โทรศัพท์กลายเป็นของสำคัญในด้านการใช้ชีวิต ความบันเทิง และหน้าที่การงาน สำคัญไปซะทุกอย่าง ฉะนั้นคนทุกคนจึงจำเป็นต้องหาสมาร์ทโฟนมาใช้ แม้จะยังไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อมันได้ ก็ยังต้องอาศัยการกู้ยืมและผ่อนชำระเอาเพื่อที่จะได้มาในรุ่นที่ตัวเองพอใจ
เรื่องของวันนี้เป็นการอัพเดทการเคลื่อนไหวของฝั่งผู้ให้กู้เงินผ่อนหรือเจ้าหนี้นั้นเองครับ รายงานจากเว็บ restofworld เล่าว่า เมื่อประมาณปลายปีที่ผ่านมาช่างซ่อมไฟฟ้าในเขตชานเมืองของบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย Roshan Zameer วัย 28 ปี จำเป็นต้องโทรศัพท์ไปเช็คปลายสายเพื่อตรวจสอบว่าสายไฟฟ้าหลักได้ถูกปิดลงแล้วหรือยัง ก่อนที่เขาจะเริ่มลงมือทำงานซ่อมบำรุงระบบไฟฟ้าในอาคารหลังหนึ่ง แต่ก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ๆ โทรศัพท์ของเขาก็หยุดการทำงานกะทันหันไม่สามารถใช้งานได้ โดยมีข้อความปรากฏขึ้นบนหน้าจอแจ้งว่า
“กรุณาชำระเงินผ่านผ่านทางหน้าเว็บไซต์ของเรา เพื่อปลดล็อกอุปกรณ์ของคุณ”
โทรศัพท์รุ่น Samsung Galaxy A71 ของ Zameer ถูกบล็อก โดยแอปที่ติดตั้งไว้ในเครื่องซึ่งจำกัดการเข้าใช้ฟังก์ชันทั้งหมดรวมถึงความสามารถในการโทรออกอีกด้วย
Zameer ได้เล่าว่า เขาซื้อโทรศัพท์เครื่องนี้แบบมือสองมาจากทางออนไลน์ เมื่อประมาณเดือนสิงหาคม ปรากฎมารู้ภายหลังว่า เจ้าของเดิมได้ซื้อมาโดยมีสัญญาผูกมัดเงินผ่อน จะต้องชำระค่าอุปกรณ์ผ่านการผ่อนชำระรายเดือนต่อเนื่อง โดยถ้ามีการผิดนัดชำระ ตัวโทรศัพท์จะถูกสั่งการจากระยะไกลเพื่อให้ทำการล็อคเครื่องจนไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป จะปลดล็อคได้นั้น ต้องทำการชำระเงินคงค้างกลับเข้าไปในระบบก่อน
ซึ่ง Zameer ไม่รู้ว่าโทรศัพท์เครื่องนี้อยู่ในแผนการชำระเงินดังกล่าว จนกระทั่งวันที่เขาซื้อมันมาครับ 15 วันอุปกรณ์ก็ทำการล็อคโดยอัตโนมัติ และทำให้เขารู้ว่าเขาโดนหักหลังเสียแล้ว
แม้จะมีสมาร์ทโฟนราคาถูกเปิดจำหน่ายอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในประเทศอินเดีย แต่โดยเฉลี่ยแล้วชาวอินเดียชนชั้นแรงงานยังคงต้องทำงานประมาณสองเดือนเพื่อจะให้ได้เงินพอที่จะซื้อมัน ด้วยเหตุนี้จึงมีบริษัทและแหล่งเงินทุนภายในและนอกประเทศเข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อนในการขาย ด้วยระบบผ่อนชำระนั้นเองครับ
และวิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับแหล่งเงินทุนที่จะบังคับให้ผู้ผ่อนสินค้าชำระเงินตามปกติ ก็คือการเอาอุปกรณ์ที่เขาต้องการใช้มากที่สุด เป็นหลักค้ำประกันให้ชำระค่าสินค้านั้นเอง ซึ่งระบบแบบนี้มีใช้ในหลายประเทศครับ
แอพพลิเคชั่นที่ฝังตัวในเครื่องและมีลักษณะการทำงานแบบนี้ ตัวอย่างก็คือแอพที่ชื่อว่า Datacultr เป็นแอปที่ไม่สามารถลบออกได้ และบังคับติดตั้งให้ ณ จุดขาย โดยแอพสามารถตรวจสอบพฤติกรรมการใช้งานและเข้าถึงข้อมูลเครื่องได้ทั้งหมด ทำให้ผู้ที่ซื้อโทรศัพท์แบบเงินผ่อนต้องเผชิญกับกลยุทธ์การทวงเงินค้างชำระแบบถึงหน้าจอมือถือกันโดยตรง
