Apple เปิดตัว iPhone 5S และ iPhone 5C กันไปเป็นที่เรียบร้อยอย่างเป็นทางการ ซึ่งหลังจากเปิดตัวแล้วกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่มีต่อเจ้ามือถือสมาร์ทโฟนสองตัวล่าสุดจาก Apple นี้ก็เรียกได้ว่าแตกแยกกันไปต่างๆ นาๆ เลยทีเดียว และยิ่งเมื่อนำมาเปรียบเทียบจุดดีและจุดด้อยของมันกับมือถือเรือธงตัวอื่นๆ ในท้องตลาด ณ ตอนนี้แล้วอาจจะยิ่งทำให้คุณสับสนกันมากยิ่งขึ้นว่าควรจะไปกับตัวไหนดี แน่นอนว่าวันนี้ APPDISQUS มีบทความดีๆ จาก Phandroid มาฝากเพื่อนๆ กัน
แต่ก่อนจะไปอ่านบทความต้องย้ำกันตรงนี้ก่อนว่าเว็บไซต์ Phandroid นั้นเป็นเว็บไซต์แฟนบอยของ Android โดยเฉพาะ ดังนั้นในบางความคิดเห็นจึงเป็นการเสนอมุมมองความคิดเห็นตามแบบฉบับของแฟนบอย Android อยู่บ้าง อย่างไรซะเ APPDISQUS เองก็ต้องขอให้เพื่อนๆ อ่านกันไปด้วยวิจารณญาณนะครับ เพราะเราเชื่อมั่นว่าเมื่ออ่านจนจบแล้ว คุณจะได้อะไรดีๆ ไปประกอบการตัดสินใจเพิ่มเติมของคุณอย่างแน่นอน
เรือธงสามลำที่ทาง Phandroid จับมาวิเคราะห์จุดแข็ง/จุดอ่อนกันก็คือมือถือที่ต้องเรียกว่าอยู่ในเซ็กเมนท์เดียวกันและเป็นเจ้าตลาด ณ ปัจจุบันนี้อย่าง iPhone 5S ที่เพิ่งเปิดตัวไปใหม่ Samsung Galaxy S4 จาก Samsung และ HTC One จาก HTC ซึ่งตัวแรกนั้นรันบนระบบปฏิบัติการ iOS7 ของ Apple ส่วนอีกสองตัวหลังเป็น Android ทั้งดุ้น
เอาล่ะ ใครพร้อมแล้วเชญไปเสพศึกชนเรือวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของเครื่องทั้งสามรุ่นนี้พร้อมกันได้เลย!
[divider]
iPhone 5S vs Galaxy S4 vs HTC One
หลังจากที่เพิ่งจะเปิดตัวไปได้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ แน่นอนว่าจนถึงตอนนี้คงไม่มีใครกังขาหากจะบอกว่ามือถือตัวใหม่ล่าสุดและดีที่สุดของ Apple อย่าง iPhone 5S ตัวนี้น่าจะต้องเจอกับปราการใหญ่ในตลาดจากทางฝั่ง Android อยู่มากมายเลยทีเดียว แต่ถึงจะว่าอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า iPhone 5S ไม่ได้บรรจุเอาทั้งฟีเจอร์เจ๋งๆ และฮาร์ดแวร์แสบๆ มาเป็นวาวุธพอที่จะต่อสู้หรอกนะ เพราะอย่างนั้นใบบทความนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปมองหาจุดแข็งและจุดออ่อนของมันเพื่อมาดูกันว่า Apple จะสามารถสร้าง “มนต์ขลัง” ที่เหล่าสาวก iPhone เขาพร่ำเพร้อถึงได้หรือไม่ แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มด้วยการจับเอา iPhone 5S มาประชันกับคู่แข่งที่กำลังได้ชื่อว่าเจ๋งที่สุดในตลาด Android ทั้งสองรุ่นอย่าง HTC One และ Samsung Galaxy S4 กันเลยดีกว่า
Apple iPhone 5S
จุดแข็ง
