KGI Securities ชื่อนี้ที่ชาว iOS ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะในช่วงสามถึงสี่ปีหลังนี้ ข่าวลือเกือบ 100% จากแหล่งข่าวนี้ถูกแบบหาข้อผิดโผกันลำบากเลยทีเดียว และแน่นอนว่าครั้งนี้ นักวิเคราะห์ชื่อดังประจำที่นี่อย่างนาย Ming Chi-Kuo ก็ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลโดยสรุปทั้งหมดที่ทาง KGI Securities ได้มาทั้งจากแหล่งข่าวและการวิเคราะห์ (ที่ถูกแทบ 100% มาโดยตลอด) ว่าเราจะได้เห็นอะไรบางใน iPhone 6 ที่กำลังจะออกวางจำหน่ายภายในปีนี้จาก Apple
การเปลี่ยนแปลงที่จะถือเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ไปเลยสำหรับ iPhone 6 นั้นก็คือการเปลี่ยนตำแหน่งเปิดและปิดเครื่องที่แต่เดิมเคยอยู่มุมขวาบนมาเป็นที่ด้านข้างของตัวเครื่อง ซึ่งนั่นสอดคล้องกับข่าวลือเรื่องขนาดหน้าจอของ iPhone 6 ที่จะใหญ่ขึ้น เพราะการวางตำแหน่งปุ่มเปิดปิดเครื่องไว้ที่ด้านข้างตัวเครื่องนั้นย่อมเอื้อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้ถนัดมากขึ้นกว่าการวางไว้ที่มุมขวาบนของเครื่องสำหรับอุปกรณ์สื่อสารที่มีหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นตามที่เป็นข่าวแบบนี้
Kuo เชื่อว่า iPhone 6 ที่จะเปิดตัวพร้อมหน้าจอ 4.7 นิ้วนั้นจะมาพร้อมความละเอียดที่ 1334X750 หน้าจอแบบ Retina 326 ppi (พิกเซลต่อนิ้ว) ในขณะที่หน้าจอ 5.5 นิ้วนั้นจะมาพร้อมความละเอียด 1920X1080 ที่ 401 ppi โดยทั้งสองเครื่องนี้จะมีเรโชเดียวกับ iPhone 5 ทำให้นักพัฒนาไม่จำเป็นต้องออกแบบแอพพลิเคชั่นใหม่เพื่อให้รองรับหน้าจอขนาดใหม่นี้แต่อย่างใดเหมือนตอนที่ Apple เคยเปลี่ยนครั้งหนึ่งสมัยจากหน้าจอธรรมดามาเป็น Retina Display
นอกจากนี้ iPhone 6 ยังจะมาพร้อมชิปเซ็ตตัวใหม่อย่าง A8 รวมไปจนถึงแรม 1 กิ๊ก ระบบ Touch ID ขอบจอเล็กลงไปอีก 10 ถึง 20 เปอร์เซ็น พร้อมด้วยขนาดความหนาของตัวเครื่องที่จะเหลือเพียง 6.5 – 7.0 มิลลิเมตรเท่านั้น (iPhone 5 และ 5S ปัจุุบันอยู่ที่ 7.6 มิลลิเมตร) และนอกจากนี้ Kuo ยังคาดหวังว่า Apple น่าจะใส่ชิปเซ็ต NFC เข้ามาในมือถือตัวใหม่นี้ด้วย
นอกจากนี้เขายังคิดว่ากล้องของ iPhone น่าจะยังคงอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล F2.2 เหมือนเดิม แต่เราจะได้เห็นพัฒนาการทางด้านของเทคโนโลยีเลนออปติคอลและการป้องกันภาพสั่นไหวแทนที่จะมาช่วยเพิ่มคุณภาพของรูปภาพโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มจำนวนพิกเซลเหมือนอย่างที่ Apple ตั้งไว้เป็นเป้าหมายมาโดยตลอด ท้ายสุด Kuo ยังคาดเดาว่า Apple จะสิ้นสุดการผลิต iPhone 4 และ iPhones 4S พร้อมเตรียมถอยเอา iPhone 5S และ iPhone 5C ไปแทนที่ตลาดมือถือราคาประหยัดที่แต่เดิมเป็นของ iPhone 4 และ 4S นั่นเอง
ที่มา – MacRumors