เพื่อนๆ คงทราบกันดีนะครับว่าช่วงนี้ Facebook เข้มงวดในการตรวจสอบและมีนโยบายให้ผู้ใช้งานต้องใช้ชื่อจริงในการเล่น Facebook ซึ่งเราก็เห็นด้วยในหลักการนี้ เพราะสังคมออนไลน์อย่าง Facebook ยิ่งนานวันก็ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นไม่แพ้สังคมจริงๆ ดังนั้นเพื่อให้ Facebook เป็นสังคมที่ปลอดภัยและน่าอยู่ การบังคับใช้ชื่อจริงจึงมีความสำคัญ แต่อย่างไรก็ตามก็คงมีหลายคนไม่น้อยที่มีความจำเป็นที่ต้องใช้นามแฝงหรือชื่อปลอมในการเล่น Facebook ทั้งเพื่อการค้า การธุรกิจ หรือเผยแพร่ผลงานต่างๆ ของตัวเอง
เชื่อว่าหลายคนที่อ่านบทความนี้อยู่อาจถูก Facebook บังคับให้เปลี่ยนไปใช้ชื่อจริงพร้อมแนบบัตรประชาชนไปแล้ว หรือไม่ก็เคยเห็นคนรอบข้างโดนกัน สงสัยกันไหมครับว่า Facebook รู้ได้อย่างไรว่าเราไม่ได้ใช้ชื่อจริง? คำตอบก็คืออาศัยการกดรายงานจากผู้ใช้คนอื่นๆ (จะใช้วิธีนี้จัดการพวก Tag ขายของหรือขายตรงแบบล่าเหยื่อก็ได้นะครับ :D) และใช้อัลกอริทึมเฉพาะในการประมวลผลและค้นหา แต่ก็ยังไม่มีประสิทธิภาพเต็มร้อย เรายังพอที่จะหลีกเลี่ยงหรือมีวิธีเอาตัวรอดใช้ชื่อปลอมหรือนามแฝงได้อยู่ครับ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเราไม่ได้สนับสนุนให้ทุกคนใช้ชื่อปลอมหรือนามแฝงกันขัดกับกฎของ Facebook แต่บทความนี้เขียนขึ้นมาสำหรับคนที่มีความจำเป็นต้องใช้ชื่อปลอมหรือนามแฝงจริงๆ และเราต้องเข้าใจอีกอย่างว่าการใช้ชื่อปลอมหรือนามแฝงใน Facebook หรือโลกออนไลน์ มันไม่ได้ผิดกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น แค่อาจเสี่ยงต่อการตรวจจับได้โดย Facebook แล้วถูกบังคับให้ใช้ชื่อจริง ซึ่งถึงตอนนั้นเราค่อยเปลี่ยนตามที่ Facebook เตือนมาก็ได้ครับ
ทำไมเราถึงจำเป็นต้องใช้ชื่อปลอมหรือนามแฝง?
เชื่อว่าเพื่อนๆ มีเหตุผลมากมายครับ ที่ต้องใช้ชื่อปลอมหรือนามแฝงในการเล่น Facebook แม้จะขัดกับกฎของทาง Facebook ก็ตาม ตัวอย่างเช่น
- ป้องกันตัวเองจากพวกโรคจิต: เหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งที่หลายคนจำเป็นต้องใช้ชื่อปลอมหรือนามแฝงก็คือ การหลีกเลี่ยงพวกโรคจิต หรือพวกสโตกเกอร์ ที่อาจตามหาเราหรือค้นหาเราเจอจากชื่อจริงก็เป็นได้ อ่านวิธีปิดกั้นการค้นหา >> คลิก!!
