HUAWEI ได้จัดงานแถลงข่าวและถ่ายทอดสดเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ HUAWEI Mate Xs สมาร์ทโฟนพับได้ และ HUAWEI MatePad Pro 5G แท็บเล็ต 5G เรือธงตัวใหม่ รวมถึงแล็ปท็อป HUAWEI MateBook ระบบ Windows ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core เจนเนอเรชั่นที่10 และใช้หน้าจอ FullView ขอบจอเล็ก
พร้อมกับอปุกรณ์สำหรับการกระจายสัญญาณ 5G เช่น HUAWEI Wi-Fi AX3 และ HUAWEI 5G CPE Pro 2 อุปกรณ์ส่งสัญญาณ Wi-Fi 6+ และเปิดอนาคตที่ชัดเจนของ HMS อีกด้วยครับ
นอกจากอุปกรณ์แล้ว ภายในงาน เขายังได้เปิดตัวซอฟท์แวร์ความสามารถที่อัพเกรดมากขึ้นอย่าง HUAWEI Share ซึ่งสามารถแชร์ไฟล์และทำงานร่วมกันหลายหน้าจอได้ พร้อมมอบประสบการณ์การทำงานที่ลื่นไหลด้วยฟีเจอร์ที่เชื่อมต่อการทำงานระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าเดิมครับ
ซึ่งก็ต้องบอกว่า ในปีที่ผ่านมา HUAWEI โดยขัดขาเยอะครับ คุณริชาร์ด ยู ซีอีโอของ HUAWEI ก็ได้พูดถึงเรื่องนี้ดวยว่า “แม้ในปี 2562 ที่ผ่านมา จะถือว่าเป็นปีที่ไม่เป็นไปตามแผนของหัวเว่ยเท่าไรนัก แต่อย่างไรก็ตาม หัวเว่ยยังคงรักษาความน่าเชื่อถือในหมู่ผู้บริโภคได้อย่างเหนียวแน่น เห็นได้จากผลประกอบการในปีที่ผ่านมา ที่หัวเว่ยมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 30% คิดเป็นมูลค่าถึง 6.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราวๆ 2.1 ล้านล้านบาท) กลุ่มธุรกิจสมาร์ทโฟนนั้นมียอดจำหน่ายรวมสูงถึง 240 ล้านเครื่อง รั้งอันดับผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก ขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในกลุ่มสมาร์ทดีไวซ์ ภายใต้อีโคซิสเต็มนี้ก็เติบโตอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน โดยกลุ่มธุรกิจคอมพิวเตอร์ (PC) เติบโตสูงถึง 200% กลุ่มธุรกิจอุปกรณ์สวมใส่ (wearables) เติบโต 173% และกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์เสียงไร้สาย (wireless audio) ซึ่งเติบโต 210%”
HUAWEI Mate Xs
วิวัฒนาการสุดล้ำของสมาร์ทโฟนพับได้ HUAWEI Mate Xs มอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือระดับ ด้วยหน้าจอใหม่ที่ให้ความยืดหยุ่น ผลิตจากวัสดุแปลกใหม่ มาในดีไซน์ Falcon Wing อันเป็นเอกลักษณ์
มาพร้อมระบบ 5G SoC ที่หัวเว่ยพัฒนาขึ้นเอง และชิปเซ็ตพรีเมียม Kirin 990 HUAWEI Mate Xs เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงที่ได้รับการพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ให้ก้าวล้ำขึ้นไปอีกขั้น ทั้ง AI และความสามารถในการรองรับระบบ 5G อย่างเต็มรูปแบบ
กล้อง Leica SuperSensing Quad Camera กลับมาอีกครั้งบน HUAWEI Mate Xs ประกอบด้วยกล้อง SuperSensing ความละเอียด 40MP กล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษ (ultra-wide) ความละเอียด 16MP กล้องเทเลโฟโต้ความละเอียด 8MP และกล้องที่ให้ความลึกแบบสามมิติ ระบบกล้อง Leica ที่ทรงพลังจะสามารถใช้ประโยชน์จากรูปแบบของจอที่พับได้ในการถ่ายภาพ ผสานการทำงานของทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง เพื่อการถ่ายรูปหลากหลายรูปแบบ
