ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมที่มีความเป็นเอกลักษณ์สูง และเปี่ยมด้วยเสน่ห์แห่งเอเชียตะวันออก และเป็นประเทศในฝันของคนไทยอีกประเทศนึงเลยครับ เพราะบ้านเราได้อิทธิพลจากวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะคนรุ่นก่อนที่โตมากับการ์ตูน ภาพยนต์ และดาราไอดอลจากญี่ปุ่น ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กยุคใหม่ในวันนี้ที่คลั่งกระแสเกาหลีนั่นละครับ ซึ่งคนเขียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน5555
เมื่อเร็วๆนี้ทีม AppDisqus ได้ไปท่องเที่ยวและทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นมาครับ ซึ่งพวกเราได้ไปที่โอซะกะ ซึ่งอยู่ในภูมิภาคคันไซบนเกาะฮนชูนั่นเอง ซึ่งเป็นที่ท่องเที่ยวชื่อของญี่ปุ่นครับ เป็นนครแห่งวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น มีชื่อเดิมว่านะนิวะ
สำหรับทริปนี้เราก็ได้พาเจ้า Samsung Galaxy S7 และ Galaxy S7 edge ร่วมเดินทางไปกับเราด้วยครับ ก็เลยเก็บภาพระหว่างที่เราท่องเที่ยวและทำงานมาฝากกันหลากหลายสภาพแสง มาชมไปพร้อมๆกันเลยครับ (พกแทนกล้องตลอดทริปเลย)
ใครสนใจเจ้า Samsung Galaxy S7 และ Galaxy S7 edge ไปอ่านรีวิวกันได้ตามลิงค์นี้ครับ
คลิ๊กที่ภาพเพื่อดาวน์โหลดไปรับชมได้ครับ ความละเอียด 100% ไม่ผ่านการปรุงแต่ง
การเดินทางที่นั่นใช้รถไฟเป็นหลักเลยครับ รถยนต์มีจำนวนน้อยกว่าบ้านเรามาก ที่น่าสนใจก็คือคนใช้จักรยานกันเยอะ (และออกแนวจักรยานแม่บ้านธรรมดาๆ) แต่ไม่เจอรถมอเตอร์ไซค์เลยครับ นึกว่าจะได้เจอแก๊งซิ่งแบบในการ์ตูนซะอีก แถวที่พักอยู่ใกล้สถานเริงรมย์ซะด้วยครับ แต่ตอบไม่ได้นะครับว่าข้างในเป็นยังไงบ้าง เพราะพวกผมไม่ได้แวะไปเที่ยวเลยครับ^^
สถานที่แรกเราไปกันที่เกียวโต ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลก มีรถเข็นให้ใช้บริการด้วย คนเข็นเท่มากครับ มีสาวๆมาประกอบอาชีพนี้ด้วยเก่งจริงๆ เห็นเข็นขึ้นเนินแล้วรู้สึกทึ่ง บรรยากาศดีมากๆ ร้านค้าเรียงราย ผมประทับใจขนมไดฟุกุใส่สตอเบอรี่มากๆครับมีขายเยอะมาก อร่อยทุกร้านเลย^^ และเข้าไปในวัดเท็นริวจิครับ ถือว่าเป็นวัดที่สวยงามเป็นอันดับต้นๆของเกียวโตเลย ซึ่งน่าเสียดายที่เราไปกันตอนซากุระยังไม่บานครับ ไม่อย่างนั้นต้องวิเศษมากๆแน่นอน การมาชมวัดนี้เราจะได้ซึมซับศิลปะและการจัดสวนแบบเซนไปในตัวด้วยครับ