- วางแผนจะเปลี่ยนหรือเปลี่ยนชื่อใหม่แล้ว แต่ยังไม่เปลี่ยนบัตรประชาชน: แน่นอนครับ สำหรับคนที่วางแผนจะเปลี่ยนชื่อใหม่ในเวลาอันใกล้นี้หรือเปลี่ยนชื่อใหม่ไปแล้ว แต่ยังไม่ไปทำบัตรประชาชนใหม่ คนๆ นั้นก็ต้องอยากที่จะใช้ชื่อใหม่เป็นชื่อใน Facebook แต่ดันผิดกฎของ Facebook ไปซะงั้น แถมโดนบังคับให้ใช้ชื่อตามบัตรประชาชน หากจะเปลี่ยนกลับหลังไปทำบัตรประชาชนแล้วก็คงยุ่งยากไม่น้อยเลย
- เปลี่ยนชื่อหนีแฟนเก่าหรือเปลี่ยนหลังการหย่าร้าง: แน่นอนหลังการหย่าร้างการจะเปลี่ยนกลับไปใช้นามสกุลกลเดิมอย่างถูกต้องนั้นทำได้ ชื่อที่ใช้ในสังคมจริงเหมือนเดิมก็ไม่เป็นไร แต่ใน Facebook นี่สิ ขอเปลี่ยนได้ไหมอะ? มันแบบว่า …ช้ำใจ T__T
- ชื่อที่ใช้ใน Facebook ต้องการใช้ตามชื่อปลอมหรือนามแฝง ที่ใช้ในการแสดง การเขียนหนังสือ บทความ หรืออื่นๆ: ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าหากเราดังหรือมีคนรู้จักด้วยนามแฝงในวงการ เราก็คงต้องการที่จะใช้ชื่อใน Facebook ด้วยนามแฝงนั้นๆ อันจะให้ไปใช้แฟนเพจตามที่ Facebook แนะนำ มันก็คนละอารมณ์ไปเลย
- เพื่อขายของหรือทำธุรกิจผ่าน Facebook: เชื่อว่ากลุ่มที่จะเสี่ยงกับกฎนี้ของ Facebook ในประเทศไทยมากที่สุดก็คือ กลุ่มที่ใช้บัญชีส่วนตัวขายของและทำธุรกิจด้านต่างๆ เสี่ยงทั้งต่อการรายงานโดยผู้เล่นคนอื่น และเสี่ยงต่อการตรวจสอบโดยคอมพิวเตอร์ แต่พวกเขาก็ต้องการที่จะใช้ชื่อทางธุรกิจมากกว่าชื่อส่วนตัว
นอกจากนี้เชื่อแน่ว่าเพื่อนๆ คงมีเหตุผลอีกมากมายในความจำเป็นที่ต้องใช้ชื่อปลอมหรือนามแฝงในการเล่น Facebook แต่มันก็ผิดกฎ แล้วเราจะทำอย่างไรดี? วันนี้เรามีคำแนะนำครับ
วิธีใช้ชื่อปลอมไม่ให้ถูกตรวจจับได้จาก Facebook
ทิปหรือวิธีการดังต่อไปนี้เป็นวิธีการที่เกิดจากการพูดคุยกับคนที่ใช้นามแฝงในการเล่น Facebook ในสหรัฐอเมริกาที่การตรวจสอบชื่อจริงนั้นดำเนินการมาตั้งนานแล้ว แต่พวกเขาก็ยังรอดอยู่ได้และประสบความสำเร็จในการหลีกเลี่ยงกันตรวจจับจาก Facebook
1. แยกแยะการมองเห็นโพสให้ชัดเจน ระหว่างเปิดสาธารณะหรือเฉพาะกลุ่มเพื่อน
เมื่อ Facebook มันให้ฟีเจอร์การตั้งค่าการมองเห็นโพสมาให้เราเลือกอย่างหลากหลาย เราก็ควรจัดการมันให้เหมาะสม เพราะหากเราให้ทุกอย่างแสดงสาธารณะหมด Facebook ก็จะมองว่า “ไปเปิดเป็นแฟนเพจดีกว่าไหม?” และการทำเช่นนี้ก็จะช่วยป้องกัน “การรายงานชื่อปลอม” โดยคนอื่นที่มองเห็นโพสที่เขาไม่ชอบได้ด้วยครับ
แนะนำว่าให้เราไปสร้างแฟนเพจ ที่ใช้ชื่อเดียวกันกับตัวเราเอง แล้วอันไหนต้องการโพสเป็นสาธารณะก็ไปโพสในแฟนเพจ แล้วใช้บัญชีส่วนตัวแชร์มาที่หน้า Wall ของเรา อันนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงการรายงานชื่อปลอมได้
2. จัดกลุ่มเพื่อนให้เหมาะสม: เพื่อนสนิท เพื่อนไม่สนิท ลูกค้า และอื่นๆ
หากเราใช้ชื่อปลอมหรือนามแฝงในการทำธุรกิจหรือเป็นประโยชน์ในอาชีพการงาน มันก็มีความเป็นไปได้ว่า เพื่อนใน Facebook จำนวน 2-3 พันที่มีอยู่อาจไม่ใช่เพื่อนจริงๆ ของเรา ดังนั้นเราควรเรียนรู้การจัดกลุ่มเพื่อนให้แยกแยะอย่างชัดเจน กลุ่มเพื่อนสนิท กลุ่มเพื่อนไม่สนิท กลุ่มลูกค้า กลุ่มพวกโรคจิต กลุ่มผู้ติดตาม และอื่นๆ เพื่อที่จะบริหารจัดการโพสให้เหมาะสมได้ดีขึ้น ลดการรายงานชื่อปลอมหรือรายงานความผิดฐานอื่นๆ ไปยัง Facebook ได้มากขึ้น
นอกจากนี้ยังเป็นการปลอดภัยที่เราจะโพสเรื่องส่วนตัว หรือรูปภาพต่างๆ ให้เพื่อนสนิทเราเห็นเท่านั้น พวกสโตกเกอร์หรือกลุ่มไม่พึงประสงค์จะได้ไม่รู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่หรืออยู่ที่ไหนในตอนนี้
3. เลือกชื่อให้เนียนกันหน่อย!!
