ในช่วงที่ตลาด คริปโต ยังซบเซาอย่างในปัจจุบัน เมื่อหันมองดูคนรอบข้าง จากที่มีแต่คนพูดคุยเกี่ยวกับการเทรดคริปโต กลายเป็นว่าตอนนี้เงียบกริบไม่พูดเรื่องนี้กันเลย ซึ่งเชื่อว่าพวกเขาไม่ได้หมดศรัทธาในคริปโตเคอร์เรนซี หรือไม่คิดจะเทรดคริปโตกันอีกแล้ว เพียงแค่ตอนนี้อยู่ในสถาวะที่เรียกว่า ติดดอย เงินลงทุนส่วนใหญ่กลายเป็นเงินคริปโตที่ราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดินเกือบหมดแล้ว หากขายตอนนี้ก็ขาดทุนหนัก จึงอยู่ในสถานะไม่ซื้อไม่ขาย และยังไม่กล้าลงทุนเพิ่ม แล้วเราจะนั่งรอความหวัง หรือมีทางออกอย่างอื่นหรือไม่? วันนี้เราจะมาแนะนำการนำคริปโตในมือไปลงทุนโดยไม่ต้องขายแต่มีรายได้เพิ่มขึ้นทุกวัน
แนะนำวิธีการลงทุนเกี่ยวกับ คริปโต สำหรับมือใหม่ รายได้เพิ่มทุกวัน
ขอแจ้งก่อนว่าบทความนี้จะแนะนำสำหรับมือใหม่เลย จึงขอนำเสนอการลงทุนที่ง่ายและปลอดภัย ประมาณ 2-3 รูปแบบการลงทุน สำหรับการลงทุนที่อาจได้รับผลตอบแทนสุงแต่ก็มีความเสี่ยง ต้องใช้การศึกษาค้นคว้าเยอะ อันนี้ขอละเอาไว้ก่อนนะครับ (คู่มือการศึกษาคว้าเกี่ยวกับการลงทุนในคริปโต) สำหรับมือใหม่ที่ว่า หมายถึงมือใหม่ในการลงทุนคริปโตที่มากกว่าการเทรดซื้อขายคริปโตนะครับ ผมเชื่อว่าหลายคนไม่ใช่มือใหม่สำหรับการเทรด เชี่ยวชาญ เก่ง และเทรดคริปโตมานานแล้ว แต่อาจยังไม่เคยศึกษารูปแบบการลงทุนอื่น ๆ ที่จะมาช่วยเพิ่มเงินในกระเป๋าของเรา ดังนั้นผู้อ่านตอนนื้ถือว่ามีบัญชีของกระดานเทรดคริปโตแล้ว โดยเฉพาะกระดานเทรดในประเทศไทย อย่าง Bitkub หรือ Zipmex เป็นต้น แต่สำหรับใครที่ไม่มีบัญชี หรือมือใหม่ในการเทรดเลย สามารถอ่านบทความนี้ได้ครับ
มาต่อสำหรับคนที่มีบัญชีกระดานเทรดคริปโตและมีเหรียญคริปโตในมือเรียบร้อยแล้ว ให้ท่านไปเปิดบัญชีของ Binance เสียก่อน ซึ่งมีวิธีดังนี้
เมื่อมีทั้งบัญชีของ Bitkub และ Binance เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับเหรียญคริปโตในบัญชี สำหรับมือใหม่แนะนำให้ฝากเงินเข้า Binance เลยครับ แต่สำหรับคนที่มีเหรียญติดดอยอยู่แพลตฟอร์มอื่น อย่าง Bitkub หรือ Zipmex ก็โอนเงินเข้ามาที่ Binance เตรียมพร้อมลงทุน
บทความนี้จะขอแนะนำการลงทุนใน Binance 3 รูปแบบ ได้แก่ Savings, Staking และ BNB Vault นิยามและข้อแตกต่างของแต่ละอัน ก็คือ
Savings คือ การเหรียญคริปโตไปฝาก แล้ว Binance จะเอาไปปล่อยกู้ให้คนอื่น เราก็จะได้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยทบต้น ซึ่งจะได้สูงกว่าธนาคารมาก เพราะคริปโตไม่มีส่วนกลางที่ต้องจ่ายค่าเช่าที่ดิน สร้างตึก จ้างพนักงาน และค่าบริหารจัดการต่าง ๆ ดังนั้นดอกเบี้ยเราจึงได้เยอะพอสมควร โดยแต่ละเหรียญจะให้ดอกเบี้ยต่างกัน (ดอกเบี้ยแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อปี) เราสามารถเลือกได้ว่าจะฝากแบบ Flexible ที่ถอนเมื่อไหร่ก็ได้จะได้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยตามจำนวนวันที่ฝาก ส่วน Locked จะเหมือนการฝากประจำ กำหนดจำนวนวันเอาไว้ ถอนก่อนจะไม่ได้ดอกเบี้ย แต่หากฝากถึงวันที่กำหนดจะได้ดอกเบี้ยสูงกว่า Flexible หากสนใจ ท่านก็สามารถกดปุ่ม Subscribe แล้วทำตามขั้นตอนไปเรื่อย ๆ ได้เลย ส่วนปุ่ม Auto- Subscribe หากเราเปิดไว้ ระบบจะกำหนดว่าหากเหรียญที่เราฝากเข้ามาในกระเป๋าเมื่อไหร่ ระบบจะทำการ Subscribe ให้อัตโนมัติ (เคยมีกรณีที่มือใหม่หลายท่าน สงสัยว่าเงินใน Binance หายไป หลังจากโอนเข้า แต่แท้จริงแล้วตัวคนนั้นเองไปกดปุ่ม Auto- Subscribe เอาไว้ทำให้เหรียญถูกฝาก Savings อัตโนมัติ)
