เปิดตัวกันไปแล้วกับมือถือที่ทั่วทั้วโลกจับตามองอย่าง iPhone 7 และ iPhone 7Plus ที่ในครั้งนี้มาพร้อมกับการอัพเดตตัวเองหลายๆ อย่างตั้งแต่กล้อง ไปจนจอภาพแสดงผล ยันโปรเซสเซอร์ที่อยู่ภายใน แต่อีกหนึ่งสิ่งซึ่งถือเป็นนิมิตรหมายอันดีจาก Apple ที่จะพามือถือของตัวเองเข้ารวมกลุ่มกับกลุ่มท๊อปค่ายอื่นๆ อย่าง Samsung กับเรือธง Samsung Galaxy S7 และค่าย Sony กับ Xperia บางรุ่น ได้สักทีนั้นก็คือมาตรฐานการกันน้ำและกันฝุ่น ซึ่งใน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus นั้นมาพร้อมมาตรฐาน IP67 (มาตรฐานเดียวกับ Apple Watch รุ่นแรก) ในขณะที่แบรนด์คู่แข่งทั้งสองที่กล่าวไปก่อนหน้านั้นพาเรือธงตัวเองไปที่ IP68 แล้ว ตัวแลขต่างกันหนึ่งหลักแบบนี้ ความหมายของมันต่างกันอย่างไร และมันจะสามารถใช้ดำน้ำได้จริงหรือไม่ วันนี้ APPDISQUS พามาทำความเข้าใจ เคลียร์ข้อสงสัยนี้ไปพร้อมๆ กัน
IP คืออะไร?
ก่อนอื่นเลยเราต้องมารู้จักกันก่อนว่ามาตรฐาน IP ที่ใช้กันนั้นคืออะไร โดยเอาสรุปหลักใหญ่ใจความก่อนเลยนั้นก็คือ IP ย่อมาจาก Ingress Protection นั่นเอง หรือแปลเป็นไทยได้ง่ายๆ ว่า มาตรฐานการป้องกัน
ทีนี้หลักต้นและหลักท้ายบ่งบอกอะไรล่ะ?
หลักต้น – ตัวเลขในหลักต้นของมาตรฐาน IP นั้นคือการบ่งบอกความสามารถในการป้องกันฝุ่นละอองต่างๆ โดยทั้ง iPhone 7 / iPhone 7 Plus และ Samsung Galaxy S7 นั้นได้รับเรตติ้งเดียวกันคือ 6 ซึ่งความหมายว่ามือถือที่ระบุสามารถป้องกันฝุ่นละอองเข้าไปทำลายระบบอิเล็คทรอนิกได้อย่างสิ้นเชิง และจะไม่มีฝุ่นละอองใดๆ ที่จะสามารถแทรกเข้าไปผ่านตัวเคสที่หุ้มชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกอยูแล้วสร้างความเสียงหายให้กับตัวเครื่องได้เลยนั่นเอง ฟังแบบนี้แล้วเจ๋งไปเลยใช่ไหมครับ แบบนี้แสดงว่าเราไม่ต้องกลัวฝุ่นทำร้ายเครื่องเรากันแล้ว
หลักปลาย – ที่น่าสนใจกว่านั้นไม่ใช่ตัวเลขหลักต้นครับ เพราะโดยปกติฝุ่นละอองไม่ใช้ศัตรูตัวร้ายเสียทีเดียวกับแผงวงจรอิเล็คทรอนิก ตัวโกงระดับเบอร์เต็งจริงๆ นั้นคือของเหลวและน้ำ ที่เราต้องเอาเรตติ้งของตัวเลขหลักปลายมาพิจารณากัน โดยในกรณีของเรานั้น iPhone 7 / iPhone 7 Plus ได้รับเรตติ้ง 7 ในขณะที่ Samsung Galaxy S7 ได้รับเรตติ้ง 8 เรามาดูความแตกต่างแบบง่ายๆ ของตัวเลขทั้งสองตัวนี้กันดีกว่าครับ
