iPhone SE ก็เป็นอีกหนึ่งไลน์อัพที่ทาง Apple ทำออกมาสำหรับตลาดระดับกลางๆ ที่ไม่ราคาไม่สูงจนเกินไป โดยรุ่นแรกนั้นวางจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2016 และในที่ Apple ก็ประกาศเปิดตัว iPhone SE (2022) ออกมาอย่างเป็นทางการในงาน Apple Event ช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา โดยดีไซน์ของตัวเครื่องนั้นยังคงใช้รูปแบบเดียวกับ iPhone 6 ที่วางขายในปี 2014 ก็ต้องยอมรับเลยว่าถึงภายนอกตัวเครื่องจะดูไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ไส้ในแรงสุดๆ ไปเลยและรองรับการเชื่อมต่อแบบ 5G อีกด้วย
iPhone SE (2022) จะมาพร้อมกับชิปเซ็ต Apple A15 Bionic ตัวเดียวกับที่ใช้ใน iPhone 13 Series เลยนั่นเอง สำหรับความแรงนั้นคงไม่ต้องบรรยายอะไรมากมายนักเพราะ Apple A15 Bionic เป็นชิปเซ็ตที่แรงที่สุดในเวลานี้บนสมาร์ตโฟน นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมีความจุในเครื่องมาให้เลือกซื้อถึง 3 แบบคือ 64GB, 128GB และ 256GB
หน้าจอของตัวเครื่องมีขนาด 4.7 นิ้ว ด้วยขอบด้านบนและด้านล่างที่ค่อนข้างหน้าทำให้สมาร์ตโฟนรุ่นนี้มีขนาดโดยรวมที่ค่อนข้างใหญ่กว่า แต่หน้าจอของตัว mini จะใหญกว่าเพราะมีการตัดปุ่ม Home และขอบด้านบนออก ทำให้หน้าจอใหญ่กว่า สำหรับ iPhone SE (2022) ได้รับการการันตีว่าหนามากเพราะใช้ “Ceramic Shield” ทำให้ค่อนข้างทนทานพอสมควร และยืนยันว่ามีที่สแกนลายนิ้ว
iPhone SE (2022) มีการปรับปรุงกล้องให้ดีขึ้น แต่ยังมีกล้องหลังเลนส์ Wide เพียงตัวเดียวโดยมีความละเอียดอยู่ที่ 12MP ไม่มีกันสั่นภายในตัวเหมือน iPhone 13 และมีฟีเจอร์ Smart HDR4, Deep Fusion และการปรับแต่งภาพถ่ายสไตล์ต่างๆ เหมือนเดิม
iPhone SE (2022) มีสีให้เลือกซื้อ 3 สีคือ Midnight, Starlight และ Red ส่วนราคาของเครื่องจะอยู่ที่เท่าไรบ้างก็มาดูกันเลย
- iPhone SE (2022) 64GB ราคา 15,900 บาท
- iPhone SE (2022) 128GB ราคา 17,900 บาท
- iPhone SE (2022) 256GB ราคา 21,900 บาท
สำหรับใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปสั่งซื้อล่วงหน้าได้แล้วบนเว็บไซต์ของ Apple ในวันที่ 11 มีนาคม และเริ่มจัดส่งสินค้าล็อตแรกในวันที่ 18 มีนาคมนี้ใน 30 ประเทศทั่วโลก