สถานีรถไฟสายโรแมนติกหรือ Sagano Scenic Railway เป็นการนั่งรถไฟโบราญเข้าไปในหุบเขา เรามาผิดหน้าไปหน่อยครับ แต่ก็ยังตื่นตาตื่นใจ ถ้ามาตอนดอกไม้บาน หรือกลายเป็นทุ่งหิมะต้องเจ๋งมากๆแน่นอน ก่อนออกจากสถานีทีมงานจะออกมาโบกมือส่งพวกเราด้วยน่ารักมากๆเลยครับ ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 25 นาทีผ่าน 4 สถานีครับ ซึ่งระหว่างนั้นเราจะลงในสถานีไหนเพื่อเดินเที่ยวก็ได้ครับ ซึ่งราคาจะแตกต่างกัน
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริเป็นศาลเจ้าที่ประชาชนในศตวรรษที่ 9 สร้างขึ้นมาเพื่อบูชาเทพจิ้งจอก จุดเด่นคือเสาประตูสวรรค์สีแดงที่ทอดยาวขึ้นภูเขา เป็นเส้นทางถึง 4 กิโลเมตร แน่นอนครับทีม AppDisqus………………….ไปไม่ถึงหรอก5555 แถวนั้นจะมีงานวัดด้วยครับ มีของกินชื่อดังของโอซาก้าขายเพียบทั้งเนื้อย่าง, ทาโกะยากิ, โอโคโนมิยากิ ซึ่งต้องบอกว่าเค็มมากเลย หึ หึ
ตกดึกเราก็มาที่ย่านชินไซบาชิเพื่อหาของกินกันครับ เป็นย่านดังที่คนมักจะมาถ่ายรูปป้ายไฟกูลิโกะกัน ของกินอร่อยและราคาไม่ได้โหดร้ายอะไร ซูชิถูกมาก^^ มีที่ให้เดินเล่นเยอะ แต่ไม่ค่อยได้เดินเท่าไหร่ครับ แวะซื้อของฝากกับหยอดกาชาปองกันเพลินเลย (พุดดิ้งอร่อยมาก เห็นว่าออกทีวีด้วยเพราะมีติดรูปใว้ เพื่อนๆบอกว่าหวานไป แต่ผมถูกใจแหะ นี่ก็ชักคิดถึง)
Universal Studio Japan มาโอซะกะทั้งทีห้ามพลาดครับ เป็นแหล่งละลายทรัพย์ของแท้เลย มีเครื่องเล่นหลายอย่างและข้างในสวยงามมาก โดยเฉพาะโซน Harry Potter ห้ามพลาดเลยครับ ไม่อย่างนั้นถือว่ามาไม่ถึง และรถไฟเหะของที่นี่ก็น่ากลัวใช้ได้เลย แถมรางยังยาวมากๆด้วยครับ และเครื่องเล่นใหม่ที่ได้นักร้องและนางแบบชื่อดัง Kyary Pamyu Pamyu มาเป็นตัวละครในเครื่องเล่นก็สุดยอดมากครับ เราจะเล่นโดยใส่แว่น Gear VR ของ Samsung อยู่ด้วย (มือถือที่ใช้ในแว่นคือ Samsung Galaxy Note 5) ถือว่าชอบมากที่สุดในวันนั้นเลย ที่แจ๋วมากๆคือด้านนอกมี Jump Shop ด้วยแฟนๆห้ามพลาดเช่นกัน
วัดโทไดจิที่นาระเมืองแห่งกวางครับ มีกวางลงมาจากในป่าเข้ามาเดินเล่น ทานอาหารจากนักท่องเที่ยวสบายอารมร์เลย ผมมีความประทับใจผสมอับอายมาเล่าให้อ่านกันครับ ผมเองโดนกวางแย่งขยะในมือครับ แต่ไม่กล้าแย่งคืนกลัวโดนกัดเลยเดินหนี ตอนนั้นมีผู้หญิงชาวญี่ปุ่นคนนึง (น่ารักซะด้วย) เธอกล้าเอามือเข้าไปแย่งจากปากกวางเลยครับ แย่งมาได้สำเร็จ เธอโกรธผมมากๆ น่าจะด่าแรงๆเลยละแต่ผมฟังไม่รู้เรื่อง=__= งานนี้ผมผิดมากๆครับ ถ้ากวางกินเข้าไปมันอาจจะตายได้เลยนะ เธอช่างจิตใจดีจริงๆครับ แถมยังกล้าหาญมากๆ ใครที่ไปเที่ยวก็ระวังนะครับ ถ้าโดนแย่งขยะในมือไป จงรวบรวมความกล้าแย่งคืนมาครับ อย่างมากก็โดนกัด แต่ถ้ามันกินเข้าไปนี่ถึงชีวิตเลยนะ
