ทีมงาน Qualcomm ได้เปิดตัวชิปเซ็ตเรือธงรุ่นใหม่ Snapdragon 8 Gen 2 กับประสิทธิภาพที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นในทุกๆ ด้าน เมื่อเทียบกับชิปเซ็ตในรุ่น Snapdragon 8 Gen 1 เรารวมข้อมูลรายละเอียดของชิปเซ็ตตัวใหม่มาให้รู้จักกันว่ามีอะไรบ้าง ที่ถูกใส่มาในความสามารถของชิปเซ็ตตัวนี้ครับ
CPU และ GPU
Snapdragon 8 Gen 2 ชื่อรหัสอย่างเป็นทางการคือ SM8550-AB เป็นชิปที่ทำงานภายใต้โหนดเทคโนโลยีขนาดเล็ก 4 นาโนเมตร
Qualcomm ให้ความสำคัญค่อนข้างมากกับการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน แต่ชิปใหม่ก็ยังคงเพิ่มความเร็วขึ้นไปได้อย่างมากเช่นกัน ด้วย Kryo CPU ชุดใหม่ จะให้ประสิทธิภาพโดยรวมสูงขึ้นถึง 35% – 40% เลยทีเดียว
โดยการพัฒนาความเร็วในครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการเร่งความเร็วของสัญญาณนาฬิกาแบบทั่วๆ ไป เพราะยังคงใช้ความเร็วที่ใกล้เคียงเหมือนใน 8+ Gen 1 เช่นเดิม แต่ที่เปลี่ยนไปคือองค์ประกอบหลักภายใน ด้วยการใช้แกนหลัก Kryo (Cortex-X3 ) ที่จะทำงานอยู่บนความเร็วระดับ 3.2GHz (ค่าอย่างเป็นทางการคือ 3.1872GHz) เป็นตัวที่สร้างประสิทธิภาพกแบบเธรดเดียวที่สูงที่สุด แต่อย่างไรก็ตามในครั้งนี้มันมีตัวช่วยที่เก่งกาจมากขึ้น โดยจะได้รับการสนับสนุนการทำงานด้วยคอร์ประสิทธิภาพสูงอีกถึง 4 คอร์ (แทนที่จะเป็น 3 คอร์แบบที่ผ่านมา) เพื่อจัดการกับเวิร์กโหลดแบบมัลติเธรดได้ดียิ่งขึ้น โดยคอร์เสริมเหล่านี้จะทำงานที่ความเร็ว 2.8GHz
และสุดท้ายคือกลุ่มคอร์ที่กินพลังงานต่ำกว่า ที่จะเหลือแค่ 3 คอร์ โดยจะทำงานอยู่ที่ความเร็ง 2.0GHz นับเป็นการปรับรูปแบบของการทำงานร่วมของชุดคอร์ทั้งหมดใหม่ เพื่อให้เกิดการสนับสนุนในการทำงานหลักได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และใช้พลังงานน้อยลงในขณะที่ใช้พลังงานจากตัวประมวลผลรองนั้นเองครับ
Snapdragon 8 Gen 2 จะรองรับเทคโนโลยีหน่วยความจำใหม่ที่เร็วขึ้นด้วย สามารถทำงานร่วมกับ RAM ใหม่ LP-DDR5X ที่มี bus สูงสุดถึง 4,200MHz (เพิ่มจากเดิม LP-DDR5 3,200MHz) และหน่วยความจำก็จะรองรับ UFS 4.0 พัฒนาเพิ่มเติมจาก UFS 3.1 ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
การ์ดจอ GPU Adreno ใช้รุ่นล่าสุด ให้ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น 25% และมีประสิทธิภาพการจัดสรรพลังงานที่สูงขึ้นกว่าเดิม 45% และยังรองรับเทคโนโลยี ray tracing ที่จะมาเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการเกมมือถืออย่างแน่นอนครับ เราหวังว่าจะเได้เห็นนักพัฒนาเกมมือถือนำเทคโนโลยี ray tracing มาใช้เหมือนกับเกมบนพีซีและเกมคอนโซลกันในปีหน้าหลังชิปเซ็ตรุ่นใหม่ต่างๆ เริ่มทยอยรองรับกันหมดแล้ว และนอกจากนี้ GPU รุ่นนี้ยังเป็นตัวแรกที่รองรับชุดไดร์เวอร์ Vulkan 1.3 อีกด้วย (มาพร้อมกับ OpenGL ES 3.2)
Snapdragon 8 Gen 2 สามารถรองรับหน้าจอแสดงผลบนความละเอียด QHD+ ที่มีรีเฟรชเรทสูง 144Hz หรือหน้าจอความละเอียด 4K ที่มีรีเฟรชเรท 60Hz และยังรองรับการต่อจอแสดงผลภายนอกได้สูงสุด 4K ที่ 60Hz เช่นกัน ทำงานบนขอบเขตสี 10-bits HDR10+ และเทคโนโลนี Dolby Vision
และในที่สุด Qualcomm ก็ได้เปิดใช้งานตัวถอดรหัส AV1 video decoding กันเป็นครั้งแรง ตัวชิปตะสามารถ streams ภาพยนตร์ได้ในความละเอียดสูงสุด 8K รีเฟรชเรท 60fps และรองรับ HDR ได้ด้วยครับ
