เมื่อคืนนี้ (หัวรุ่งวันนี้) Apple ได้ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่เป็นกระแสชื่อดังของตัวเองที่สำนักงานใหญ่ที่ Cupertino โดยสมาร์ทโฟนตัวที่ว่านั้นก็คือ iPhone 5S และ iPhone 5C มือถือสองรุ่นชื่อใกล้เคียงกันที่ค่อนข้างจะต่างกันมากทีเดียว
Tim Cook ซีอีโอของ Apple เริ่มเปิดเวทีด้วยการกล่าวคำเก๋ๆ ตามสไตล์ว่า
“In the past, when we’ve launched a new iPhone, we lowered the cost of the old iPhone, making it more accessible to new people. But this year, we’re not going to do that.”
หรือแปลเป็นไทยแล้วก็คือ
“ในอดีต เวลาที่เราเปิดตัว iPhone ใหม่ เราก็จะลดราคาของ iPhone ตัวเก่าลง ทำให้เจ้าไอโฟนตัวเก่านั้นสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานใหม่ๆ ได้มากขึ้น แต่สำหรับปีนี้เราจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว”
เพราะแทนที่ Apple จะลดราคาเจ้า iPhone 5 ลง สิ่งที่ Apple ทำในปีนี้กลับเป็นการเปิดตัวเจ้า iPhone 5C หรือ iPhone ราคาประหยัดมาพร้อมกับ iPhone 5S และต่อมาก็ถอดเจ้า iPhone 5 ออกจากการขายในหน้าร้านออนไลน์ Apple Store ของตน
Phil Chiller กรรมการบริหารอาวุโสของ Apple เองขึ้นเวทีเป็นคนต่อมาเพื่อประกาศเปิดตัวเจ้า iPhone 5C มือถือสมาร์ทโฟนตัวใหม่จาก Apple ที่ทำมาจากพลาสติกโพลิคาบอเนตและมีขนาดหน้าจอ 4 นิ้วแบบเรติน่าดิสเพลย์พร้อมด้วยชิปเซ็ตความไวสูงอย่าง A6 ที่มีใส่อยู่ใน iPhone 5 เรียกได้ว่างานนี้ iPhone 5C แทบจะถอดสเป็กออกมาจาก iPhone 5 แบบเป๊ะๆ ต่างกันตรงที่ราคาเปิดตัวต่ำกว่าอยู่หลายพัน (ต่างกันประมาณ 5000 บาทเมื่อเทียบกับรุ่นต่ำสุดของทั้ง iPhone 5 สมัยเปิดตัวและ iPhone 5C) นอกจากนี้ภายในยังฝังสัญญาณรับคลื่นโทรศัพท์แบบหลากหลายย่านความถี่เอาไว้แบบ iPhone 5 อีกด้วย แต่ที่ต่างอย่างเห็นได้ชัดคือเจ้า iPhone 5C นี้จะมาพร้อม 5 สีให้เลือก โดยสีที่ว่านั้นก็คือสีเขียว สีขาว สีฟ้า สีชมพู และสีเหลืองนั่นเอง
iPhone 5C จะออกขายที่ราคาติดสัญญาสองปีที่ $99 เหรียญ หรือประมาณ 3000 บาทสำหรับเครื่องรุ่น 16 กิ๊ก และ $199 หรือประมาณ 6000 บาทสำหรับรุ่น 32 กิ๊ก ส่วนราคาแบบไม่ติดสัญญานั้นมีเปิดเผยออกมาภายหลังผ่านทาง Apple Store เป็นที่เรียบร้อยอยู่ที่ประมาณ 17,636 บาท สำหรับตัว 16 กิ๊ก และ 20,848 บาท สำหรับตัว 32 กิ๊กตามลำดับ เจ้า iPhone 5C นี้จะเริ่มออกขายจริงในวันที่ 20 กันยายน 2556 และจะเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าในวันแรกได้ในวันที่ 13 กันยายน 2556 นี้
มากันที่ iPhone 5S บ้าง โดยเจ้า iPhone 5S นี้จะยังคงมีขนาดหน้าจอเท่ากับตัวก่อนหน้าคือ 4 นิ้วแบบเรติน่าดิสเพลย์ นอกจากนั้นยังมาพร้อมสีเงิน สีทอง และอีกสีที่ Apple เรียกว่าสีเทาอวกาศ ฮาร์ดแวร์ภายในเองก็มีการอัพเกรดใหม่ทั้งหมด โดยเริ่มจากตัวซีพียูที่อัพเกรดเป็น A7 และเป็นมือถือ 64 บิตตัวแรกของโลกตามที่เคยมีข่าวหลุดออกมาอีกด้วย ซึ่งในส่วนนี้ Apple เหมือนจะภูมิใจในความเป็น 64 บิตเป็นพิเศษ โดย Schiller ได้กล่าวถึงเจ้าตัวนี้ไว้ว่า
“The PC world made the transition from 32 bit to 64 bit and it took years. Today you’re going to see that Apple is going to do it on one day,”
“โลกของคอมพิวเตอร์นั้นใช้เวลาหลายปีกว่าจะเปลี่ยนจาก 32 บิต เป็น 64 บิตได้สำเร็จ แต่วันนี้คุณจะได้เห็น Apple เปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้ภายในหนึ่งวัน!”
