Jia Yueting อดีตซีอีโอ LeEco ตั้งใจให้บริษัทเขาได้เข้าไปยืนเป็นคู่แข่งบริษัทยักษ์ใหญ่จากทางฝั่งอเมริกาอย่าง Apple, Netflix, Tesla และอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในตลาดสมาร์ทโฟน ตลาดทีวี รถยนต์ หรือแม้กระทั้งตลาดสตรีมมิ่งคอนเทนต์ทั้งหลาย แต่อย่างไรก็ตาม LeEco เองก็ยังมีปัญหาด้านการเงินโถมซัดเข้าใส่มาอยู่เรื่อยๆ จนเป็นผลต่อการลงทุนของนักลงทุนมากทีเดียว และล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาบริษัทก็เจออีกหนึ่งคลื่นพายุปัญหาเมื่อผู้ก่อตั้งของบริษัทได้ขึ้นไปติดบัญชีดำด้านการเงินจากรัฐบาลจีนเป็นที่เรียบร้อย
จากแหล่งข่าวในประเทศจีนระบุว่า Yueting นั้นถูกขึ้นบัญชีดำด้านการเงินไว้หลังจากศาลปักกิ่งตัดสินให้เขามีความผิดโทษฐานที่ไม่ชำระหนี้เป็นเงิน $72 ล้านเหรียญสหรัฐที่ติดไว้กับ Ping An Securities Group วึ่งเป็นกลุ่มบริษัทด้านประกันภัยอันดับสองของประเทศจีนจริงตามข้อการหานั่นเอง ทำให้ ณ ตอนนี้ชื่อของผู้ก่อตั้ง LeEco ได้เข้าไปติดในบัญชีดำและถูกรัฐบาลลดทอนสิทธิ์ต่างๆ ไปเป็นที่เรียบร้อย โดยรายชื่อของเขานั้นได้รับการเปิดเผยอย่างเป็นทางการผ่านทางเว็บไซต์ของรัฐบาลจีนชื่อ shixin.court.gov.cn ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาในปี 2556 หมายเพื่อเปิดเผยและประจาณรายชื่อของผู้ติดบัญชีดำเพื่อให้เป็นที่อับอายโดยเฉพาะ ทั้งนี้นอกจาก LeEco แล้ว บริษัทลูกอีกสองบริษัทอย่าง LeShi Holding และ LeShi Yidong เองก็เคยถูกขึ้นบัญชีดำเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วในข้อหาหนีหนี้เช่นเดียวกัน
ผู้ถูกขึ้นบัญชีดำจะถูกยกเลิกสิทธิ์การเดินทางโดยเครื่องบินในทันที และจะไม่มีสิทธิ์ซื้อตั๋วโดยสารชั้นหนึ่งสำหรับการนั่งรถไฟหัวจรวดในประเทศจีนได้ นอกจากนี้ยังถูกแบนจากการใช้สิทธิ์ซื้อสินค้าและบริการในกลุ่มพรีเมี่ยมต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นสิทธิ์การเข้าใช้โรงแรมและกอล์ฟคอร์สระดับสูง หรือสิทธิ์การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือแม้แต่การส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนเอกชนด้วย
ทั้งนี้กฎดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในประเทศจีนเท่านั้น ซึ่งก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะส่งผลอะไรกับ Yueting บ้างเพราะเจ้าตัวนั้นได้ย้ายไปพำนักอยู่ในประเทศอเมริกาแล้วตั้งแต่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และยังหายหน้าหายตาไปจากการปรากฏตัวในที่สาธารณะในประเทศจีนมาตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคมปีนี้แล้วอีกด้วย
เราคงต้องติดตามกันอีกอย่างถึงท่าทีของนาย Yueting และทิศทางของ LeEco ต่อปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ อย่างไรก็ตามจุดมุ่งหมายที่จะไปให้ถึงระดับโลกนั้นคงต้องมีอันประสบปัญหาเป็นแน่แท้แล้ว ก็คงต้องมาตามดูกันต่อไป