iPhone 7 / iPhone 7 Plus (IP67) – ตัวเลข 7 ด้านหลังของมาตรฐาน IP ของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus นั้นเป็นการบอกว่าอุปกรณ์นี้ได้รับมาตรฐานการกันน้ำในระดับความลึกไม่เกิน 1 เมตร (โดยประมาณ) และอยู่ในน้ำความลึกระดับนั้นไม่เกิน 30 นาที นั่นหมายความว่าในสภาวการทดสอบของ IEC เจ้า iPhone 7 และ iPhone 7 Plus สามารถอยู่ในน้ำระดับความลึก 1 เมตร เป็นเวลา 30 นาทีได้อย่างไม่ส่งผลเสียใดๆ แม้แต่น้อยกับตัวเครื่องและแผงวงจรภายในนั่นเอง
Samsung Galaxy S7 (IP68) – ตัวเลข 8 ด้านหลังของมาตรฐาน IP ของ Samsung Galaxy S7 นั้นเป็นการบอกว่าอุปกรณ์นี้ได้รับมาตรฐานการกันน้ำในระดับความลึกไม่เกิน 1.5 เมตร (โดยประมาณ) และอยู่ในน้ำความลึกระดับนั้นไม่เกิน 30 นาที นั่นหมายความว่าในสภาวการทดสอบของ IEC เจ้า Samsung Galaxy S7 สามารถอยู่ในน้ำระดับความลึก 1.5 เมตร เป็นเวลา 30 นาทีได้อย่างไม่ส่งผลเสียใดๆ แม้แต่น้อยกับตัวเครื่องและแผงวงจรภายในนั่นเอง
จะเห็นได้ว่าข้อแตกต่างนั้นคือ Samsung Galaxy S7 สามารถดำดิ่งลงในน้ำที่ระดับความลึกมากกว่า iPhone 7 และ iPhone 7 Plus อยู่ประมาณ 0.5 เมตร แต่ในระยะเวลาที่เท่ากันคือ 30 นาที และไม่ส่งผลเสียใดๆ ต่อตัวเครื่องและแผงวงจรเลยแม้แต่น้อยนั่นเอง
แบบนี้เราเอาไปดำน้ำเล่น ดูปะการัง ถ่ายรูปใต้น้ำสวยๆ ให้โลกอิจฉาเล่นได้ใช่ไหม?
ตามทษฎีแล้วก็คงต้องตอบว่าได้ ไม่มีปัญหาอะไร หากคุณเอาไปดำน้ำ ดูปะการัง และถ่ายรูปสวยๆ อวดชาวโลกในระดับความลึกและระยะเวลาที่มาตรฐานทั้งคู่กำหนดไว้ (ซึ่งก็มากมายเพียงพอเหลือเกินแล้วทั้งคู่) แต่ตามสภาพการใช้งานจริงก็คงต้องบอกว่าให้ระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะอย่าลืมว่าการทดสองนั้นมีการควบคุมสภาวะแวดล้อมและปัจจัยต่างๆ เอาไว้โดย IEC เพื่อกำหนดเป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่ในเวลาการใช้งานจริงคุณไม่สามารถกำหนดสภาวะแวดล้อมหรือปัจจัยต่างๆ ให้เหมือนกับค่ามาตรฐานการทดสอบของ IEC ได้เลย ดังนั้นหากมันไม่เป็นไปตามนั้น อาจด้วยแรงดันในสภาวะจริงที่มีมากกว่า หรือจะด้วยอะไรก็ตาม คุณก็ต้องแบกรับความเสี่ยงนั้นไว้ด้วยตัวเอง เพราะทั้ง Apple และ Samsung (รวมถึง Sony และแบรนด์อื่นๆ ในโลกด้วย) ไม่มีใครรับประกันความเสียหายที่เกิดจากการถูกทำลายโดยน้ำหรือของเหลวเลยนั่นเอง
