วันนี้ผมได้ไปเจอบทความต่างประเทศที่มีประโยชน์มาก ๆ ต่อการทำธุรกิจและลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี หรือ คริปโต (Crypto) เป็นวิธีการที่เจ้าของบทความระบุว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์การการวิจัยด้านคริปโตก่อนที่จะตัดสินใจซื้อขาย ทำธุรกรรม การลงทุน และอื่น ๆ เกี่ยวกับ คริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งถือว่าการวิจัยนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจหรือการลงทุนต่าง ๆ ผมเชื่อว่าเพื่อน ๆ ที่อ่านบทความนี้อยู่ทำกันอยู่แล้ว เพียงแค่ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าการวิจัยได้เช่นกัน อาจคิดว่าการวิจัยเป็นเรื่องใหญ่ มีแต่นักวิจัย นักวิชาการ หรือคนที่มีทักษะเฉพาะทางเท่านั้นหละที่ทำวิจัยกัน แต่ไม่เลยครับ! ความจริงแล้วเพียงเราค้นคว้าหาความรู้ใน Google นำความรู้ที่ได้มารวบรวมและเรียบเรียง กลายเป็นองค์ความรู้ใหม่เพื่อเราโดยเฉพาะ ในลักษณะนี้ก็เป็นการวิจัยเช่นเดียวกัน เพียงแค่มันยังไม่ครบกระบวนการวิจัย ยังไม่เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะยังขาดการรวบรวมและเรียบเรียงที่ดี รวมทั้งการบันทึก และการสรุปผล เพื่อนำผลที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจด้านคริปโตนั่นเอง
Ren & Heinrich ระบุว่าเมื่อพวกเขาเริ่มต้นเข้าสู่ตลาดคริปโต พวกเขาก็ทำพลาดเช่นเดียวกันกับนักเทรดทั่วไป นั่นคือ ไม่ได้ทำวิจัยก่อนตัดสินใจลงทุน ซื้อขายเหรียญคริปโตที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนั้น หวังทำกำไรจากมัน สุดท้ายพวกเขาสูญเงินลงทุนมหาศาลในช่วงแรก หลังจากนั้นพวกเขาก็เรียนรู้ที่จะทำวิจัย ค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับคริปโตกว่า 100 เหรียญ และโปรเจคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นไม้ตายในการตัดสินใจลงทุนเพื่อทำเงินในตลาดคริปโตแห่งนี้ … ซึ่งได้ผล! การวิจัยทำให้การลงทุนในตลาดคริปโตของพวกเขาออกดอกออกผล ผ่านมาหลายปี ตอนนี้ถึงเวลาที่ควรเอาประสบการณ์การวิจัยมาแชร์เป็นวิทยาทานในบทความนี้แล้ว ซึ่งจะเป็นคู่มือ Step-by-Step สอนการทำวิจัยด้านคริปโต โดยไม่ต้องเป็นนักวิจัยตลาด หรือมีทักษะพิเศษมากมาย เพียงมีความพากเพียรและมุ่งมั่นก็พอแล้วครับ
ส่วนที่ 1 เริ่มต้นกับพื้นฐาน
หากคุณเป็นผู้เล่นใหม่ในตลาดคริปโต ผมขอแนะนำแบบจริงจังเลยว่า ให้ลงทุนกับเหรียญขนาดใหญ่ ที่มั่นคง และเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป อย่าง Bitcoin และ Ethereum เพราะมันมีแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องบนอินเทอร์เน็ตอย่างมากมายและส่วนใหญ่ฟรี ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
เริ่มต้นที่ไหน?
เริ่มต้นโดยการอ่าน Bitcoin Whitepaper ฉบับแปลไทย (PDF) ที่เวอร์ชั่นต้นฉบับเขียนโดย Satoshi Nakamoto ผู้สร้าง คริปโต Bitcoin นั่นเอง ซึ่ง Whitepaper คือ เอกสารงานวิจัยที่อธิบายเกี่ยวกับโปรเจคหรือแนวคิด ของเหรียญคริปโตนั้นๆ นั่นเอง
เราสามารถข้ามการศึกษาเกี่ยวกับโค้ดได้เลย แต่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับ บิทคอยน์ (Bitcoin) และบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญมาก ๆ ในการลงทุนกับคริปโต โดยความรู้ที่เราควรเคลียร์ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ (ตอนค้นหาไม่ต้องแปลไทย) ได้แก่ wallets, addresses, private key, public key, ธุรกรรมบน Blockchain ของ Bitcoin มันทำงานอย่างไร เป็นต้น [คลิกเพื่อหาคำตอบ]
เมื่อเรามีความรู้และประสบการณ์จากการศึกษาวิจัยในเหรียญขนาดใหญ่เพียงพอแล้ว หลังจากนั้นเราก็เริ่มซื้อขายด้วยจำนวนเงินไม่เยอะมากนักเพื่อหาประสบการณ์ในการซื้อขายได้เลย (เริ่มต้นที่แพลตฟอร์มของไทยก่อนอย่าง Bitkub แล้วค่อยไปเล่นแพลตฟอร์มต่างประเทศก็ได้) หลังจากนั้นก็อาจศึกษาโปรเจคและเหรียญขนาดเล็กตัวอื่นที่มีอยู่มากมายในตลาดคริปโต เพื่อมองหาทางเลือกในการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเราเอง
ส่วนที่ 2 ค้นหาข้อมูลเว็บไซต์ของโปรเจค หรือ เหรียญคริปโต และอ่าน Whitepaper
สำหรับเหรียญใหม่หรือเหรียญขนาดเล็กในตลาดคริปโต ส่วนใหญ่แล้วจะหาข้อมูลยาก ไม่ได้มีเยอะเหมือนเหรียญขนาดใหญ่และเป็นที่นิยม ด้วยเหตุนี้การดำเนินการวิจัยที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ก่อนอื่นเลยให้มองหาสิ่งที่หาได้ง่ายมากที่สุด คือ เว็บไซต์ของโปรเจค หรือ เหรียญคริปโต และ Whitepaper แล้วตรวจสอบสิ่งต่อไปนี้
- ดูแล้วเป็นเว็บไซต์ที่ถูกกฎหมายหรือไม่? โดยสิ่งที่ต้องมองหาเป็นอันดับแรก ได้แก่
– เว็บไซต์แสดงรายการข้อมูลที่สำคัญ เช่น ที่อยู่ติดต่อ เงื่อนไขการใช้งาน นโยบายความเป็นส่วนตัว ฯลฯ หรือไม่?
