple Music
จุดอ่อนของ Apple นั้นคือเพลงไทยที่มีเยอะขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมหากเทียบกับคู่แข่งอย่าง Joox ที่เป็นบริการมิวสิคสตรีมมิ่งยอดนิยมของคนไทย
วิธีการยกเลิกสมาชิกแบบเสียเงินของ Apple Music
- เปิด Apple Music บน iOS หรือ Android ขึ้นมา จากนั้นกดตรงเครื่องหมายสามขีดเพื่อเรียกเมนูขึ้นมา
- กดที่รูปโปรไฟล์ผู้ใช้งานของเราเพื่อเข้าสู่หน้าจัดการบัญชี
- เลือก Manage Membership (จัดการสมาชิก) จากนั้นเลือก Subscription
- ปิด Automatic Renewal หรือการต่ออายุแบบอัตโนมัติ
*ทริคเล็กน้อยสำหรับคนที่กำลังจ่ายเงินให้ Apple Music อยู่แต่อยากหันไปลองบริการอื่นๆ ชั่วคราว คุณสามารถเลือกหยุดการจ่ายเงินอัตโนมัติไว้ได้โดยไม่ส่งผลใดๆ กับสถานภาพสมาชิกรอบปัจจุบันของคุณ นั่นหมายความว่าคุณจะไม่สามารถเข้าใช้ Apple Music ได้เมื่อสิ้นสุดสถานภาพสมาชิกในรอบการตัดรอบบิลที่จะมาถึงเท่านั้น ดังนั้นสำหรับใครที่มีแนวโน้มว่าจะไม่ได้ใช้ Apple Music ไปสักพัก การเข้าไปปิดการต่ออายุอัตโนมัติเอาไว้ก่อนชั่วคราวจึงถือเป็นสิ่งที่ควรทำ ดีกว่าการปล่อยเสียเงินไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้ใช้งาน
ทั้งนี้บน iPhone / iPad หากคุณต้องการยกเลิกการสมัครสมาชิกเลย (ไม่ใช่แค่ยกเลิกการต่อสมาชิกอัตโนมัติ) ไม่ว่าจะบริการใดๆ ก็ตาม กรุณาทำตาม ขั้นตอน “การยกเลิกการสมัครรับของคุณ” จากเว็บไซต์ Apple
Spotify
ทดลองใช้งานฟรีแบบ Premium 1 เดือน หลังจากนั้นเดือนละ 129 บาทสำหรับบัญชีส่วนบุคคล 199 บาทสำหรับบัญชีแบบครอบครัว ต่ออายุอัตโนมัติ
Spotify เปิดให้ใช้งานแบบฟรีตลอดชีพได้ แต่จะได้คุณภาพเสียงที่ลดลง รวมไปจนถึงการกำหนดจำนวนครั้งในการข้ามเพลง และมีโฆษณาแทรกระหว่างการรับฟัง รวมทั้งไม่สามารถฟังเพลงได้ทุกเพลง เพราะเพลงบางเพลงเป็นสิทธิ์ของผู้ใช้งานในแบบ Premium และไม่สามารถดาวน์โหลดมาฟังออฟไลน์ได้
https://www.youtube.com/watch?v=TJrlScbTVMs
Spotify เป็นบริการมิวสิคสตรีมมิ่งที่ถือว่าเพิ่งเข้ามาบ้านเราสดๆ ร้อนๆ แต่ชื่อชั้นและดีกรีนั้นมีมายาวนานเหนือใคร และยังเป็นบริการมิวสิคสตรีมมิ่งที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นเบอร์ต้นของโลกอีกด้วย ด้วยเพราะความหลากหลายของอุปกรณ์ที่รองรับการใช้งาน Spotify ที่เรียกได้ว่าหากเป็นอารมณ์วิดีโอสตรีมมิ่งก็ต้องเอาไปเทียบกับ Netflix เลยทีเดียว อีกทั้งยังมีเพลงสากลที่เยอะมากจนต้องร้องขอชีวิต รวมไปจนถึงเพลย์ลิสต่างๆ ที่น่าสนใจและสามารถติดตามได้เพื่อการอัพเดตเพลย์ลิสนั้นๆ ทำให้ Spotify คือตัวเลือกอันดับต้นๆ ของคนฟังเพลงออนไลน์เลยทีเดียว