อ้าว! แล้วแบบนี้จะทำมาตรฐานมาทำกร๊วกอะไร? คำตอบนั้นง่ายมากครับ มาตรฐานที่เขาใส่เพิ่มขึ้นมา พยายามนักหนาที่จะพาผลิตภัณฑ์ของตัวเองให้ผ่านการทดสอบและได้รับมาตรฐานต่างๆ มานั้นก็เพื่อตัวผู้บริโภคเอง เพื่อให้ใช้งานได้อย่างสบายใจมากยิ่งขึ้น นั่นหมายความว่าหลังจากนี้หากคุณเกิดเผลอทำมือถือตกอ่างอาบน้ำ (สำหรับคนที่ชอบเอามือถือไปฟังเพลงหรือเล่นเกมระหว่างอาบน้ำ นั่งส้วม) หรือต้องมีเหตุให้เดินกลางสายฝน คุณก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่ามือถือของคุณจะมีปัญหาอีกแต่อย่างใด เพราะว่ากันตามสภาพจริงคงไม่มีอ้างอาบน้ำบ้านไหนลึกเกิน 1 เมตร หรือใครที่บอกว่าเผลอทำตกแต่ตกไปนานกว่า 30 นาทีแน่ๆ (อย่างช้าถ้าเผลอก็คงแค่ไม่กี่วินาที) ส่วนการเดินตากฝนนั้นยิ่งเป็นเรื่องสิวๆ ไปเลยเพราะไม่ใช่การจมน้ำโดยตรง หรือแม้แต่ใครที่ชอบพาลูกหลานไปว่ายน้ำแล้วเผลอทำเครื่องตกสระก็ไม่จำเป็นต้องกังวลให้มากอีกต่อไป นั่นล่ะครับเหตุผลที่บรรดาผู้ผลิตเขาพยายามผลักดันผลิตภัณฑ์ให้ได้รับมาตรฐานการกันน้ำ เขาทำเพื่อป้องกันคุณจากเหตุไม่คาดฝัน ไม่ใช่ทำเพื่อให้คุณได้เอาไปดำน้ำ ดูปะการัง และถ่ายรูปสวยๆ อวดโลกแต่อย่างใด
ทั้งนี้ Apple ได้ระบุเพิ่มเติมเอาไว้ว่า อุปกรณ์ต่างๆ ที่ช่วยกันทำให้เครื่องได้รับมาตรฐานการกันน้ำและฝุ่นระดับ IP67 นั้นมันสามารถเสื่อมได้ตามอายุการใช้งาน และไม่มีใครบอกได้ว่าจะเสื่อมตอนไหน ดังนั้นนอกจากความเสี่ยงเรื่องสภาวการใช้งานจริงหากคุณเอาไปดำน้ำเล่นแล้ว คุณยังต้องเสี่ยงกับโอกาสที่อุปกรณ์กันน้ำกันฝุ่นเหล่านั้นจะเสื่อมสภาพไปก่อนคุณเอาไปจุ่มน้ำด้วย ซึ่งแน่นอนว่าย่อมสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นกับมือถือของคุณได้ และไม่อยู่ในการรับประกันแต่อย่างใดนะขอรับ
เอาล่ะ ทีนี้เป็นอันได้รับรู้กันแล้วว่า IP67 บน iPhone 7 และ iPhone 7Plus กับ IP68 บน Samsung Galaxy S7 และ Sony Xperia บางตัวนั้นแตกต่างกันอย่างไร และคุณควรจะเสี่ยงกับมาตรฐานนี้แค่ไหน และจะเห็นได้ว่าทั้ง IP67 และ IP68 นั้นไม่ได้มีความแตกต่างกันจนหน้าตกใจแต่อย่างใด (แต่แตกต่างแน่) ที่เหลือก็สุดแล้วแต่ดุลยพินิจของเพื่อนๆ เองว่ายังจะอยากเอามันไปลงน้ำไหม เอาเป็นว่าใครเคยทดสอบแล้วก็อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังนะครับ
ส่วน APPDISQUS นั้นเคยมีโอกาสได้ทดสอบพาน้อง Samsung Galaxy S7 ไปดำน้ำเล่นกันมาแล้วจริงๆ ใครอยากรู้ว่าเป็นยังไงก็ตามไปอ่านกันได้ในบทความดำน้ำกับน้อง Galaxy S7 ได้เลย