– เนื้อหาในเว็บไซต์มีมากน้อยแค่ไหน และมีการอัพเดตอย่างต่อเนื่องหรือไม่?
– องค์ประกอบของหน้าเว็บไซต์ผิดเพี้ยน ไม่สวยงามหรือไม่? ตัวอย่างเช่น ในไทยเราจะเห็นว่าเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นมาหลอกเงิน หรือ แชร์ลูกโซ่ ที่เกี่ยวกับคริปโต หน้าเว็บไซต์จะมีสัดส่วนที่เพี้ยน เมนูแปลก ๆ เหมือนยังทำเว็บไซต์ไม่เสร็จ หรือเปิดในคอมพิวเตอร์แต่แสดงมุมมองแบบมือถือ เป็นต้น
– เว็บไซต์มีการลิงก์ไปยังหน้าเว็บไซต์ภายนอกที่น่าเชื่อถือหรือไม่?
– เราต้องระวังเว็บไซต์ที่มีการสะกดคำแบบ ผิด ๆ ถูก ๆ หรือใช้ประโยคที่เหมือนแปลด้วยโปรแกรมอัตโนมัติ
– เครื่องมือเทพ!! ตรวจสอบความน่าเชื่อถือเว็บไซต์ที่ https://www.urlvoid.com/ เพียงคัดลอก url ไปวางไว้ในช่องค้นหาเว็บไซต์ก็จะตรวจสอบจาก 44 ฐานข้อมูล ว่าเป็นเว็บไซต์ที่อยู่ในลิสต์ที่มีปัญหาหรือไม่ น่าเชื่อถือหรือเปล่า และมีความปลอดภัยมากแค่ไหน
- ค้นหาข้อมูลทั่วไปของโปรเจค และประเภทธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
เราต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนกว่าโปรเจคที่จะลงทุนนั้นเกี่ยวกับอะไร กลุ่มอุตสาหกรรมอะไร มีเป้าหมายอะไรบ้าง และเกิดขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาอะไร
- กลุ่มเป้าหมายของโปรเจคเป็นตลาดใหม่ กำลังเติบโต หรือตลาดเดิมที่มีการแข่งขันสูง
- จุดแข็งและจุดอ่อนของอุตสาหกรรมที่โปรเจคดำเนินธุรกิจอยู่
- กลุ่มอุตสาหกรรมนั้นพร้อมรับนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้เร็วแค่ไหน หรือเป็นอุตสาหกรรมที่ปรับตัวยาก ไม่เปิดรับเทคโนโลยีใหม่
- ทำไมเทคโนโลยีบล็อกเชนหรือคริปโต ถึงมาช่วยทีมโปรเจคและการดำเนินธุรกิจของอุตสาหกรรมนั้น ๆ ได้
- สิ่งที่โปรเจคหรือเหรียญคริปโตทำคืออะไร? และเกิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาอะไร?
ขุดให้ลึกว่า ทำไมทีมที่อยู่เบื้องหลังโปรเจคหรือเหรียญคริปโตนั้น ๆ จึงคิดว่าเทคโนโลยีนี้จะมาช่วยแก้ปัญหาให้พวกเขาได้
- โปรเจคเข้ามาสร้างความท้าทายใหม่ให้เกิดขึ้นในธุรกิจได้อย่างไร? ช่วยทำให้เร็วและง่ายขึ้น? หรือช่วยประหยัดเงิน?
- ปัญหาหลักของโปรเจคที่พยายามจะแก้ไขคืออะไร?
- แล้วก็ ถอยหลังมาสักก้าว ถามตัวเองว่ามันเมคเซนส์ไหมที่จะนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้? โปรเจคด้านคริปโตจะประสบความสำเร็จก็ต่อเมื่อใช้มันเข้ามาพัฒนากระบวนการที่มีอยู่ก่อนแล้ว นั่นเพราะว่าคริปโตยังไม่เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง หากจะสร้างกระบวนการใหม่ในธุรกิจอาจยากลำบาก
อาศัยข้อมูลทั้งหมดในข้อ 2 และ 3 รวมทั้งการวิเคราะห์ SWOT อะไรคือ จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และภัยคุกคาม ของโปรเจคและธุรกิจนั้น ๆ ทั้งหมดนี้ถือว่าเราได้ทำการวิจัยค้นคว้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หากไม่ต้องการพลาด ถูกหลอก และประสบความสำเร็จในการลงทุนด้านคริปโตเคอร์เรนซี มันยังไม่พอครับ ไว้เรามาติดตามในบทความ วิธีทำ การวิจัย (research) ก่อนลงทุนด้านคริปโตฯ อย่างไร? คู่มือ Step-by-Step [Part 3-6] ได้เลยนะครับ