แม้ว่าเรา (Phandroid.com) จะเป็นบล็อกที่ว่าด้วยเรื่อง Android เป็นหลักแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะจ้องแต่จะห้ำหั่น iPhone 5S แต่อย่างใดนะ ในทางตรงกันข้ามเรากลับคิดว่า iPhone ตัวใหม่ที่เพิ่งจะประกาศออกมานี้มีสามสิ่งที่น่าสนใจมากๆ นั่นก็คือเรื่องของขุมพลังของหน่วยประมวลผล กล้องที่พัฒนาปรับปรุงขึ้น และเทคโนโลยีล่าสุดอย่างระบบสแกนลายนิ้วมือเก๋ๆ นั่นอีก
เช่นเดียวกับที่เคยเห็นในรุ่นที่ลงท้ายด้วย “S” เจ้า iPhone 5S นี้มาพร้อมชิปเซ็ตเฉพาะตัวใหม่ล่าสุดของ Apple อย่าง A7 ที่ทาง Apple สัญญาเอาไว้ว่าจะไวกว่าตัวก่อนหน้าถึง 5 เท่าและยังเป็นชิปเซ็ตประมวลปลของระบบมือถือตัวแรกที่มีสถาปัตยกรรมแบบ 64 บิตอีกด้วย ไอ้ที่ว่ามานี้มันมีประโยชน์กับคุณยังไงน่ะเหรอครับ? คำตอบก็ง่ายๆ คือเรื่องความเร็วแบบครอบจักรวาลนั่นล่ะ นอกจากนี้ iPhone 5S ยังกระโดดเข้าร่วมขบวนรถไฟเดียวกับ Moto X ด้วยการใส่เอาชิปเสริมอย่าง M7 มาเพื่อรองรับการใช้งานในส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอีกด้วย ซึ่งทางด้านของผู้ใช้งานแล้ว เจ้าชิปเซ็ตตัวใหม่นี้จะช่วยให้อุปกรณ์มือถือสามารถตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวได้ดียิ่งขึ้นกอปรกับสามารถเก็บข้อมูลเพื่อใช้ในแอพพลิเคชั่นเพื่อสุขภาพและแอพออกกำลังกายได้มากขึ้นนั่นเอง
ส่วนทางฝั่งของกล้องถ่ายรูปนั้น ต้องยอมรับจากใจเลยว่าส่วนนี้คือส่วนที่ iPhone รุ่นต่อรุ่นส่องแสงทอประกายมาอยู่อย่างสม่ำเสมอจริงๆ แม้อาจจะไม่เจิดจรัสเวลาทดสอบ แต่สำหรับการใช้งานจริงแล้วต้องถือว่าโดดเด่นเด้งดึ๋งเสมอมา และสำหรับใน iPhone 5S นี้ Apple เลือกที่จะหยิบยืมไอเดียบางอย่างมาจาก HTC One ที่ว่า “การพยายามเพิ่มจำนวนเมกะพิกเซลเข้าไปนั้นมันเป็นแค่เรื่องของการโชว์เทคโนโลยีเท่านั้น แต่ที่ถูกคือควรจะหันมาให้ความสำคัญกับรายละเอียดของพิกเซลที่ใหญ่ขึ้นแทนรวมไปถึงการเพิ่มขนาดของเซ็นเซอร์ขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้รับแรงได้ดียิ่งขึ้น” ซึ่งเมื่อสรุปเทคโนโลยีใหม่ของ Apple ทางด้านกล้องแบบคร่าวๆ แล้วก็คือเจ้า iPhone 5S นี้จะสามารถถ่ายรูปในที่แสงน้อยได้ดีมากยิ่งขึ้น และให้ภาพที่คมชัดสมจริงมากขึ้นกับรูปถ่ายในทุกสภาพแสงนั้นเอง แน่นอนว่าเราต้องได้เห็นกับตาก่อนถึงจะเชื่อได้ แต่หากรูปตัวอย่างที่ Apple เอามาโชว์นั้นเป็นรูปจริง รับรองได้เลยว่า iPhone 5S ต้องได้รับเสียงชื่นชมไปในระดับสูงลิ่วแน่ๆ
และอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ถือเป็นของใหม่ประจำปี 2556 นี้คือเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือที่ถือว่าลือกันอย่างหนาหูมาเป็นเวลานานแล้ว โดยเจ้า iPhone 5S นี้มาพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ฝังไว้ใต้ตำแหน่งปุ่มโฮมเดิมที่ Apple ให้ชื่อเรียกมันว่า Touch ID และเพราะผู้ใช้งานมือถือกว่าครึ่งทั่วโลกเบื่อหน่ายกับการต้องมานั่งปลดล็อกเครื่องด้วยตัวเลขหรือวาดนิ้วเป็นรวดลายต่างๆ Apple