สำหรับการถอนเงิน เพียงเราไปที่หน้า Binance Earn แล้วระบบจะแสดงตารางการลงทุนคริปโตทั้งหมดองเรา เราเพียงมองหาแท็บ Savings และแถวของเหรียญที่เราต้องการถอนออก เลื่อนแถบของตารางไปที่คอลัมน์ท้าย ๆ หาคำว่า “Redeem” กดเพื่อถอนเงินได้เลย ซึ่งจะมีให้เลือกถอนแบบ Fast Redemption (ถอนทันที แต่ดอกเบี้ยในวันสุดท้ายไม่ถูกนำมาคิดให้เรา) และ Standard Redemption (จะได้เงินในวันต่อไป พร้อมดอกเบี้ยในวันที่กด Redeem)
Staking เหมือนการเอาเหรียญคริปโตนั้น ๆ ไปวางเป็นเงินค้ำประกันการทำธุรกรรมของเหรียญนั้น ๆ เมื่อธุรกรรมสำเร็จ เราก็จะได้รับรางวัลเป็นเหรียญนั้น ๆ กระบวนการนี้เขาเรียกว่า Proof of Stake ซึ่งเกิดขึ้นมาเพื่อลบจุดอ่อนของ Proof of work ดั้งเดิมที่อาจยืนยันธุรกรรมได้ช้า (กระบวนการยืนยันเรียกว่าการขุดคริปโต) ซึ่งทั้งสองแบบ ผู้ลงทุนต่างได้รับรางวัลของการยืนยันธุรกรรมเป็นเหรียญคริปโตนั้น ๆ ดังนั้นถือว่า Staking มีผลตอบแทนที่น่าสนใจไม่ต่างจากการขุดคริปโตเลยทีเดียว แถมไม่ต้องใช้ความรู้เรื่องฮาร์ดแวร์เหมือนการขุดเหรียญคริปโตเลยครับ และผลตอบแทนของ Staking จะสูงกว่า Savings พอสมควร แต่ Staking จะมีแต่รูปแบบล็อควัน เช่น 30 วัน 60 วัน 90 วัน 120 วัน เป็นต้น หากถอนก่อนกำหนดจะไม่ได้ผลตอบแทนเลย ดังนั้นการ Staking เหมาะกับคนที่ถือยาว ๆ ไม่รีบร้อน ไม่ว่าเหรียญจะขึ้นหรือลง อ้อ!! การถอนจะไม่ได้ในทันทีด้วยนะครับ กดถอนวันนี้จะเป็นวันถัดไปจึงจะได้เหรียญ สมมุติว่าวันนี้เหรียญ ADA ขึ้น แล้วเราอยากขาย สุดท้ายกว่าเราจะถอนออกมาได้เหรียญอาจราคาตกแล้วก็เป็นได้ ดังนั้นมันเหมาะกับคนที่ต้องการถือยาว ๆ นะครับ อันนี้ย้ำอีกรอบ Staking จะมี 2 รูปแบบ ได้แก่ Locked Staking และ DeFi Staking อย่างหลังไม่แนะนำสำหรับมือใหม่นะครับ เพราะมันเป็นการนำไป Staking กับแพลตฟอร์มภายนอกที่ Binance ไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ สำหรับการถอนก็ทำเช่นเดียวกับการถอนของ Savings นั่นคือเข้าไปที่หน้า Earn มองหาแท็บ Staking ตารางด้านล่างเลือกเหรียญที่ต้องการถอน เลื่อนตารางไปคอลัมน์ท้าย ๆ แล้วกด Redeem และถอนได้เลยครับ
BNB Vault เมนูการลงทุนนี้เหมาะกับคนที่ถือเหรียญ BNB ซึ่งเป็นเหรียญของ Binance เอง แน่นอนว่าแพลตฟอร์มเขาก็ต้องออกผลิตภัณฑ์ที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ถือเหรียญของตัวเองออกมา BNB Vault จะเป็นเครื่องมือที่รวมการลงทุนทุกแบบที่ BNB ลงทุนได้ผลตอบแทนมากที่สุด ทั้ง Savings Staking และอื่น ๆ เพียงกด Subscribe คลิกเดียวก็นอนรอผลกำไรได้เลย (มีปุ่ม Auto-Subscribe เหมือนใน Savings ด้วย)
ทั้งหมดนี้เป็นการลงทุนที่ง่ายและสะดวกในแพลตฟอร์ม Binance ที่ผมอยากนำเสนอเป็นทางเลือกสำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังติดดอยกันอยู่ หรือบางคนที่คิดถึงการลงทุนระยะยาว ไม่ใช่หวังกำไรจากการเทรดคริปโตระยะสั้น รวมทั้งระบุข้อแตกต่างระหว่าง Savings, Staking และ BNB Vault แต่อย่างไรก็ตาม ในโลกของคริปโตยังมีรูปแบบการลงทุนอีกมากมาย เฉพาะของ Binance ก็มีมากจนศึกษาในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ได้ ใครที่สนใจแนะนำให้ทำการศึกษาค้นคว้าให้ดี ๆ ก่อนตัดสินใจลงทุนนะครับ ซึ่งบทความนี้เราก็ไม่ได้จะมาเชิญชวนให้ลงทุน ผู้ลงทุนทุกท่านต้องศึกษาให้เข้าใจรอบด้านก่อนตัดสินใจนะครับ ด้วยความปรารถนาดี