การทำงานบนระบบ EMUI10.0.1 HUAWEI Mate Xs รองรับการใช้งานแอปพลิเคชันที่สามารถทำงานแบบหลายหน้าต่างในเวลาเดียวกัน (Multi-Window apps) เพื่อการใช้งานที่ชาญฉลาดและคล่องตัว ให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้แอปได้หลากหลายและเต็มประสิทธิภาพ โดยหัวเว่ยร่วมมือกับนักพัฒนาทั่วโลก เพื่อที่จะสร้างการเติบโตให้กับอีโคซิสเต็มนี้
เหนือกว่าด้วย Wi-Fi 6 ด้วย HUAWEI Wi-Fi AX Series
ส่วนหนึ่งกลยุทธ์ AI ไร้รอยต่อสำหรับทุกสถานการณ์ของหัวเว่ย คือการมอบโซลูชันส์ในการเชื่อมต่อบนช่องทางออนไลน์ ตัวอย่างเช่น Wi-Fi routers customer-premise equipment (CPE) และโมดูลการสื่อสาร ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการเชื่อมต่อตามแนวทางการสร้างอีโคซิสเต็ม 1+8+N เพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจแก่ผู้ใช้ ปลอดภัย ตอบสนองตรงความต้องการ ชาญฉลาด และมาพร้อมความเร็วสูงในการเชื่อมต่อ
ในฐานะผู้นำเทคโนโลยี 5G หัวเว่ยเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการหลัก ซึ่งได้กำหนดมาตรฐานของ Wi-Fi 6 โดยปัจจุบัน กลุ่มทำงานมาตรฐาน IEEE 802.11ax ได้รวมเอาผู้เชี่ยวชาญจากผู้ให้บริการต่างๆ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคของหัวเว่ย จำนวน 5 คน เข้าร่วม ซึ่งหนึ่งในกลุ่มนี้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานของกลุ่ม จาก 260 ผู้ให้บริการ ซึ่งคิดเป็น 15% ของการนำเสนอทั้งหมดในโปรเจค Wi-Fi 6 (802.11ax) หัวเว่ยถือเป็นอันดับให้บริการที่ให้ความร่วมมือในอุตสาหกรรม โดดเด่นเป็นอันดับสองของกลุ่ม
การยกระดับการทำงานร่วมกันระหว่างชิปเซ็ตที่มีสิทธิบัตรรับรองและการพัฒนาซอฟท์แวร์ให้ดีที่สุด หัวเว่ยได้พัฒนา Wi-Fi 6+ จากมาตรฐานของ Wi-Fi 6 โดย Wi-Fi 6+ นั้นรองรับช่วงสัญญาณของช่อง (channel bandwidth) ที่กว้างถึง 160MHz มาพร้อมเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะ dynamic narrowband เมื่อผสาน 2 นวัตกรรมนี้ จะนำไปสู่การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดความเร็ว Wi-Fi และให้สัญญาณที่ครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้น
ระหว่างงานถ่ายทอดสดงานแถลงข่าว หัวเว่ยยังเปิดตัว Gigahome 650 และ Kirin W650 ชิปเซ็ต Wi-Fi 6+ ล่าสุดที่ออกแบบมาสำหรับเราท์เตอร์และสมาร์ทโฟนตามลำดับ ซีรีส์ HUAWEI Wi-Fi AX3 ใหม่นั้นประกอบด้วยชิปเซ็ต Gigahome 650 ซึ่งสามารถรองรับระบบปฏิบัติการ dual-band dual-concurrent (DBDC) ที่ความเร็วสูงสุด 3000Mbps ได้ เมื่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ของหัวเว่ยที่รองรับ Wi-Fi 6+ เราท์เตอร์ HUAWEI Wi-Fi AX3 จะสามารถส่งมอบสัญญาณที่ครอบคลุมได้ดียิ่งขึ้นและให้ความเร็วที่มากกว่าเราท์เตอร์ Wi-Fi 6
นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้เปิดตัว HUAWEI 5G CPE Pro 2 CPE มาตรฐาน Wi-Fi 6+ ใหม่ที่มีขนาดเล็กกว่ารุ่นก่อนถึง 30% และการอัพเกรดอื่นๆ รวมถึงการรองรับ 5G 11 ย่านความถี่ และเทคโนโลยี Super Uplink ของหัวเว่ย ซึ่งได้พัฒนาในส่วนของความเร็วในการอัพโหลดและความหน่วงขึ้นเป็นอย่างมาก
HUAWEI MatePad Pro 5G
แท็บเล็ต HUAWEI MatePad Pro 5G เป็นอีกหนึ่งดีไวซ์ที่เปิดประตูเข้าสู่อีโคซิสเต็มอัจฉริยะของหัวเว่ย ด้วยคุณสมบัติที่ออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกันกับสมาร์ทโฟน อุปกรณ์เพื่อการสวมใส่ และดีไวซ์อื่นๆ ของหัวเว่ยอย่างลงตัว รวมถึงการทำงานร่วมกันหลายหน้าจอ ที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถขยับขยายจากดีไวซ์หนึ่งไปสู่อีกดีไวซ์หนึ่งได้อย่างไร้รอยต่อ
HUAWEI MatePad Pro 5G มาพร้อมกับหน้าจอความละเอียดสูง ขนาด 10.8 นิ้ว รองรับการแสดงเฉดสีในมาตรฐาน DCI-P3 เทียบเท่ากับระบบสีที่ใช้ในวงการภาพยนตร์ ขณะที่ดีไซน์ขอบจอแบบบางเฉียบ ทำให้แท็บเล็ตรุ่นนี้มีอัตราส่วนพื้นที่หน้าจอต่อตัวเครื่องสูงที่สุดในโลกที่ 90% ส่วนชิปเซ็ต Kirin 990 5G SoC ที่ฝังอยู่ในตัวเครื่องสุดบางเบา ก็รองรับการเชื่อมต่อ 5G ที่ความเร็วสูง ทั้งยังใช้พลังงานอย่างเต็มประสิทธิภาพอีกด้วย
HUAWEI MatePad Pro 5G ทำงานบนระบบปฏิบัติการ EMUI 10 จึงสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยรุ่นอื่นๆ ได้ผ่านฟีเจอร์การทำงานร่วมกันหลายหน้าจอของ HUAWEI Share โดยเมื่อเชื่อมต่อกันเรียบร้อยแล้ว จะสามารถควบคุมทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตไปพร้อมกัน โดยใช้หน้าจอแท็บเล็ตเพียงจอเดียว
นอกจากนี้ ระบบการทำงานหลายหน้าจอของ HUAWEI MatePad Pro 5G ยังรองรับการรับส่งไฟล์ระหว่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตแบบง่ายๆ เพียงลากไฟล์ไปวางบนหน้าจอเท่านั้น ขณะที่ฟังก์ชันการแชร์อุปกรณ์เชื่อมต่อก็ทำให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์ข้อความลงบนสมาร์ทโฟน โดยใช้คีย์บอร์ดและหน้าจอของแท็บเล็ต เล่นเพลงจากสมาร์ทโฟนด้วยลำโพงของแท็บเล็ต และอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงยังรองรับระบบชาร์จไร้สายและแชร์พลังงานให้กับอุปกรณือื่นผ่านระบบไร้สายได้ด้วย
แท็บเล็ต HUAWEI MatePad Pro 5G รองรับการใช้งานหลายแอปพลิเคชันพร้อมกันแบบ Multi-Window สามารถแสดงผลได้ 3 แอปพร้อมกัน ส่วนฟีเจอร์ App Multiplier แยกแอปพลิเคชันเดียวให้แสดงผลเป็น 2 หน้าต่างได้ เพื่อการใช้งานที่คล่องตัวและเต็มตายิ่งกว่า เมื่อวางตัวเครื่องในแนวนอน
HUAWEI MatePad Pro 5G สามารถจับคู่กับปากกา HUAWEI M-Pencil ซึ่งสามารถรับรู้แรงกดได้ถึง 4,096 ระดับ จึงมอบประสบการณ์การเขียนที่เป็นธรรมชาติ ส่วนแอปพลิเคชัน HUAWEI Notepad ก็รองรับปากกาของหัวเว่ยเป็นพิเศษด้วยฟีเจอร์ใหม่ Screen-off Shorthand ที่ช่วยให้สามารถจดบันทึกทุกแรงบันดาลใจได้อย่างทันท่วงทีลงบนหน้าจอในทุกโอกาส
