iOS 7 เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นานพร้อมกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่มีออกมาทั้งทางดีและทางเสียกันแบบหนาหู ไม่ว่าจะเป็นประเด็นเรื่องความสวยงาม เรื่องประโยชน์ใช้สอย หรือเรื่องความง่ายดายในการใช้งานของมัน แต่อย่างหนึ่งที่เราอดพูดถึงไม่ได้คือเรื่องความ “เหมือน” ที่หลายๆ คนนำไปเทียบเคียงกับเจ้าหุ่นเขียน Android นั่นเอง
หนึ่งในสื่อต่างประเทศที่นำเจ้า iOS 7 ไปเปรียบเทียบกับ Android ก็คือ Droid-Life.com เว็บไซต์เกรียน Android ขั้นเทพที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในวงการคนรัก Android แน่นอนว่าทันทีที่มีการเปิดตัว iOS 7 ออกมา เราเองก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปด้อมๆ มองๆ หาความคิดเห็นของชาว Droid-Life ว่าเขาคิดอย่างไรกับ iOS 7 นี้ และผมที่ได้นั้นไม่ได้ต่างจากที่เราคาดคิดไว้เลยแม้แต่น้อย…
นาย Kellex แห่ง Droid-Life ถึงขั้นเขียนหนึ่งบทความที่ยาวมากๆ เพื่อวิพากษ์วิจารณ์และเปรียบเทียบเจ้า iOS 7 กับ Android 4.2 แบบละเอียดยิบ (ปนแถแหลก) ใครสนใจว่าสื่อต่างประเทศมีความเห็นอย่างไรกับเจ้า iOS 7 ตัวล่าสุดนี้ เชิญอ่านต่อในบทความด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ปล. เราจำเป็นต้องตัดบ้างส่วนของบทความต้นฉบับบออกไปเพราะเราเห็นว่าเป็นส่วนขยายที่อาจไม่ได้จำเป็นหรือสลักสำคัญอะไรกับเนื้อหาหลักของบทความมากนัก ดังนั้นหากใครต้องการอ่านบทความเต็มๆ คุณสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ต้นฉบับตรงที่มาท้ายบทความเลยครับ
[divider]
ถึงตอนนี้ทั้ง Tim Cook และทีมงานต่างก็ลาเวทีงาน WWDC มาเรียบร้อยแล้ว และก็เหมือนเช่นเคยที่เมื่อ Apple ประกาศอะไรสักอย่างที่ดูเป็น “วิวัฒนาการ” (ใช่แล้วล่ะ พวกเขาใช้คำนี้อีกแล้ว) เราก็จะต้องโต้ตอบสักหน่อย และถึงแม้ว่า Google ตัดสินใจเลิกแขวะกัดคนอื่นแล้วเวลาที่มีการทำคีย์โน๊ตแบบนี้ Apple กลับยังคงขยันแขวะกัดคนอื่นอยู่เรื่อยราวกับเด็กๆ หากเราไม่กระโดดมาออกรับแทนบ้างเราก็คงจะไม่ได้ชื่อว่าเป็นแฟน Android ที่แท้จริง เพราะอย่างไรซะเราก็ยังคงเป็นแฟน Android อยู่วันยันค่ำ
ถ้าอย่างนั้นเราเริ่มกันเลยดีกว่า นี่คือข้อคิดเห็นจากเราที่มีต่อ iOS7 ของ Apple ที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ Android เวอร์ชั่นล่าสุด (4.2 Jelly Bean) เมื่อว่ากันโดยรวมแล้ว iOS7 ก็คือร่างใหม่ของ iOS ที่ในที่สุดก็สามารถตามทันเทรนด์ดีไซน์มือถือในปัจจุบันได้เสียทีโดยการสลัดทิ้งคราบแก่คร่ำครึออกเป็นการดีไซน์ที่เน้นเรียบง่ายแต่ลงตัวแทน และหากจะต้องพูดแบบซื่อสัตย์ต่อปากตัวเองสุดๆ คงต้องบอกว่ามันออกแบบมาได้สวยงามจริงๆ Jony Ive และทีมงานของเขาสร้างผลงานอย่างยอดเยี่ยมไว้ในร่างใหม่ของ iOS และเปลี่ยนให้มันกลายมาเป็น UI มือถือที่ทันสมัยได้เสียที