กลับมาเรื่องวัดโทไดจิครับ วัดนี้เป็นหนึ่งในมรดกโลก จุดเด่นคือเป็นอาคารไม้ขนาดมหึมาซึ่งรับรองว่าถ้าได้มาเห็นของจริงต้องรู้สึกถึงแรงกดดันอันทรงพลังแน่นอน ขนาดอาคารมีการชำรุดทำให้หลังเล็กกว่าเดิมแล้วนะครับเนี่ย ด้านในมีไดบุตสึเดนองค์ขนาดใหญ่ถึง 15 เมตร และในอาคารจะมีเสาขนาดใหญ่ให้ลองลอดกันได้ครับ เขาว่าจะช่วยให้รับรู้ถึงเรื่องราวในชาติที่แล้วได้ ซึ่งดูแล้วชายร่างอวบไม่น่าจะลอดได้ครับ5555 คนอ้วนหมดสิทธิรับรู้ความรับสวรรค์ ตบท้ายด้วยขนมไดฟุกุใส่สตอเบอรี่ที่รสชาดอร่อยล้ำโลก และซูชิปลาดองซึ่งเล่นเอาอยากไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเลยครับ อร่อยเป็นบ้า
วัดคิงกะกุจิ หรือวัดโระคุอง จุดเด่นคือศาลาทองคำที่ตกแต่งด้วยทองคำแท้เกือบทั้งหลัง ด้านในมีพระธาตุ เป็นวัดที่มีคนเขาใจผิดว่าเป็นวัดในเรื่องอิคคิวซังกันเยอะมากๆครับ แต่จริงๆไม่ใช่ วันนี้ฝนตกทั้งวันเลย ดีนะที่ Samsung Galaxy S7 และ Galaxy S7 edge กันน้ำมาตราฐาน IP68 ก็เลยเก็บภาพมาฝากเพื่อนได้นี่ละครับ
วัดคิโยมิสึ หรือคนไทยนิยมเรียกว่าวัดน้ำใส ซึ่งก็ต้องบอกว่าดูยิ่งใหญ่จริงๆครับ ด้านล่างลงมาจะมีน้ำตกลงมาในบ่อ ซึ่งมีความเชื่อว่าถ้าดื่มแล้วจะมีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว ซึ่งทีม AppDisqus ก็ไม่มีใครได้ลองดื่มดูนะครับ เพราะฝนตกหนักแถมต่อคิวยาวมาก ทีมเราบางคนเดินตากฝนไร้ร่มเลยละ (นั่นก็คือผมเอง ตอนนี้เลยป่วยงอมแงม นี่ถ้าได้ดื่มน้ำอาจจะไม่ป่วยนะเนี่ย อิอิ) ในวัดจะมีศาลเจ้าแห่งความรักด้วยครับ ซึ่งมีความเชื่อว่าถ้าหลับตาเดินจากหินก้อนนึงไปอีกก้อนนึงจะสมหวังในความรัก…..สาธุ มีคู่รักมาใหว้กันเยอะเลยครับ ใส่ชุดกิโมโนสวยงามทีเดียว ผู้หญิงในชุดกิโมโนนี่เหมือนนางฟ้าแห่งดอกไม้จริงๆนะครับ เป็นชุดที่สาวๆใส่แล้วจะน่ารักขึ้น 120% เลย^^
ปราสาทโอซะกะ สร้างขึ้นมาโดยคำสั่งของโชกุนโทโยะโตมิ ฮิเดโยชิ แต่สุดท้ายก็ถูกโชกุนโทกุกาว่า อิเยยะสุ ทำลายลงเมื่อขึ้นสู่อำนาจ ปจจุบันมีการบูรณะขึ้นมาใหม่ ภายในจึงทันสมัยมากครับ มีลิฟท์ให้ใช้ด้วยนะ แต่เดินเอาผมว่าเหมาะกว่าเพราะแต่ละชั้นจะมีการนำเสนอข้อมูล และวัตถุโบราณต่างๆในยุคนั้น ซึ่งนำเสนอได้ทันสมัยมากครับสมกับที่เป็นประเทศญี่ปุ่น พอขึ้นไปชั้นบนสุดก็จะได้ชมวิวที่งดงามของโอซะกะ
