ผลลัพธ์จากการตัดสินใจเปลี่ยนการแสดงผลฟีดของผู้ใช้งาน Facebook จากการแสดงหน้าเพจธุรกิจต่างๆ มาเป็นให้ความสำคัญกับคนที่มีความสัมพันธ์กันจริงๆ กับบัญชีนั้นๆ มากยิ่งนั้นคาดการณ์กันว่าจะทำให้ Mark Zuckerberg ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและ ประธาน และผู้บริหารของ Facebook นั้นต้องสูญมูลค่าทรัพย์สินส่วนตัวไปถึง 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือลดลงคิดเป็น 4.4% ของทรัพย์ส่วนตัวของเขาเลยทีเดียวจากการคาดการณ์ของ Forbes
ทั้งนี้หลังจากที่ Facebook เปิดเผยข่าวเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนรูปแบบ News Feed หรือหน้าฟีด Facebook ของผู้ใช้งานมาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา มูลค่าหุ้นของเว็บไซต์ดังกล่าวก็ตกลงกว่า 4% ก่อนการเปิดตลาดอีกครั้งในวันศุกร์ และหลังจากปิดตลาดในวันศุกร์ มูลค่าหุ้นของ Facebook นั้นก็ซื้อขายกันเหลือที่ $179.37 ซึ่งตกลงจากมูลค่าในวันพฤหัสบดีถึง 4.4% เลยทีเดียว
Forbes ได้นำตัวเลขดังกล่าวมาคำนวนเป็นมูลค่าสินทรัพย์ของ Mark Zuckerberg ซึ่งทำให้ได้เห็นยอดการศูนย์เสียมูลค่าทรัพย์สินของประธานหนุ่มที่น้อยลงมากถึง 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 4.4% ของมูลค่าทรัพย์สินส่วนตัวทั้งหมดของเขานั่นเอง
ทั้งนี้ Mark Zuckerberg ได้ให้เหตุผลถึงการเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลฟีดของผู้ใช้งาน Facebook ในครั้งนี้ว่าเพราะ Facebook ต้องการจัดลำดับความสำคัญของเพื่อนและครอบครัวของผู้ใช้งานให้มาก่อนภาคธุรกิจหรือแบรนด์ต่างๆ นั่นเอง
“เราสร้าง Facebook ขึ้นมาเพื่อช่วยให้คนได้ติดต่อและใกล้ชิดกันมากขึ้นในกลุ่มคนที่สำคัญต่อพวกเรา” Mark Zuckerberg กล่าว “แต่พักหลังนี้เราได้รับฟีดแบ็กมาว่าพวกคอนเทนต์สาธารณะเช่นโพสจากภาคธุรกิจ แบรนด์ หรือสื่อต่างๆ นั้นกลบคอนเทนต์ส่วนตัวที่ช่วยให้เราใกล้ชิดกันได้มากขึ้นไปหมดแล้ว และเพราะเหตุนี้ ” เขาเสริม “ผมจึงเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ให้กับทีมโปรดักของเราจากการช่วยหาคอนเทนต์ที่คุณสนใจมาเป็นช่วยให้คุณได้มีปฎิสัมพันธ์ทางสังคมที่มีความหมายมากยิ่งขึ้น”
แน่นอนว่าไม่มีอะไรได้มาโดยไม่สูญเสีย ดังนั้นการเลือกปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลฟีดของ Mark Zuckerberg ในครั้งนี้จึงนำมาซึ่งการสูญรายได้ครั้งใหญ่ของ Facebook และทรัพสินส่วนตัวของเขาเองนั่นเอง