สำหรับใครที่เป็นคนดังหรือเป็นบุคคลสาธารณะ หรือต้องการเลือกชื่อที่เฉพาะมากๆ สำหรับหัวข้อนี้คงจะไม่ค่อยมีประโยชน์สักเท่าไหร่ เพราะหัวข้อนี้เราจะขอแนะนำวิธีการตั้งชื่อสำหรับคนที่ต้องการหลีกหนีโลกความเป็นจริงด้วยชื่อปลอม นั่นคือ
- ไม่ควรใช้เป็นนามแฝงสั้นๆ ตัวอย่างเช่น Lo Axiom, Joker Master เป็น เพราะอันนี้มันก็เหมือนติดป้ายไว้หน้าบ้านบอก Facebook เลยว่า “ฉันใช้ชื่อปลอม!!”
- ไม่ควรใช้ชื่อคนอื่น โดยเฉพาะคนดังทั้งหลาย อันนี้ห้ามเด็ดขาด
- ตั้งชื่อให้เนียนๆ เหมือนเป็นชื่อคนจริงๆ ก็จะดีมาก
สำหรับหัวข้อนี้เป็นคำแนะนำสำหรับหลีกเลี่ยงระบบการตรวจสอบอัตโนมัติของ Facebook โดยตรงเลยครับ และป้องกันการรายงานโดยบุคคลอื่นด้วย
4. หลีกเลี่ยงพฤติกรรม ที่จะถูกคนหมั่นไส้แล้วรายงานไปทาง Facebook ให้จัดการเรา
เราต้องเข้าใจว่า การตรวจสอบชื่อปลอมที่มีประสิทธิภาพที่สุดของ Facebook ก็คือ การรายงานชื่อปลอมจากผู้ใช้จริง ดังนั้นเราอย่าโพสอะไรที่จะสร้างความรำคาญให้คนอื่น ตัวอย่างเช่น โพสรูปโป๊, ด่าคนอื่นไปทั่ว หรือ โพสเรื่องการเมือง ศาสนา แบบรุนแรง เป็นต้น
ที่บอกแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเราต้องทำตัวดีเลิศตลอดเวลานะครับ แค่จะให้เราเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ แล้วเลือกการมองเห็นให้เหมาะสม ถ้าจะโพสด่าใครรุนแรง ก็ตั้งค่าให้เห็นเฉพาะเพื่อนสนิท จะโพสเรื่องการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ตั้งค่าให้เห็นเฉพาะคนที่เห็นด้วยกับเราก็จะดีกว่าครับ
5. เลิกเล่นครับ!! ยังมีสังคมออนไลน์อีกเยอะให้เลือก
สำหรับนโยบายการใช้ชื่อจริงของ Facebook นี้ แม้จะมีเหตุผล แต่ก็ยังถือว่าไม่เหมาะ ตราบใดที่ Facebook ยังปกป้องความเป็นส่วนตัวของเราได้ไม่ดีพอ ค้นหาจาก Google ก็ยังเจอได้ง่ายๆ ดังนั้นหากเลี่ยงตามวิธีข้างต้นได้อยู่ก็ดีไปครับ แต่หาทนไม่ไหว หรือมีปัญหามากจนเกินไป เราก็แนะนำว่าให้ไปเล่นสังคมออนไลน์อื่นดีกว่าครับ ทั้ง Google+, twitter หรืออื่นๆ อีกเยอะแยะเลยครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ช่วยกันส่ง Feedback ไปทาง Facebook ให้ทบทวนนโยบายนี้กันเยอะๆ ก็จะช่วยได้ครับ เราไม่ได้หวังหรอกนะครับ Facebook จะยกเลิกนโยบายนี้ แต่หวังว่า Facebook จะเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้เราได้มากขึ้น สามารถปิดกันตัวตนเราได้สมบูรณ์แบบเท่านี้ก็พอ
ที่มา lifehacker.com