ในบริเวณนั้นมี Time Capsule ที่บรรจุข้อมูลเมื่อครั้งที่โอซะกะจัดงาน Expo เมื่อปี พ.ศ.2513 เอาใว้ด้วยครับ โดยจะเปิดขึ้นมาดูอีกครั้งในอีก 100 ปีข้างหน้า ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้นเราส่วนใหญ่ก็น่าจะอยู่ไม่ทันได้เห็นแล้วละครับ
Osaka Museum of Housing and Living เป็นหมู่บ้านจำลองนครโอซะกะในยุคโบราญ มีชุดกิโมโนให้เช่าใส่ถ่ายรูปด้วยครับ แต่คนรอคิวใส่เยอะมากๆ แถมยังมีไอเดียสร้างสรรค์จำลองเวลากลางวันและกลางคืนอีกด้วย ในนั้นจะมีเครื่องใช้โบราญจัดแสดงรวมทั้งโมเดลเมืองโบราญหลากหลายยุคสมัย
Tempozan Ferris Wheel ชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ มีตู้ให้เลือก 2 แบบคือแบบปกติและแบบกระจกใสครับ เหมาะสำหรับขึ้นไปชมเมืองโอซะกะ โดยเฉพาะตอนกลางคืนน่าจะสวยน่าดูเลยครับ แต่วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วก่อนจะกลับประเทศไทยเลยไม่ได้ลองนะครับ
แถวใกล้ๆกันจะมี Osaka Aquarium Kaiyukan พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศญี่ปุ่นและ Lego Land อยู่ด้วยครับไปเที่ยวแถวนั้นคุ้มค่าแน่นอน เสียดายเหมือนกันที่ทีมงาน AppDisqus ไม่ได้แวะครับ เพราะเวลาจำกัด
ก่อนจะกลับเราแวะย่านเดนเดนทาวน์ ซึ่งได้ชื่อว่าสวรรค์ของคนรักการ์ตูนและเกมแห่งโอซะกะ ซึ่งเมื่อก่อนเป็นย่านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า และเป้นแหล่งขายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ามือ 2 ด้วยครับ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว ชวนให้ผมนึกถึงย่านสะพานเหล็กในตอนนี้จริงๆ ที่ร้านเกมย้ายไปอยู่ใน Mega Plaza กันหมด เสียดายที่เวลามีน้อยจึงได้เดินไม่นานครับ ยังเดินถนนเส้นโอตะโร้ดไม่ทั่วเลย ที่นี่เราจะได้เห็นสำนักงาน Sega ที่เหลือที่เดียวในญี่ปุ่นแล้วด้วยครับ สู้ๆนะครับ
เป็นอันจบทริปตะลุยญี่ปุ่นกับทีม AppDisqus ครับภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S7 และ Galaxy S7 edge เราเอามาฝากกันอย่างจุใจเลย ใครที่เกิดถูกใจอยากเดินทางตามเส้นทางของ AppDisqus ก็เชิญได้เลยนะครับ บอกเลยว่าเหนื่อยมาก5555