มันจะค่อยๆ สร้างข้อบังคับกดดัน โดยเริ่มต้นจากการส่งเสียงเตือนในภาษาท้องถิ่นให้ชำระยอดค้างจ่ายเพื่อเป็นการเตือนความจำ หากผู้ใช้พลาดการชำระครั้งแรกระบบอาจจะบังคับให้เครื่องเปลี่ยนวอลเปเปอร์บนโทรศัพท์มือถือเพื่อเตือนผู้ใช้อย่างจริงจัง และหากการเข้าข้อมูลของ Datacultr พบว่าผู้ใช้เป็นชอบการถ่ายภาพเซลฟี่ แอปมันก็จะส่งการแจ้งเตือนทุกครั้งที่เปิดฟังก์ชั่นกล้อง (แหนะ! มี AI) และหากผู้ใช้ยังคงผิดนัดในการกู้ยืมเงินแอพจะเริ่มบล็อคโซเชียลที่ใช้บ่อย เช่น Facebook หรือ Instagram เริ่มจำกัดการใช้งานอย่างรุนแรง และสุดท้ายคือปิดฟังก์ชันการทำงานทั้งหมดของโทรศัพท์
ซึ่งต้องยอมรับว่าการกดดันถึงหน้าจอสมาร์ทโฟนมันได้ผล ตามสถิติการทำงานของแอพ Datacultr ในขั้นตอนการบังคับเปลี่ยนวอลเปเปอร์มีแนวโน้มส่งผลให้เกิดการชำระเงินได้มากที่สุด โดยตัวแอพจะแทนที่ภาพพื้นหลังของครอบครัวหรือเพื่อนด้วยข้อความอย่างเช่น“ EMI ของคุณครบกำหนดแล้ว” ทำให้การแจ้งเตือนในลักษณะแบบนี้ยากต่อการเพิกเฉย ราวๆ 50% ของคนที่ถูกเตือนในขั้นตอนนี้จะจ่ายเงินภายในสามวัน และเกือบ 70% จะชำระเข้าไปในเจ็ดวัน
ในปีที่ผ่านมา Bajaj Finserv และTVS Credit ผู้ให้กู้สองรายที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย แม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธว่าใช้ซอฟต์แวร์ของ Datacultr ในมือถือลูกค้าก็ตาม แต่สื่อเมืองนอกก็พบความเกี่ยวข้องกันให้เห็นอยู่ครับ ซึ่งโฆษกของ TVS Credit ก็ไม่ได้ออกมายืนยันหรือปฏิเสธข้อสงสัยดังกล่าว พูดไว้แต่เพียงว่า ลูกค้าของเราจำนวนมากยังใหม่ต่อการกู้ยิมสินเชื่อ และยังไม่มีประวัติด้านเครดิตที่ยอมรับได้ บริษัทพยายามที่จะเติมเต็มความฝันของลูกค้าไม่ว่าจะเป็นการเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนหรือเจ้าของรถยนต์ที่เข้าต้องการ และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ เรากำลังพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อลูกค้าของเรา โดยนำเสนอความช่วยเหลือด้านการเงินโดยลูกค้าทุกคนจะได้รับการแจ้งเกี่ยวกับกระบวนการ และมีการขอความยินยอมซะก่อน เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเงินกู้ของเรา
อินเดียเป็นเพียงตลาดหนึ่งเท่านั้นสำหรับการระบบการจัดการหาเงินทุนกู้ยืมในรูปแบบนี้ ยังมีอีกมากมายหลายประเทศครับที่กำลังเปิดใช้ อาจจะอยู่ในรูปแบบที่แตกต่างกันไปเล็กน้อย แต่ยังไงทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นธุรกิจเงินผ่อนครับ ใครที่ไม่ต้องการเกี่ยวข้อง ก็ต้องใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลในการยับยั้งชั่งใจให้มากเข้าไว้นั้นเองครับ เลือกแต่ที่ตัวเองไหวและเหมาะสมเท่านั้นครับ