จึงจัดการยุติปัญหานี้ด้วยวิธีการที่ง่ายที่สุดในการรักษาความปลอดภัยให้กับโทรศัพท์มือถือของคุณ วิธีนั้นก็คือการใช้ลายนิ้วมือของตัวคุณเองนั่นล่ะ และเจ้า Touch ID นี้แตกต่างกับเทคโนโลยีการปลดล็อกด้วยใบหน้าของ Android ที่แอบง่อยติดบ้างไม่ติดบ้างเพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านสภาพแสดงด้วยอย่างสิ้นเชิง เพราะเจ้า Touch ID นี้ทำงานเป็นส่วนหนึ่งของ iPhone ตัวใหม่นี้ไปเลย และหากให้พูดตามตรงแล้วต้องบอกว่านี่คือหนึ่งในเทคโนโลยีการพัฒนาสมาร์ทโฟนที่เจ๋งที่สุดตัวหนึ่งซึ่งเราไม่ได้เห็นแบบนี้มาเป็นระยะเวลานานพอประมาณแล้ว และอาจจะเรียกได้ว่านี่คือ “นวตกรรม” ครั้งล่าสุดจาก Apple ได้จริงๆ เพราะฉะนั้นค่ายผู้ผลิต Android ทั้งหลายจงจำและเรียนรู้เอาไว้ซะ
อีกอย่างที่ถือเป็นจุดแข็งของ iPhone 5S ก็คือความสบายใจที่ผู้ใช้สามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับการอัพเดตซอฟท์แวร์อย่างต่อเนื่องตลอดอีกหลายปีที่กำลังจะมาถึงนี้อย่างแน่น ไม่ได้โดนลอยแพขายปลาไป และหลังจากได้เห็นฟีเจอร์ต่างๆ ที่มาพร้อม iOS7 ทั้งในส่วนของ Control Center, Notification Center และ iTunes Radio แล้วมันช่างน่าชื่นชมจริงๆ ที่เห็นว่า Apple ยังไม่ได้ทิ้งเครื่องรุ่นเก่าๆ ไปและยังยอมให้พวกนั้นอัพเกรดต่อไปได้ย้อนไปไกลถึง iPhone 4S เลย แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะได้เห็นบน Android ง่ายๆ หรอกครับ และเพราะ Apple เป็นระบบปิดที่แน่นหนาจริงๆ เราจึงมีโอกาสได้เห็นแอพพลิเคชั่นคุณภาพและเกมเจ๋งๆ บน iOS มากกว่าบนระบบปฏิบัติการอื่นๆ อย่างแน่นอน
จุดอ่อน
อย่าปล่อยให้เหล่าสาวกหลอกล่อคุณสำเร็จล่ะครับ เพราะว่า iPhone 5S ไม่ใช่สมาร์ทโฟนที่สมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นหรอก อย่างหนึ่งเลยคือหน้าจอเล็กๆ ไม่ค่อยละเอียดนั่นมันเหมาะกับลูกเด็กเล็กแดงที่สายตายังเต็มร้อยอยู่โน่นล่ะ สำหรับคนที่อายุมากหน่อยทั้งหลายแล้ว Android ยังเอื้อประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่านับไม่ถ้วนได้บนหน้าจอขนาด 4.7 นิ้วขึ้นไปของมือถือสมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการนี้ นั่นทำให้คุณสามารถอ่าน เขียน และท่องเว็บได้ง่ายกว่ากันเยอะโดยไม่จำเป็นต้องหยิบเอาสมาร์ทโฟนของคุณมาจ่ออ่านกันถึงปลายจมูก และอย่าลืมอีกประเด็นสำคัญที่ว่าถึงแม้ iOS7 จะมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจเยอะแยะมากมาย แต่ด้วยความที่มันเป็นระบบปิด ยังไซะมันก็ยังต้องตามหลัง Android อยู่สองสามขั้นเสมอนั่นล่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงเรื่องของ UI ที่เหล่าผู้ผลิตพัฒนากันออกมาแล้วด้วย
Samsung Galaxy S4
จุดแข็ง
เปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา Samsung Galaxy S4 คือเรือธงตัวล่าสุดและมือถือที่ดีที่สุดเท่าที่ค่ายมือถือจากแดนโสมค่ายนี้เคยผลิต อย่างแรกเลยเพราะมันมาพร้อมกับจอ Super AMOLED ความละเอียดระดับ Full HD 1080p ที่ยากจะหาคู่แข่งที่ไหนมาเทียมเทียบ นอกจากนี้มันยังมาพร้อมกับช่องใส่การ์ด SD ที่แฟนๆ ชื่นชอบกันเหลือเกินเพื่อให้เพิ่มความจุเครื่องได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการ และยังมีแบตเตอร์รี่แบบถอดเปลี่ยนได้เพื่อความสะดวกเวลาต้องเดินทางไกล แถมยังถึงพร้อมด้วยฟีเจอร์มากมายเกินกว่าที่คุณจะเสกออกมาได้หมดอีก แต่อย่าลืมอีกเหตุผลสำคัญว่าเจ้า Samsung Galaxy S4 นี้จะเป็นหนึ่งในอุปกรณ์เพียงไม่กี่ตัวที่สามารถรองรับการใช้งานของนาฬิกา Samsung Galaxy Gear ได้เมื่อมันออกวางจำหน่ายอีกด้วย
คงไม่มีใครปฏิเสธว่า Samsung Galaxy S4 คืออาวุธหลักของวงการสมาร์ทโฟนเลยทีเดียว และกับเรื่องจริงที่ว่า Samsung ทุ่มงบโฆษณาไปไม่น้อยเพื่อการประชาสัมพันธ์เจ้านี่นั้นเป็นการบอกเป็นนัยว่าคุณสามารถพบเจอมันได้ทั่วไปตามท้องถนน และนั่นหมายความว่ายังมีนักพัฒนาอีกมากมายที่ยินดีจะเข้ามาร่วมหัวจมท้ายพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อให้รองรับตลาดคนกลุ่มใหญ่กลุ่มนี้ให้มากที่สุดอีกด้วย และยิ่งเมื่อเอาทั้งหมดมารวมกับประวัติที่ผ่านมาของ Samsung (โลก) ที่คอยทุ่มเทสนับสนุนสมาร์ทโฟน Android ของตัวเองทั้งเครื่องรุ่นใหม่และรุ่นเก่าแล้วด้วยคุณจะยิ่งมองเห็นความมีชัยเหนือตลาดของ Samsung Galaxy S4 อย่างไม่ต้องสงสัย
จุดอ่อน
น่าเศร้าที่ถึงแม้ว่าฟีเจอร์จำนวนนับไม่ถ้วนของเจ้า Samsung Galaxy S4 นี้จะดูน่าสนใจเหลือเกินบนหน้ากระดาษสเป็ก เพราะนั่นหมายความว่าเครื่องของคุณจะเต็มไปด้วยฟีเจอร์ขยะมากมายที่คุณอาจไม่ใช้งานมันเลยเสียด้วยซ้ำ และถึงแม้ว่าความสวยงามจะขึ้นอยู่กับสายตาของผู้มอง แต่ TouchWiz UI ของ Samsung นั้นดูคร่ำครึเกินไปแล้วจริงๆ ไหนจะตัวบอดี้พลาสติกแวววาวของมันอีกที่ทำให้ตัวเครื่องให้อารมณ์เหมือนเครื่องราคาถูกเวลาที่อยู่ในมือแม้ว่าจะใส่เคสเพื่อสร้างความหรูหราให้เกิดขึ้นยังไงก็ตาม
HTC One
จุดแข็ง
หลายคนยังคงให้คำจำกัดความกับ HTC One เอาไว้ว่าเป็นมือถือ Android ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในระบบปฏิบัติการ และคำพูดจากผู้ใช้งานจริงเหล่านั้นย่อมบอกอะไรเราได้ไม่มากก็น้อยทีเดียว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ HTC เคยถูกมองว่าเป็นค่ายไร้ตัวตนในวงการของสมาร์ทโฟนโลกมาเป็นเวลานาน ในที่สุด HTC ก็ฉุดตัวเองขึ้นมาจากหลุมลึกนั่นได้สำเร็จจากผลงานชิ้นโบว์แดงอย่าง HTC One ที่มาพร้อมสเป็กแบบจัดเต็มเท่าที่เราจะจินตนาการได้ เหนือไปกว่านั้นคือการที่ HTC ตัดสินใจออกแบบซอฟท์แวร์ของตัวเองใหม่ทั้งหมด และพัฒนาปรับปรุงเจ้า Sense UI ของตนให้ดูสะอาด