แต่ทุกๆ ครั้ง Apple ร่ายมนต์สะกดแบบนี้ออกมา เราเป็นต้องนั่งดูคีย์โน๊ตพร้อมอุธานไปว่า “โว้ววว อันนั้นน่ะ Android มีตั้งแต่ยุคไดโนเสาแล้ว” หรือไม่ก็ “เอิ่ม นั่นมันเหมือนกับการทำงานบน Android เลยแฮะ” และงานคีย์โน๊ตครั้งล่าสุดนี้ก็ไม่แตกต่างอะไรเลย ในขณะที่ iOS 7 นั้นหน้าตาดีก็จริง แต่สิ่งละอันพันละน้อยที่ใส่เพิ่มเข้ามานั้นก็ทำให้เราอดคิดถึงโอเอสมือถือสุดรักของเราเสียไม่ได้
และก็ไม่เชิงหรอกนะที่เราจะต้องย้ำเตือนคุณตรงนี้อีกครั้งก่อนจะเริ่มต้นกัน อย่าซีเรียสกับบทความนี้ให้มากนักล่ะ เราก็แค่หาเรื่องสนุกๆ ทำด้วยการเปิดประเด็นถึงสิ่งใหม่บน iOS ที่ทำให้เราอดขำหึๆ ในใจไม่ได้ เราดีใจที่ได้เห็นพัฒนาการของ iOS เช่นเดียวกับที่เราเองก็จะดีใจเช่นกันหากได้เห็นโอเอสมือถืออื่นๆ พัฒนาไปบ้าง สิ่งที่เราหลงรักในอุตสาหกรรมนี้ก็คือการที่บริษัทน้อยใหญ่ต่างก็พากันก้าวข้ามผ่านกรอบเกณฑ์เดิมๆ แล้วเริ่มพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ของตัวเองขึ้นนี่แหละครับ
(จากนี้ไป ภาพทางซ้ายมือจะเป็นภาพของ iOS 7 ในขณะที่ภาพทางขวามือนั้นเป็นภาพของ Android)
Quick Toggles (Command Center)
Apple เพิ่มเจสเจอร์ใหม่เข้าไปเพื่อเรียกใช้งาน Command Center หรือส่วนกลางการควบคุมเพื่อการเปิดและปิดฟังก์ชั่นบางอย่างได้อย่างรวดเร็วลงไปใน iOS ใหม่นี้ เพียงแค่คุณลากนิ้วขึ้นมาจากด้านล่างของหน้าจอ เท่านี้คุณก็จะพบกับเมนูมากมายที่คุณสามารถเลือกเปิดและปิดได้ ไม่ว่าจะเป็นโหมดเครื่องบิน, WiFi, Bluetooth, ความสว่างของหน้าจอ, เครื่องเล่นเพลง, ปุ่มลัดเพื่อเข้าใช้งานกล้อง หรือแม้แต่เมนูลัดเพื่อใช้งานไฟฉายเองก็ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นทุกๆ คนก็คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า Android เองก็มีทางลัดเข้าเมนูที่คล้ายๆ กันแบบนี้เหมือนกันโดยผ่านการใช้งานลันเชอร์ของนักพัฒนาอิสระที่มีปล่อยกันออกมามากมาย แต่ใน Android 4.2 เวอร์ชั่นล่าสุดนี้ Google ได้จับใส่เจสเจอร์ตัวใหม่ที่ใช้สองนิ้วรูดลงเพื่อเรียก Notification Bar ขึ้นมาเอาไว้ ส่วนเครื่องควบคุมเพลงนั้นก็อยู่ใน Notification Bar มาสักพักหนึ่งแล้ว ดังนั้นทั้งหมดนี้จึงไม่ถือเป็นของใหม่เลยสำหรับ Android
Lock Screen Notification
ผมเพิ่งจะทราบวันนี้เองว่า iOS ยังไม่ยอมให้คุณเรียก Notification Center ขึ้นมาได้ในหน้า Lock Screen เลย เพราะสำหรับ Android นั้นทำได้มาสองเวอร์ชั่นแล้วเห็นจะได้ แต่ล่าสุด Apple เพิ่งที่จะประกาศฟังก์ชั่นนี้ออกมาให้กับ iOS 7 และเมื่อเจ้าเฟิร์มแวร์ใหม่ตัวนี้ปล่อยออกมา ผู้ใช้งาน iOS จะสามารถลากนิ้วลงจาส่วนบนของหน้าจอเพื่อเรียกเอา Notification Bar ออกมาบนหน้า Lock Screen ของตัวเองได้
