Mana หรือ มานาใครที่เล่นเกมแนว RPG หรือเคยดูหนังที่เกี่ยวกับแฟนตาซีก็คงจะเคยได้ยินชื่อนี้กันมาแล้ว บ่งบอกถึงทรัพยากรในตัวของผู้คนที่ใช้จ่ายเพื่อเรียกพลังพิเศษออกมา แต่มันมาจากไหนกัน มันมีคำแปลหรือเปล่า แล้วทำไมหลายเกมมานาจะต้องเป็นสีฟ้าด้วย? เรามาหาคำตอบกัน
ความหมายของคำว่า MANA
คำว่า MANA นั้นไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามาจากไหน แต่ใกล้เคียงที่สุดก็เป็นคำของชาว Austronesian ซึ่งคำว่า MANA นั้นแปลได้ว่า ” พลังงานธรรมชาติ ” หรือ ” สายฟ้า ” หรือ ” ความอดทน ” หรือจะเป็น ” โชคดี ” ที่มีหลายความหมายแบบนี้เป็นเพราะว่าหมู่เกาะที่คำได้คำนี้มานั้นมีหลายภาษารวมกันอยู่มากมายเพราะเป็นหมู่เกาะที่มีหลายเชื้อชาติปะปนกันอยู่
แต่ถ้าให้แปลโดยรวมคำว่า Mana นั้นสำหรับชาว Austronesian จะหมายความว่าพลังงานธรรมชาตินั้นเองโดยเหล่านักรบ ของเผ่านั้นก็จะมีการใช้คำว่า MANA ในการกู่ร้องเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเอง และ จะเป็นบทสวดให้กับพระเจ้าเพื่อให้ผู้ที่ป่วยนั้นแข็งแรงขึ้นมา และ ยังคงเป็นคำที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้แถวๆ Asia ตะวันออกเฉียงใต้
การมาของ MANA สู่ POP Culture
Mana นั้นถูกใช้ในหนังสือแฟนตาซีครั้งแรกในเรื่อง Not Long Before The End ซึ่งเขาได้รับแรงบรรดาลใจ Mana มาจากหนังสือที่ชื่อว่า The Trumpet Shall Sound ที่เป็นหนังสือบอกเล่าเกี่ยวกับศาสนา และ ลัทธิ Melanesia โดย MANA จะมีรูปแบบเป็นพลังงานในแผ่นดินที่นักเวทย์จะดึงเอามาใช้นั้นคือระบบ Mana แบบเดียวกันกับในเกมการ์ด Magic The Gathering ที่ยกเอาระบบ Mana ของ Not Long Before The End มาใช้ทำให้คำว่า Mana เป็นที่รู้จักขึ้นไปอีกในวงกว้าง
โดยเกมเก่าๆที่ใช้ค่าทรัพยากร Mana เพื่อปล่อยเวทย์นั้นจะใช้คำว่า MP ที่แปลว่า Magic Point จนมาถึงเกม Dungeon Master ที่โด่งดังมากๆในยุคนั้น โดยเป็นเกมแรกๆที่หยิบนำคำว่า Mana มาใช้เป็นคำเรียกของค่าพลังเวทย์ จนทำให้คำว่า MP นั้นหลายคนที่กลับไปเล่นเกมเก่าๆก็เข้าใจว่ามันย่อมาจาก Mana Point
เมื่อความโด่งดังของชื่อ Mana ถูกสานต่อมาเรื่อยๆ และทำให้เกมแนว Fantasy นั้นใช้คำนี้ต่อๆกันไปเรื่อยๆเพราะเป็นคำที่ผู้เล่นหลายคนจะเข้าใจกันอยู่แล้ว โดยไม่ต้องอธิบายอะไรมากจน Mana ถูกใช้และขยายออกไปเรื่อยๆ ในรูปแบบที่ต่างกันไปแต่ก็ตีความได้แบบเดียวกันว่า ” ค่าใช้จ่ายของพลังเวทย์ ” จนหลายเกมนำไปใช้มากขึ้นๆ และ กลายเป็นคำปกติของวงการไป