HUAWEI MateBook X Pro
พร้อมกันนี้ หัวเว่ยยังประกาศเปิดตัวแล็ปท็อปในตระกูล MateBook รุ่นล่าสุด นำโดย HUAWEI MateBook X Pro ที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core เจนเนอเรชั่นที่ 10 ดีไซน์สุดพรีเมียมในสีใหม่ เอเมอรัลด์ กรีน หน้าจอแบบ FullView Display ขอบบางเฉียบ ให้สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 91% ขณะที่แล็ปท็อป HUAWEI MateBook D Series ก็เข้ามาเสริมทัพตระกูล MateBook โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยประสบการณ์การใช้งานที่ชาญฉลาด ควบคู่กับดีไซน์เรียบหรูอันเป็นเอกลักษณ์ของแล็ปท็อป HUAWEI MateBook ทุกรุ่น
HUAWEI AppGallery
หัวเว่ยยังคงนำศักยภาพทั้งในด้านการพัฒนาชิป ดีไวซ์ และคลาวด์ มาผสานกันเป็นหนึ่งเพื่อสรรสร้างอีโคซิสเต็มครบวงจรมารองรับดีไวซ์ทุกรุ่นของหัวเว่ยต่อไป ผ่านทางแพลตฟอร์ม HMS โดยอีโคซิสเต็มดังกล่าวนี้จะมีคุณสมบัติที่ครอบคลุมการใช้งานในทุกขั้นตอน ทุกสถานการณ์ รองรับการเผยแพร่แอปพลิเคชันให้กับผู้ใช้ทั่วโลกอย่างเต็มพิกัด และสนับสนุนการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์และบริการอย่างสมบูรณ์ตลอดวงจรชีวิตในตลาด ในฐานะองค์ประกอบสำคัญของยุทธศาสตร์ “All-scenario Seamless AI Life” ของหัวเว่ย ที่พร้อมมอบชีวิตในยุค AI ที่รองรับทุกโจทย์การใช้งานอย่างไร้รอยต่อ
HMS Core ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเวอร์ชันที่ 4 เป็นชุดเครื่องมือที่สร้างขึ้นเพื่อให้พันธมิตรและนักพัฒนาแอปพลิเคชันบนแพลตฟอร์มของหัวเว่ยสามารถสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่และไม่เหมือนใคร เข้าถึงศักยภาพของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้เต็มที่ นอกจากนี้ นักพัฒนาที่เลือกผนึกเอา HMS เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในแอปพลิเคชันด้วยชุดเครื่องมือ HMS Core 4.0 จะสามารถนำคุณสมบัติเด่นต่างๆ ที่มาพร้อมกับดีไวซ์ของหัวเว่ยมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์ม AI อย่าง HiAI หรือเทคโนโลยีและคุณสมบัติเพื่อการถ่ายภาพครบครัน เพื่อมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้ใช้ปลายทาง
Cewe ผู้ให้บริการพิมพ์ภาพถ่ายรายใหญ่ที่สุดของยุโรป ได้นำ Share Kit ของหัวเว่ยไปประยุกต์ใช้ในสำนักงาน เพื่อให้กระบวนการการจับคู่เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยพนักงานสามารถพิมพ์ชิ้นงานออกมาได้เร็วกว่าที่เคย เพียงนำดีไวซ์ของหัวเว่ยมาแตะที่เครื่องพิมพ์เท่านั้น
ประสบการณ์เหนือระดับเช่นนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มลูกค้าองค์กรเท่านั้น แต่ยังพร้อมนำเสนอให้กับผู้ใช้ทั่วไปผ่านทาง HUAWEI AppGallery ที่มีแอปพลิเคชันระบบ HMS ให้เลือกสรรมากมาย พร้อมเสิร์ฟความสะดวกสบายที่เหนือกว่าด้วยนวัตกรรมของหัวเว่ย