Notification Center ตัวใหม่นี้กำจัดแบล็คกราวด์เพลนๆ ดูน่าเกลียดๆ นั่นของ iOS ออกไปเสียทีแล้วทำให้มันดูโปร่งใสมากยิ่งขึ้น โดยข้างบนนั้นจะมีแท็บ “วันนี้”, “ทั้งหมด” และ “พลาดไป” ให้ผู้ใช้งานได้เลือกดู ส่วนตัวแล้วผมชอบไอเดียที่แบ่งแท็บพาเนลออกมาแบบนี้นะ แต่ดูเหมือนว่า Android จะสามารถทำทุกอย่างนี้ได้โดยไม่ต้องเปลืองเนื้อที่แบ่งแท็บพาเนลเพิ่มอีกด้วย ทั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ Notification Bar ของ Android ที่เอื้อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานมันได้จริงๆ และสามารถย่อปิดได้เมื่อต้องการ เพราะงี้บน Android มี Notification Center เพัยงแบบนี้ก็เพียงพอแล้ว
Safari vs. Chrome
Safari ก็ยังคงเป็น Safari วันยันค่ำ หลายๆ คนทนที่จะใช้งานมันไม่ได้และต้องไปหาบราวเซอร์อื่นเช่น Chrome มาใช้งานแทนอยู่ดี แต่อย่างหนึ่งที่เราคิดว่าน่าสนใจคือ UI ใหม่ของ Safari ที่เปลี่ยนตัวเองเป็นแท็บเพื่อแสดงผลการใช้งานเว็บไซต์ที่เรายังคงเปิดเอาไว้อยู่ ส่วนข้ออ้างเรื่องเอนิเมชั่นสามมิติ การสกรอล์ หรือช็อตคัตเพื่อเปิดแท็บต่างๆ อย่างรวดเร็วนั้นพวกเรามีให้ใช้ใน Chrome สำหรับ Android มาตั้งแต่รุ่นแรกที่ Chrome เปิดตัวเมื่อปีก่อนโน่นแล้ว
Multi-tasking
Multi-Tasking ครับทุกคน! iOS 7 มี Multi Tasking รูปแบบใหม่ที่จะเปิดตัวซ่อนไว้ด้านหลังและพร้อมที่จะให้คุณเปิดขึ้นมาใช้งานโดยการเรียงลำดับความสำคัญจากแอพพลิเคชั่นที่คุณใช้งานบ่อยสุด นอกจากนี้มันยังจะเรียนรู้จากพฤติกรรมการใช้งานของคุณเพื่อแปลงรูปแบบการเก็บจ้อมูลของตัวเองและช่วยให้คุณประหยัดพลังงานแบตเตอร์รี่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วย ฟังดูเจ๋งน่ะครับหากมันใช้งานได้จริงๆ ตามที่ฝอยเอาไว้ แต่เรื่องแบบนี้คงไม่มีใครรู้ได้จนกว่าจะได้มีคนทดลองใช้และทุ่มเวลาไปให้กับมันจริงๆ โน่นล่ะ แต่ว่ากันโดยรวมแล้วเราเองก็ชอบไอเดียที่ว่าโทรศัพท์ของเราจะเรียนรู้รูปแบบการใช้งานของเราเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตัวมันเองให้เหมาะสมกับเรามากยิ่งขึ้นแบบนี้นะครับ
ว่ากันในเรื่องของ UI แล้ว Apple ก็ได้รังสรรค์งานที่ค่อนข้างจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้นมาได้ทีเดียวจนเราจะบอกว่าลอกมาจาก Android เป๊ะก็ดูจะกระดากปากไปนักเพราะเจ้า Multi Tasking ของ Apple นั้นมันสกรอล์แบบแนวนอนและมีพรีวิวแอพต่างๆ ให้ดูแบบเต็มจอเลยด้วย อย่างนั้นมันก็ตามมันก็ยังคงไปคล้ายกับสิ่งที่ HTC เคยทำไว้สมัย Sense 4 มากทีเดียว แต่ในตอนนั้น HTC ตัดสินใจทิ้ง Sense UI ตัวนี้ไปเพราะได้รับเสียงวิจารณ์ที่แย่กันถ้วนหน้าอย่างล้นหลามเลย