กล้อง
Qualcomm ได้ให้ข้อมูลออกมาว่า เซ็นเซอร์ใหม่ของ Sony ที่ใช้เทคโนโลยี Digital Overlap HDR (DOL-HDR) และกล้อง HP3 ของ Samsung ที่เป็นเซนเซอร์กล้องความละเอียด 200MP ได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ทำงานร่วมกันกับ Snapdragon ISP มาเป็นอย่างดี ตัว ISP จะสามารถรองรับกล้อง 36MP (30fps) ที่ทำงานสูงสุดสามตัวได้พร้อมกัน ใช้งานกล้องความละเอียด 200PM และสามารถถ่ายภาพบนเซ็นเซอร์ 108MP ได้แบบ zero shutter lag หรือการถ่ายที่ไม่มีความล่าช้าของชัตเตอร์นั้นเอง
สำหรับงานวิดีโอ ชิปเซ็ตนี้สามารถบันทึกวีดีโอความละเอียด 8K HDR ได้ที่ 30fps (และสามารถกดถ่ายภาพนิ่ง 64MP ไปได้พร้อมๆ กัน) บันทึก 4K ได้ที่ 120fps และทำวิดีโอสโลว์โมชั่น 960fps
รองรับการบันทึกวีดีโอ HDR ได้หลายรูปแบบ HDR10+, HLG และ Dolby Vision และสำหรับการใช้ร่วมกับเซ็นเซอร์ DOL จะทำให้ตัวกล้องสามารถจับภาพได้ถึงสี่ระดับแสงสำหรับการถ่าย HDR ในแต่ละเฟรมของงานวิดีโอ
การเชื่อมต่อ
Snapdragon 8 Gen 2 ได้อัปเกรดโมเด็ม Snapdragon X70 ขึ้นใหม่ ยังคงรองรับทั้ง mmWave และ sub-6GHz 5G และให้ความเร็วใกล้เคียงกับรุ่นก่อน โดยมีดาวน์ลิงค์สูงสุด 10Gbps และอัปลิงค์สูงสุด 3.5Gbps รองรับการทำงานแบบ Dual-SIM, Dual-Active (DSDA) เชื่อมต่อใช้งาน 5G ได้พร้อมกันสองอัน หรือเชื่อมต่อ 5G+4G ได้ในเวลาเดียวกัน
แต่จะมีระบบใหม่ Qualcomm FastConnect 7800 ที่เข้ามาเพื่อช่วยในการเชื่อมต่อสัญญาร Wi-Fi 7 (802.11be) ที่กำลังจะมาเป็นมาตรฐานในอนาคตอันใกล้บนความเร็วสูงสุดที่พัฒนาไปได้ถึง 5.8Gbps (เพิ่มขึ้นจาก 3.6Gbps จากชิปรุ่นก่อน) นอกจากความเร็วที่เพิ่มขึ้นแล้ว มาตรฐานใหม่นี้ก็ยังช่วยลด latency ในการเชื่อมต่อลงได้อย่างมากด้วย โดยเป็นเทคโนโลยีที่ Qualcomm เรียกว่า “Wire-like”
การเชื่อมต่อ Bluetooth ยังคงเป็น 5.3 เวอร์ชั่นเดิม แต่ด้วยระบบเสียง Snapdragon ล่าสุด เราจะสามารถสตรีมเพลงไร้สายได้แบบ lossless 48kHz และลดเวลาแฝงในขณะเล่นเกมได้ต่ำสุดถึง 48ms เลยครับ
ส่วนในข้อมูลการเชื่อมต่อแบบมีสายไม่มีอะไรมากนัก ตัวชิปจะรองรับ USB 3.1 พร้อมระบบชาร์จไว Quick Charge 5
AI
โปรเซสเซอร์ Hexagon ตัวใหม่ เป็นครั้งแรกของชิป Qualcomm Mobile ที่จะรองรับฟอร์แมต INT4 ให้ประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีขึ้น 60% เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีรุ่นที่ใช้ก่อนหน้านี้
Qualcomm อ้างว่าประสิทธิภาพโดยรวมของ AI จะสูงขึ้นถึง 4.35 เท่า โดยประสิทธิภาพนี้จะสามารถเข้าไปช่วยเหลือการถ่ายภาพของกล้อง โดยจะช่วยจดจำส่วนใดส่วนหนึ่งของภาพได้แบบละเอียด เช่นใบหน้า ผม เสื้อผ้า แบ็คกราวด์ รวมถึงสิ่งอื่นๆ บนภาพ และส่งให้เกิดการประมวลผลที่แตกต่างกันออกไปได้อย่างละเอียดมากยิ่งขึ้น
พบกันเร็วๆ นี้
Snapdragon 8 Gen 2 จะถูกนำมาใช้โดยผู้ผลิตสมาร์ทโฟน Android รายใหญ่ทั่วทั้งตลาด เราน่าจะได้เริ่มเห็นกันตั้งแต่ต้นปีหน้า 2023 ซึ่ง Qualcomm ได้แสดงรายชื่อแบรนด์ต่อไปนี้ในการประชาสัมพันธ์ เพื่อยืนยันว่าเราจะได้พบกันในสมาร์ทเรือธงของพวกเขาอย่างแน่นอนครับ : Asus ROG, Honor, iQOO, Motorola, nubia, OnePlus, Oppo, Red Magic, Sharp, Sony, vivo, Xiaomi, Meizu และ ZTE