ไม่เยอะเกินไป และเร็วอย่างกะจรวด เมื่อมาผนวกรวมกับงานออกแบบที่ใช้ตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียมแบบยูนิบอดี้ยิ่งทำให้มือถือ Android อย่าง HTC One นี้ดูเป็นคู่แข่งที่สามารถจไปฟาดฟันกับ Apple ได้ดีที่สุดเมื่อว่ากันในเรื่องของวัสดุการผลิต ผิวสัมผัสอะลูมิเนียมให้อารมณ์ที่โดดเด่นมาก ไหนจะหน้าจอ SLCD3 ความละเอียดระดับบ Full HD 1080p ที่ให้ภาพที่สวยงามมาก และเทคโนโลยี UltraPixel ที่ช่วยให้ถ่ายภาพได้ดีแม้ในสถาวะแสงน้อยอีก และท้ายที่สุดที่ต้องพูดถึงคือนวตกรรมลำโพงคู่หน้าแบบสเตอริโอที่มาพร้อมชิปเสียง Beats ที่ให้อารมณ์ในการดูหนังและฟังเพลงได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลย เรียกได้ว่าในเจ้า HTC One นี้มีแต่สิ่งให้รักเต็มไปหมด…แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีข้อติเลยนะ…
จุดอ่อน
ในขณะที่ HTC One มีสิ่งดีๆ ที่น่าชื่นชมอยู่เต็มไปหมด แต่เจ้านี่ก็ไม่ได้มอบความยืดหยุ่นในแบบฉบับที่ผู้ใช้งาน Android เขาถวิลหากันสักเท่าไหร่นัก คุณอาจสงสัยว่าผมหมายความว่ายังไงน่ะเหรอครับ? ก็เอาเป็นว่าเจ้านี่ไม่ได้มาพร้อมออปชั่นให้เลือกใส่การ์ด SD เพิ่มได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณต้องผูกติดแหง็กอยู่กับตั้วเลือกแรกสุดที่คุณเลือกมากับเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น 32กิ๊ก หรือ 64กิ๊ก ก็ตาม และหากคุณเป็นคนชอบเก็บหลังเก็บเพลงไว้ในเครื่องแล้วล่ะก็ ท้ายที่สุดคุณจะเจอปัญหาและทางตันแน่นอน นอกจากนี้ยังมีเรื่องของแบตเตอร์รี่ที่ไม่สามารถถอดออกจากตัวเครื่องได้อีกที่ทำให้คุณจำเป็นต้องพกที่ชาร์ตพกพาขนาดเบ้อเริ่มร่วมขบวนเดินทางไปกับคุณด้วยเสมอเพื่อให้สามารถใช้งานมือถือได้ตลอดรอดฝั่งการเดินทางยาวๆ สักครั้ง และสุดท้ายก็คือเจ้า HTC One (สำหรับในอเมริกา) ยังคงติดหงักหงืดอยู่กับ Android 4.1.2 Jelly Bean และยังไม่ได้อัพเดตเป็น 4.3 ที่มีสัญญาไว้ว่าจะออกมาให้อัพเดตกันภายในเดือนนี้และเราเองก็เตรียมการอัพเดตรอเอาไว้เรียบร้อยแล้วด้วย (เข้าใจว่าในไทยน่าจะได้อัพเดตกันไปแล้วเรียบร้อยนะครับ – Alex)
[divider]
ไม่ว่าในตอนนี้คุณจะอยู่พรรคไหน จะ Android หรือจะ Apple แต่ APPDISQUS เชื่อว่าบทความวิเคราะห์จุดแข็ง/จุดอ่อนในครั้งนี้ของ Phandroid น่าจะมีประโยชน์กับผู้ที่สนใจบ้างไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน และหลังจากได้อ่านบทความแล้ว คุณคิดว่าคุณจะไปกับตัวไหน และเหตุผลเพราะอะไร อย่างลืมทิ้งข้อความพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเอาไว้ได้ท้ายบทความนี้เลยนะครับ ส่วนสำหรับผมนั้น เนื่องจากรักเดียวใจเดียว (แม้จะมีปันใจระหว่างทางอยู่บ่อยๆ ก็ตามที) ผมคิดว่าผมน่าจะไปกับ iPhone 5S ครับผม =P
ที่มา – Phandroid.com