ปัจจุบันการพูดคุยทางโทรศัพท์แบบปกติ กลายเป็นเรื่องล้าสมัยไปแล้ว พูดคุยกันทั้งทีต้องเจอหน้ากันได้ Face time จึงเป็นแอพพลิเคชั่น ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุคนี้และในอนาคต ในขณะเดียวกันโทรศัพท์มือถือไม่ได้ถูกใช้งานเพียงแค่พูดคุยติดต่อสื่อสารเท่านั้น แต่มันเป็นอุปกรณ์สำหรับถ่ายภาพที่ติดตัวของเราไปแล้ว พบว่าการถ่ายภาพด้วยโทรศัพท์มือถือได้กลายเป็นสิ่งที่ควบคู่กับการใช้งานมาโดยตลอด ดังนั้น Apple จึงจำเป็นต้องพัฒนาตัวกล้องให้มีคุณสมบัติที่ดีที่สุด เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ใช้งาน ได้เห็นถึงความคุ้มค่าเมื่อนำมาใช้งาน การเปิดตัว iPhone 5s สิ่งที่พัฒนาขึ้นอย่างมากอีกส่วน คือ กล้องถ่ายรูปที่เพิ่มขีดความสามารถขึ้นเป็นอย่างมาก ด้วย เทคโนโลยีแบบใหม่ นั่นคือ iSight camera ที่จะช่วยให้ความชัดเจนของภาพ คมชัดมากยิ่งขึ้นด้วยคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม ที่มุ่งแก้ปัญหาในหลายๆ จุด นอกจากนี้ยังเพิ่มความละเอียดของการถ่ายวีดีโอสูงสุดถึง HD 1080p
พัฒนาการ iSight camera
เราจะเห็นว่า iPad รุ่นแรกสุดไม่มีกล้องติดตั้งมาด้วย แต่เมื่อความต้องการในส่วนภาพถ่ายมากขึ้น iPad ในรุ่นต่อๆ มาจึงได้จัดกล้องมาพร้อมแบบเสร็จสรรพ นั่นรวมไป ถึง iPad Air ก็ต้องได้รับการติดตั้ง iSight camera ไว้ด้วยเช่นกัน แต่ความแตกต่างของ iSight camera ที่อยู่ใน iPhone และ iPad ก็มีส่วนที่แตกต่างกันอย่างไร ? เรามาชมกันครับ
ลำดับต่อไปนี้ เราจะลองเปรียบเทียบผลลัพทธ์การใช้งานในรูปแบบต่างๆ ของ iSight camera บน iPad Air และ iPhone 5s ดูนะครับ โดยการทดสอบนี้ไม่มีการปรับแต่งใดๆ ครับ
iPad Air vs iPhone 5s: ภาพถ่ายในชีวิตประจำวัน
ฝั่งซ้ายคือ iPad Airและฝั่งขวา คือ iPhone 5s
สรุปว่าภาพที่ออกมาใกล้เคียงกันมากครับ แต่โดยส่วนตัวแล้วชอบ iPhone 5s มากกว่าครับ เราพบว่ารูปทีได้จาก iPhone 5s ตอบโจทย์ด้านความสวยงามได้ดีกว่า เพราะว่าระบบการกระจายแสง เฉลี่ยไปในทุกๆ ส่วนของภาพทำให้ภาพตดูสวยและเป็นธรรมชาติมากกว่า
iPad Air vs iPhone 5s: ภาพถ่ายมาโคร(Macro)
ฝั่งซ้ายคือ iPad Airและฝั่งขวาคือ iPhone 5s
ในการถ่ายภาพมาโคร หรือภาพในระยะใกล้นั้น ปรากฏว่าภาพทีได้จากทั้งสองแหล่งให้ความคมชัดอยู่ในระดับใกล้เคียงกันมาก แต่ iPhone 5s จะจัดสมดุลสีได้ดีกว่า ทำให้ได้ภาพออกมาเป็นธรรมชาติมากกว่า สังเกตได้จากภาพแรก และถ้าหากจำเป็นต้องซูมเข้าใกล้ขึ้น iPad Air ก็ยังคงด้อยกว่าอีกฝั่ง และหากเป็นพื้นที่ในที่แสงน้อยดังเช่นในรูปสุดท้าย iPhone 5s ทำได้ดีมากขึ้นไปอีก
