Huawei P10 และ P10 Plus สมาร์ทโฟนสองรุ่นเรือธงตัวล่าสุดจากทาง Huawei ได้เปิดเผยรายละเอียด หน้าตา สเปค และราคาพร้อมประมาณการการเข้ามาจำหน่ายในประเทศต่างๆ เป็นประเทศกลุ่มแรก รวมทั้งประเทศไทยแล้วครับ
ก่อนอื่นเรามาดูสเปคและความแตกต่างของทั้งสองรุ่น ระหว่าง Huawei P10 และ P10 Plus กันก่อนดีกว่าครับ
แน่นอนว่า Huawei P10 และ P10 Plus จะมาพร้อมแบรนด์โลโก้ Leica ในอุปกรณ์ทั้งสองตัว ซึ่งจุดเด่นยังคงเป็นระบบกล้องเลนส์คู่ ซึ่งจะมีเลนส์ขาวดำ monochrome ขนาดความละเอียด 20MP และ ทำงานคู่กับเลนส์สี RGB ขนาดความละเอียด 12MP พร้อมเทคโนโลยีการตรวจจับใบหน้าแบบสามมิติ สร้างภาพความชัดลึกชัดตื้นได้แบบเจาะจงวัตถุได้มากขึ้น และยังคงความสามารถในการปรับระยะชัด สามารถสร้างโบเก้ละลายหลังหรือปรับให้คมทั้งภาพได้ในหลังจากถ่ายไปเรียบร้อยแล้วได้เช่นเดิม
กล้องถ่ายภาพด้านหน้ายังมีโหมดที่จะปรับเป็นการถ่ายภาพเซลฟี่แบบมุมกว้างได้โดยอัตโนมัติ หากตรวจพบว่าการเซลฟี่พร้อมกันหลาย ๆ คน มีการติดตั้งเลนส์ SUMMILUX-H รุ่นใหม่ที่ด้านหลังซึ่งมีรูรับแสงที่กว้างขึ้นกว่ารุ่นเดิม ซึ่งอุปกรณ์ทั้งสองตัวยังมาพร้อมกับแอพพลิเคชั่นตัวเด็ด ที่พัฒนาร่วมกันกับ GoPro เพื่อการสร้างวีดีโอจากไฟล์ภาพและไฟล์วีดีโอที่ถ่ายจากตัวเครื่องของสมาร์ทโฟน
อีกหนึ่งในความโดดเด่นของเครื่องรุ่น P10 และ P10 Plus ก็คือเรื่องของสีสันตัวเครื่อง ที่คราวนี้มาในรูปแบบจัดเต็มในด้านการออกแบบ ขอบเครื่องตัดเงาวาวด้วยเนื้อโลหะ ตัดกับสีของความหรูหรา Dazzling Blue และ Dazzling Gold สีสะอาดตา Ceramic White สีสันสดใส Greenery, Rose Gold, Mystic Silver, Graphite Black, และเลอค่าด้วยสี Prestige Gold ซึ่งในเรื่องของสี ทาง Huawei ได้ออกมาป่าวประกาศตลอดมาในช่วงก่อนเปิดตัว ถึงการร่วมมือกับทางสถาบัน Pantone ในการเลือกใช้สีสันที่ดูทันสมัยและสร้างสเน่ห์เฉพาะสีที่น่าหลงใหลให้เกิดขึ้นในเครื่อง P10 และ P10 Plus ครับ
https://www.youtube.com/watch?v=oCRBssIbBG0
ระบบการทำงานของ Huawei P10 และ P10 Plus จะมาพร้อมกับส่วนติดต่อผู้ใช้ตัวใหม่ EMUI 5.1 ซึ่งทำงานภายใต้ระบบ Android 7.0 Nougat มีการประกาศราคาออกมา
สำหรับ P10 รุ่นแรม 4GB หน่วยความจำ 64GB จะอยู่ที่ 649 EUR หรือประมาณ 23,800 บาท
P10 Plus รุ่นขนาดแรม 4GB หน่วยความจำ 64GB อยู่ที่ 699 EUR หรือประมาณ 25,700 บาท
และรุ่นท็อป P10 Plus รุ่นขนาดแรม 6GB หน่วยความจำภายใน 128GB จะจำหน่ายในราคา 799 EUR 29,000 บาท
ซึ่งถือว่าเป็นเราคาเครื่องเรือธงแบบสมบูรณ์แบบเลยครับ
มีการคาดว่าจะเริ่มนำเข้าเครื่องไปจำหน่ายในหลายประเทศกันตั้งแต่เดือนหน้า มีนาคมที่จะถึงนี้ โดยจะมีประเทศ ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, ชิลี, จีน, โคลัมเบีย, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, กรีซ, อิตาลี, มาเลเซีย, เม็กซิโก, เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, เปรู, ฟิลิปปินส์, โปแลนด์, รัสเซีย, ซาอุดีอาระเบีย, สิงคโปร์, แอฟริกาใต้, สเปน , สวีเดน, ตุรกี, UAE, สหราชอาณาจักรและเวียดนาม
รวมถึงในประเทศไทยของเราด้วยครับ