นอกจากนี้ HUAWEI AppGallery ยังมอบประสบการณ์ใหม่ในรูปของ Quick Apps นวัตกรรมแอปพลิเคชันที่สร้างสรรค์ขึ้นสำหรับอุปกรณ์ในยุค 5G โดยแอปพลิเคชันประเภท Quick Apps นี้ พัฒนาขึ้นตามมาตรฐานระดับโลกเพื่อให้สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งลงในเครื่อง ทั้งยังใช้หน่วยความจำน้อยอีกด้วย ผู้ใช้สามารถเข้าใช้งานแอปเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส และเพลิดเพลินไปกับการแสดงผลที่สวยงาม ตอบสนองราบรื่นเสมือนแอปพลิเคชันที่ติดตั้งเองในแบบทั่วไป ทั้งนี้ แอปพลิเคชันที่ใช้งานเทคโนโลยี Quick Apps นี้ กำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันมีให้เลือกใช้งานผ่าน HUAWEI AppGallery แล้วกว่า 1,700 แอป
นอกจากการพัฒนาแอปพลิเคชันของตนเองแล้ว หัวเว่ยยังได้คัดสรรแอปคุณภาพสูงอันเป็นที่นิยมจากทั่วโลก เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง หัวเว่ยได้ริเริ่มวางระบบรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร เพื่อปกป้องผู้ใช้ให้ปลอดภัยจากแอปที่แฝงมาด้วยภัยร้าย โดยมีมาตรการทั้งระบบยืนยันตัวตนนักพัฒนาด้วยชื่อจริง กระบวนการตรวจสอบ 4 ขั้นตอน ระบบความปลอดภัยในการดาวน์โหลดและติดตั้ง รวมถึงกลไกการป้องกันต่างๆ ขณะใช้งานแอป และด้วยประสบการณ์ในการรวบรวมและพัฒนาแอปพลิเคชันกว่า 9 ปีเต็ม HUAWEI AppGallery จึงเป็นตลาดแอปพลิเคชันที่ใหญ่ที่สุดระดับท็อป 3 ของโลก
โดยนายหยูได้กล่าวถึงแผนการพัฒนา HUAWEI AppGallery ว่า “ในอนาคต เราจะยังคงขยายอีโคซิสเต็มของ HUAWEI AppGallery ภายใต้เป้าหมายที่ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การสร้างแพลตฟอร์มแอปพลิเคชันที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือเท่านั้น แต่ยังพร้อมมอบทางเลือกที่มากกว่าให้กับผู้ใช้งาน โดยความสำเร็จของอีโคซิสเต็มนี้ นับเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญสูงสุดของเรา”
หัวเว่ยยังคงทำงานร่วมกับนักพัฒนาแอปพลิเคชันยอดนิยมจากทั่วโลกเพื่อขับเคลื่อนอีโคซิสเต็มดังกล่าวให้เติบโต โดยพร้อมต้อนรับนักพัฒนาทุกคนให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอีโคซิสเต็มนี้ เพื่อร่วมกันนำประสบการณ์แอปพลิเคชันที่เหนือกว่ามาสู่ผู้บริโภคทั่วโลก
เหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ HUAWEI ประกาศ และเปิดตัวมาเมื่อคืนวันที 24 กุมภาพันธ์มาทั้งหมดครับ ทั้งตัวอุปกรณ์ใหม่ ทั้งอุปกรณ์เสริม และซอฟท์แวร์แอพพลิเคชั่น ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นยุคของการรองรับ 5G ทั้งหมดด้วยครับ
และที่เซอร์ไพรส์ในประเทศไทยโดยเฉพาะ ก็คือการที่ HUAWEI ได้เปิดจำหน่าย HUAWEI Mate 30 Pro 5G ในเวอร์ชั่นที่พร้อมใช้งาน 5G ในประเทศไทยออกมาด้วยครับ เป็นรุ่น RAM 8GB ROM 256GB โดยจะเปิดขายในราคา 31,990 บาท และยังมีโปรโมชั่นร่วมกันกับทางเครือข่าย ในราคาเริ่มต้น 17,990 บาท โดยจะเปิดจำหน่ายในวันที่ 5 มีนาคมนี้เป็นต้นไป