ทั้งนี้เพราะ Spotify เพิ่งเข้ามาเปิดตัวในบ้านเราแบบสดๆ ร้อนๆ ทำให้เพลงไทยที่มีบริการนั้นยังมีน้อยมาก ดังนั้น Spotify จริงไม่น่าจะใช้ทางเลือกที่น่าสนใจหากคุณเป็นคนนิยมการฟังเพลงไทยเป็นหลักเท่านั้น อย่างน้อยๆ หากไม่มีอะไรผิดพลาดก็อาจต้องรออีกประมาณ 1 ปี ขึ้นปีหน้าเรามั่นใจว่า Spotify จะไม่ทำให้คอเพลงชาวไทยผิดหวังอย่างแน่นอน
วิธีการยกเลิกสมาชิกแบบเสียเงินของ Spotify
วิธีที่ง่ายที่สุดในการยกเลิกสมาชิกแบบเสียเงิน (Premium Member) ของ Spotify นั้นคือการแคลเซิลผ่านหน้าเว็บไซต์ของ Spotify เอง โดยวิธีการนี้ใช้ได้เฉพาะกับผู้ที่สมัครสมาชิกแบบเสียเงินของ Spotify ผ่านทางแพลตฟอร์มของ Spotify เท่านั้น หากคุณสมัครผ่านทางช่องทางอื่นเช่นบริการของ DTAC วิธัในการแคลเซิลอย่างสมบูรณ์แบบนั้นจะต้องติดต่อสอบถามจากทาง DTAC ต่อไป
- เข้าสู่ระบบที่เว็บไซต์ของ Spotify หรือ คลิกเพื่อเข้าสู่ระบบ Spotify
- ในหน้าบัญชีสมาชิก เลือกเมนู “Subscription” หรือ “การสมัครสมาชิก” จากเมนูทางด้านซ้ายมือ
- ในหน้า “Subscription” หรือ “การสมัครสมาชิก” เลือก “เปลี่ยนหรือยกเลิก”
- คุณจะไม่ถูกคิดเงินในรอบบิลต่อไป บัญชีของคุณจะยังคงเป็น Premium ไปจนกว่าจะหมดอายุรอบการสมัครสมาชิกรอบปัจจุบันของคุณ
Spotify เป็นแอพพลิเคชั่นมิวสิคสตรีมมิ่งหลักตัวเดียวที่มีรองรับในระบบ Tizen นั่นหมายความว่าผู้ใช้งาน Samsung Gear S2, Samsung Gear s3 และ Samsung Gear Fit2 ในต่างประเทศสามารถใช้งาน Spotify แบบเนทีฟแอพพลิเคชั่นบนนาฬิกาของตนได้แล้ว แต่ทั้งนี้ APPDISQUS ได้ลองหา Spotify ใน Gear Store ของไทยเราดูแล้วพบว่า ณ ตอนนี้ยังไม่มีให้ชาวไทยได้ดาวน์โหลดแต่อย่างใด คงต้องรอติดตามกันต่อไป
นอกจากนี้ฟรอนต์รถยนต์ของใครเคยมีปัญหากับมิวสิคสตรีมมิ่งตัวอื่นๆ ก่อนหน้านี้ เช่น Joox และ Apple Music ทีมงานพบว่า Spotify สามารถใช้งานกับฟรอนต์รถที่เคยมีปัญหาการบังคับเพลงและการแจ้งชื่อและแจ้งเวลาของเพลงได้อย่างสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นบน HR-V ปี 2016 โดยไม่มีฟังก์ชั่นใดที่ติดปัญหาการใช้งานเลย
ทั้งนี้บน iPhone / iPad หากคุณต้องการยกเลิกการสมัครสมาชิกเลย (ไม่ใช่แค่ยกเลิกการต่อสมาชิกอัตโนมัติ) ไม่ว่าจะบริการใดๆ ก็ตาม กรุณาทำตาม ขั้นตอน “การยกเลิกการสมัครรับของคุณ” จากเว็บไซต์ Apple
Joox Music
ทดลองใช้งานฟรีแบบ VIP 3 เดือน หลังจากนั้นเดือนละ 129 บาทสำหรับบัญชีส่วนบุคคล ไม่มีการต่ออายุอัตโนมัติ
Joox เปิดให้ใช้งานฟรีตลอดชีพได้ แต่คุณภาพเสียงจะลดลง และมีโฆษณาแทรกระหว่างการฟังเพลง รวมทั้งไม่สามารถฟังเพลงได้ทุกเพลง เพราะเพลงบางเพลงเป็นสิทธิ์ของผู้ใช้งานในแบบ VIP และไม่สามารถดาวน์โหลดมาฟังออฟไลน์ได้