iPad Air vs iPhone 5s: ภาพถ่าย HDR
ฝั่งซ้ายคือ iPad Airและฝั่งขวาคือ iPhone 5s
การทดสอบนี้ได้ลองถ่ายในที่ที่หลากหลายสภาพแสง พบว่า ในบางภาพ ทีได้จาก คือ iPad Air มีความชัดเจนของวัตถุมากกว่า เช่น ภาพสุดท้าย จะเห็นได้ว่า รายละเอียดของแสงที่ตกกระทบหญ้า จะทำให้ภาพนี้เล่าถึงอารมณ์ของพื้นที่ได้ดีกว่า iPhone 5s แต่ในบางภาพ เช่น ภาพแรกของ iPad Air จะเห็นเงาสะท้อนมากเกินไปทำให้แสงในภาพโดยเฉลี่ยจะเกินจริงไปมาก
iPad Air vs iPhone 5s: การถ่ายภาพในพื้นที่แสงน้อย
ฝั่งซ้ายคือ iPad Airและฝั่งขวาคือ iPhone 5s
จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า หากต้องถ่ายภาพใต้สภาพแสงน้อย iPad Air ไม่เหมาะสมเลยก็ว่าได้ เพราะว่าภาพที่ได้ออกมานั้น เต็มไปด้วย noise และภาพที่ได้จะค่อนข้างมืด
iPad Air vs iPhone 5s: กล้อง FaceTime
ฝั่งซ้ายคือ iPad Airและฝั่งขวาคือ iPhone 5s
ตัวกล้องหน้าของทั้งสองเครื่องนั้นได้ถูกพัฒนามารองรับการปรับแต่ง แสง สี ให้มากกว่าปกติอยู่แล้ว ดังนั้นภาพทีได้จะสังเกตเห็นว่า แสงในภาพโดยเฉลี่ย จะมากกว่าปกติ รับรองได้ว่า หน้าจะขาวใสกันทุกคนเมื่อใช้งาน
iPad Air vs iPhone 5s: คุณภาพของ iSight video(ทดสอบถ่ายวีดีโอ)
เมื่อลองนำมาถ่ายวิดีโอ จะเห็นได้ว่าทั้งสองสามารถถ่ายได้คมชัดถึงระดับ 1080p ด้วยกันทั้งคู่ งานภาพที่ออกมาจะมีความละเอียดเทียบเท่ากัน แต่ในสิ่งที่ iPhone เหนือกว่า คือ ระบบการบันทึกเสียง จะมีความคมชัดมากกว่า iPad Air รวมไปถึงการวัดแสงโดยเฉลี่ย จะทำได้เป็นธรรมชาติดีกว่า
หากเทียบการใช้งานเรื่องกล้องแล้ว iPhone 5s จะมีคุณสมบัติที่ดีกว่า iPad Air อยู่ค่อนข้างมากครับ แต่หากใครลังเลอยู่ว่าจะเอาตัวไหนดี ? การตัดสินใจเลือกซื้ออุปกรณ์เหล่านี้มันมีมากกว่าการถ่ายภาพแน่นอน ทั้งการใช้งานด้านต่างๆ การนัดหมาย หรืออื่นๆ ต้องพิจารณาให้ดีครับ และเมื่อเราตัดสินใจได้แล้วว่าอุปกรณ์ที่เหมาะกับการใช้งานของเรามากที่สุดเป็น iPad Air แล้วหละก็ จากบทความนี้จะพบว่ากล้องของ iPad Air ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า iPhone 5s เลยครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน
ที่มา imore.com