Schiller กล่าวต่อว่าเจ้าซีพียูตัวใหม่ของ iPhone 5S นี้จะมาพร้อมความไวที่มากกว่าตัวเก่าถึง 40 เท่า นอกจากนี้ iPhone ใหม่ยังมาพร้อมชิปที่เรียกว่า M7 โดยมีหน้าที่สำหรับการประมวลผลข้อมูลในส่วนของ Motion Data โดยชิปตัวนี้สนับสนุนการทำงานของ Accelerometer / Gyroscope และ เข็มทิศนั่นเอง
Schiller บอกว่าอายุการใช้งานของแบตเตอร์รี่ของ iPhone 5S เองนั้นก็ได้รับการปรับปรุงขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเจ้า iPhone 5S นี้มาพร้อมเบนมาร์กด้านการใช้งานแบตเตอร์รี่ที่น่าตื่นเต้นด้วยการคุยโทรศัพม์บนเครือข่าย LTE และใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่าน WiFi ได้ยาวนานถึง 10 ชั่วโมงแบบต่อเนื่อง เล่นเพลงได้ 40 ชั่วโมง และสแตนด์บายได้ 250 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ส่วนที่ได้นับการอัพเกรดใหญ่ที่สุดอีกส่วนหนึ่งคือกล้องของ iPhone นั่นเอง โดย Apple ได้เพิ่มพิกเซลภาพขึ้นเป็น 1.5u เพื่อให้สามารถถ่ายรูปในสภาพแสงจ้าได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้กล้องยังจะทำการตรวจจับไวท์บาลานซ์ได้ทันทีที่เปิดแอพถ่ายรูปขึ้นมาเลยด้วย และเจ้ากล้องตัวใหม่นี้ยังมาพร้อมเบิร์สโหมดและทรูโทนแฟลชเพื่อเพิ่มความสมจริงและสวยงามให้กับการถ่ายรูปด้วยแฟลช และท้ายที่สุดคือการเพิ่มฟังชั่น Image Stabilizer และการอนุญาตให้มีการถ่ายวิดีโอแบบสโลวโมชั่นได้
และเหมือนอย่างที่ลือๆ กันออกมาก่อนหน้านี้ว่า iPhone ตัวใหม่จะมาพร้อมกับปุ่มโฮมแบบใหม่ที่จะใช้เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญ โดย Apple ใช้ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Touch ID ฝังเอาไว้ด้านล่างของปุ่มโฮมอีกทีหนึ่ง เซ็นเซอร์สำหรับอ่านลายนิ้วมือนั้นจะสามารถอ่านได้ละเอียดในระดับ 500 ppi และอ่านได้แบบ 360 องศา โดยมีความบางเพียงแค่ 170 ไมครอนเท่านั้น โดยฟังก์ชั่นหลักที่จะนำเอาเจ้าสแกนลายนิ้วมือนี้มาใช้ก็เพื่อการปลดล็อกและการซื้อของใน App Store ผ่านทาง iPhone ของคุณต่อไป โดยในส่วนของเรื่องการสแกนลายนิ้วมือนี้รองประธานกรรมการอาวุโสของ Apple อย่างนาย Jony Ive พูดไว้ในวิดีโอที่เปิดฉายบนเวทีว่า
“Your fingerprint is one of the best passes in the world. It’s always with you, and no two are exactly alike,”
“ลายนิ้วมือของคุณคือรหัสผ่านที่ยอดเยี่ยสที่สุดรหัสหนึ่งของโลกเลยทีเดียว เพราะมันอยู่กับคุณตลอดเวลา และไม่มีทางที่จะมีใครมาเหมือนกันได้แบบเด๊ะๆ”
iPhone 5S จะออกขายแบ่งเป็นสามรุ่น โดยรุ่นแรกนั้นที่ขนาดความจุ 16 กิ๊กแบบติดสัญญานั้นอยู่ที่ $199 แบบติดสัญญา 32 กิ๊กอยู่ที่ $299 และแบบติดสัญญา 64 กิ๊กนั้นอยู่ที่ $399 ตามลำดับ ส่วนราคาแบบไม่ติดสัญญาที่ประกาศออกมาบน Apple Store นั้นอยู่ที่ 20,848 บาท, 24,060 บาท และ 27,272 บาท ตามลำดับ
และท้ายที่สุดคือการประกาศให้โลกรู้ว่าในที่สุด iOS7 ที่แฟนๆ Apple รอคอยก็พร้อมและเตรียมเปิดให้อัพเดตอย่างเป็นทางการแล้ว ผู้รับหน้าที่ประกาศข่าวนี้คือนาย Craig Federighi โดยกำหนดการของการเปิดให้ดาวน์โหลด iOS7 นั้นจะเป็นในวันที่ 18 กันยายน 2556 โดยเจ้า iOS7 จะมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่มากกว่า 200 ฟีเจอร์ ซึ่ง Apple ให้คำจำกัดความว่า “เหมือนกับได้เครื่องใหม่” กันเลยทีเดียว
สำหรับข่าวสรุปแยกย่อยลงไปในแต่ละเซ็คชั่นและผลิตภัณฑ์เลยนั้น เพื่อนๆ อดใจรอกันสักครู่นะครับ เดี๋ยวทาง APPDISQUS จะมีสรุปแบบรุ่นต่อรุ่นโดยละเอียดมาฝากกันอย่างแน่นอน ^^
หลังจากเสร็จสิ้นงานเปิดตัวกันไปแล้ว เพื่อนๆ คิดอย่างไรกับเจ้า iPhone 5S และ iPhone 5C บ้าง ใครจะยอมเสียเงิน ใครไม่อยากเสียเงินแล้ว เหตุผลเพราะอะไร ร่วมแชร์ความคิดเห็นกันได้ที่กล่องข้อความด้านล่างนี้เลยครับ