Joox เป็นบริการมิวสิคสตรีมมิ่งที่มียอดผู้ใช้งานสูงที่สุในเมืองไทย โดยนอกจากค่าบริการแบบ VIP จะถูกแล้ว (1099 บาทต่อปีหากสมัครเป็นรายปี) Joox ยังชอบมีโปรโมชั่นสมัครสมาชิก VIP แบบต่างๆ ออกมาเล่นให้คนใช้บริการได้เลือกกันตามความเหมาะสมอยู่เสมอ ความแข็งแกร่งของ Joox นอกจากเรื่องของค่าบริการแล้วยังเป็นเรื่องเพลงไทยที่มีอยู่เป็นจำนวนมากที่สุดในบรรดามิวสิคสตรีมมิ่งแบบเดียวกันที่มีอยู่ในตลาดไทย และทางด้านเพลงสากลนั้น แม้จะเป็นรองทั้ง Apple Music และ Spotify อยู่เยอะมาก แต่ก็ไม่ได้น้อยจนน่าขัดใจขนาดนั้น ถือว่ายังหาเพลงฮิตๆ ฟังอยู่ได้ตามปกติ
จุดแข็งอีกหนึ่งข้อของ Joox คือเรื่องของรายการบันเทิงที่ผลิตโดย Joox เอง ซึ่งคู่แข่งอย่าง Apple Music ก็มีบริการประเภทนี้อยู่ หากแต่ถ้านับคอนเทนต์ที่เหมาะกับชาวไทยก็ต้องบอกว่าไม่สามารถเทียบกับ Joox ได้เลย นอกจากนี้ Joox ยังมีการจัดงานอีเวนท์คอนเสิร์ตต่างๆ ในประเทศไทยอยู่เสมอ และมีการเชิญผู้ใช้บริการแบบ VIP ไปร่วมสนุกตามกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นในประเทศไทยอยู่เป็นประจำ
ข้อเสีนที่เด่นชัดมากเห็นจะเป็นตัวแอพพลิเคชั่นที่ไม่มีความหลากหลายทางด้านการรองรับการใช้งานในอุปกรณ์ต่างๆ จนแทบจะเรียกได้ว่า นอกจากมือถือและคอมพิวเตอร์แล้ว Joox แทบไม่สามารถใช้บนอุปกรณ์อื่นๆ ได้อีกเลย ต่างจาก Spotify และ Apple Music ที่รองรับการใช้งานบนอุปกรณ์อื่นๆ มากมายแทบจะครอบคลุม
นอกจากนี้ Joox ยังเป็นแอพพลิเคชั่นที่ไม่สามารถบังคับผ่านฟรอนต์รถยนต์บางชนิดได้เลย (ยกตัวอย่างเช่น HR-V ปี 2016 ซึ่งทำได้เพียงปล่อยเสียงเพลงผ่านไปเท่านั้น ชื่อเพลง เวลา และการบังคับเลื่อนเพลงไม่สามารถทำได้เลย) ทำให้ความสะดวกในการใช้งานนั้นให้ประสบการณ์ติดลบกันเลยทีเดียว น่าเสียดายคอนเทนต์ที่เหมาะกับคนไทยเป็นอย่างยิ่งที่ตนมีบริการ
วิธีการยกเลิกสมาชิกแบบเสียเงินของ Joox
จุดเด่นของ Joox คือเป็นบริการมิวสิคสตรีมมิ่งที่ไม่มีการต่ออายุสมาชิกโดยอัตโนมัติ นั่นทำให้คุณไม่ต้องยกเลิกบริการใดๆ หากไม่ต้องการใช้งาน แค่ปล่อยให้อายุสมาชิกแบบ VIP ของคุณหมดไป Joox จะไม่ชาร์จเงินคุณโดยอัตโนมัติแต่อย่างใด ดังนั้นหากใครหมดช่วงเวลาสมาชิกแบบ VIP แล้วและต้องการยกเลิกสมาชิกแบบเสียเงินก็แค่ปล่อยมันทิ้งไป ไม่ต้องไปสนใจอะไร
เอาล่ะ นี่ก็เป็นวิธีการยกเลิกสมาชิกแบบเสียเงินของบริการมิวสิคสตรีมมิ่งชื่อดังค่ายต่างๆ ในไทยเรา ท้ายที่สุดแล้วเพื่อนๆ เลือกใช้บริการมิวสิคสตรีมมิ่งเจ้าใด อย่าลืมลงความเห็นกันเอาไว้พร้อมเหตุผล เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจของเพื่อนๆ ท่านอื่นๆ กันด้วยนะครับ