iTunes Radio vs. Google Music
Apple ประกาศเปิดตัวคู่แข่ง Pandora อย่าง iTunes Radio ออกมาพร้อมกับการเปิดตัว iOS 7 ในครั้งนี้ ว่ากันตามตรงแล้วมันก็ไม่ใช่กว่าจะเป็นนวตกรรมเปลี่ยนวงการหรือนวตกรรมสร้างสรรค์แปลกใหม่อะไรเลย เพราะสิ่งที่เจ้านี่เอื้อให้คุณทำได้ก็คือการสร้างเพลย์ลิสเพลงขึ้นมาเพื่อเป็นเสมือนสถานีส่วนตัวของคุณเอง หรือจะเลือกเปิดฟังสถานีวิทยุที่ Apple รวบรวมไว้ในหมวดหมู่แนะนำก็ได้ แน่นอนว่าทั่วทั้งแอพนั้นเต็มไปด้วยปุ่ม “ซื้อ” หรือไม่ก็โฆษณาโน่นนี่นั่นเต็มไปหมดเว้นแต่ว่าคุณจะเป็นลูกค้าของ iTunes Match อยู่เท่านั้นล่ะ แต่ข้อเสียของมันก็คือคุณจะไม่สามารถบันทึกอัลบัมเต็มหรือแทร็คเพลงต่างๆ เอาไว้ในไลบรารี่ส่วนตัวของคุณได้เหมือนอย่างในบริการใหม่ของ Google หรือแม้แต่จะเลือกเฉพาะเจาะจงเพลงลงไปเพื่อสร้างเพลย์ลิสก็ไม่ได้ เพราะการทำงานหลักของเจ้า iTunes Radio นั้นเรียกได้ว่าลอกมาจาก Pandora เด๊ะๆ คือมันจะหาเพลงที่มันคิดว่าเหมาะและน่าจะเป็นเพลงที่คุณกำลังมองหาอยู่เพื่อให้คุณเลือกอีกทีว่าเพลงนั้นๆ คือเพลงที่คุณอยากดาวน์โหลดหรืออยากที่จะเลือกเก็บเป็นเพลงโปรดเอาไว้จริงๆ เพื่อให้ตัวโปรแกรมเลือกกลับมาเล่นให้คุณฟังซ้ำอีกบ่อยๆ เท่านั้นเอง ซึ่งหากว่ากันตามจตรงแล้ว เจ้านี่ก็เหมือนจะเป็นอีกหนึ่งลูกเล่นเสริมที่ใส่เพิ่มมาให้กับ iTunes เท่านั้น แต่ก็ไม่ได้มีอะไรใหม่หรือโดดเด่นจนน่าจดจำนัก
และเมื่อว่ากันถึงหน้าตาของโปรแกรมแล้วต้องบอกว่าเจ้านี่และ Google Music หน้าเหมือนกับราวกับแฝดเลยทีเดียว เพราะ UI นั้นประกอบด้วยปกอัลบัมใหญ่เบ้งและเมนูสีขาวที่เหมือนกันอย่างกะแกะ
และอีกอย่างที่เราอดเสริมไม่ได้ก็คือ Google Music นั้นมาพร้อมกับความสามารถที่มอบสิทธิ์ให้คุณเข้าถึงเพลงและอัลบัมได้ทั้งหมดที่ต้องการแบบไม่อั้นหากคุณสมัครสมาชิกแบบจ่ายเงินรายเดือนด้วยนะครับ
แม้ว่าผมจะยังไม่แน่ใจว่าจะมีคนสีกกี่คนกันที่ยังคงใช้แอพพลิเคชั่นอีเมลที่ติดมากับ iOS อยู่ (ผมคนหนึ่งล่ะที่ใช้ – Alex AppDisqus) แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเจ้าแอพพลิเคชั่นอีเมลตัวใหม่นี้ขโมยลูกเล่นมาจากแอพพลิเคชั่นชื่อดังบน iOS อย่าง Mailbox โดย Apple มีการเพิ่มเจสเจอร์ปาดซ้ายขวาบนหน้าจอขึ้นมาเพื่อลบอีเมล เลือกอีเมลเก็บไว้ในอะไคฟ์ หรือเรียกเมนู “เพิ่มเติม” ขึ้นมา ซึ่งทั้งหมดนี้ก๊อปปี้มาจากแอพพลิเคชั่น Mailbox ทั้งสิ้น และผมแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าจะไม่มีใครพูดถึงประเด็นนี้กันสักคน แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ Apple เองก็ชอบทำแบบนี้กับนักพัฒนาในโอเอสของตัวเองมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว
อ้อ อีกอย่างนะ Gmail น่ะมีฟังก์ชั่นปาดนิ้วเพื่อลบ หรือเก็บอีเมลไว้เป็นอะไคฟ์มานานนับเกินกว่าที่ผมจะจำได้โน่นแล้ว
Calendars
แม้ว่าแอพพลิเคชั่นปฏิทินตัวใหม่บน iOS 7 จะดูไม่ค่อยเหมือนของ Android สักเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังคงมีความเหมือนอยู่บ้างให้ได้รู้สึก เพราะตอนนี้เรากำลังพูดถึงแอพพลิเคชั่นที่มีการออกแบบที่เรียบง่าย พร้อมแถบสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่เป็นแบบสีๆ และเปลี่ยนพื้นหลังเป็นสีขาวแทนแบบเก่าที่เห็นอยู่ในเวอร์ชั่นปัจจุบันนี้ และแอพพลิเคชั่นปฏิทินล่าสุดของ Google เองก็มีลักษณะคล้ายๆ กับแอพปฏิทินตัวใหม่ของ iOS 7 นี้ ต่างกันก็ตรงที่ของ Android นั้นออกมาก่อนแล้วหลายสัปดาห์ก่อนหน้า
Navigation Drawers
Apple เพิ่มรูปแบบการแสดงผลด้วยการสไลด์ออกด้านข้างมาบนแอพพลิเคชั่นต่างๆ ของตนเช่น Mail และ iMessage ซึ่งเราเห็นลูกเล่นนี้บน Google Apps ของ Android มามากกว่าหนึ่งปีแล้ว (หรือแม้แต่ Google Apps บน iOS เองก็ตาม) แต่ดูเหมือนว่า Apple จะทำราวกับนี่เป็นสิ่ง “ใหม่” ของวงการพัฒนาแอพพลิเคชั่นไปซะอย่างนั้น…เปล่าเลย Apple…ไอ้นี่น่ะมันเก่าไปแล้ว
Lock Screens
ทั้งไลฟ์วอลเปเปอร์รูปฟองอากาศในหน้าล็อกสกรีน ทั้งการจัดวางการแสดงผลนาฬิกาในรูปแบบมินิมอล หรือแม้แต่ปุ่มไอคอนที่สามารถเลือนหายไปได้ หรือฟอนต์ที่ออกแนวแข็งๆ คล้ายหุ่นยนต์หน่อย และอื่นๆ อีกมากมาย น่าสนใจนะครับว่าไหม นี่แสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่า Apple กำลังชื่นชมความสวยงามของการออกแบบหน้าล็อกสกรีนของ Android อยู่จึงหยิบยกเอาไปใช้แบบนี้
[divider]
เป็นอีกครั้งที่ APPDISQUS หยิบเอาบทความมาถ่ายทอดต่อทั้งๆ ที่เราเองก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับเจ้าของบทความสักเท่าไหร่นัก เพราะเห็นได้ชัดเจนว่าบางประเด็นนั้นเหมือนจะจ้องหาเรื่องกันมาเกินไป พยายามหาข้อเหมือนกันจนชนิดที่ต้องเรียกว่าแชมป์เกมจับผิดยังต้องยอมแพ้ไปเลยทีเดียว หรือบางข้อนี่ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นเลือดซิบๆ ที่ไหลออกมจากสีข้างของคนเขียนจากการแถเลยก็ว่าได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องนำเอาบทความเหล่านี้มาถ่ายทอดต่อให้เพื่อนๆ นักอ่านชาวไทยได้อ่านกัน…ในฐานะของสื่อแหล่งหนึ่ง
เพื่อนๆ นักอ่านมีความเห็นอย่างไรกับบทความนี้ คิดว่า iOS 7 นั้นก๊อปปี้หรือดึงแรงบันดาลใจจาก Android มาอย่างที่ Droid-Life เว็บไซต์แฟนบอย Android ชื่อดังเขาว่ามาไหม มีความคิดเห็นอย่างไรอย่าลืมแลกเปลี่ยนพูดคุยกันได้ที่กล่องคอมเมนต์ท้ายบทความเลยนะครับ
ที่มา – Droid-Life.com