MediaTek ได้เปิดตัว Dimensity 9300+ ชิปเซ็ตใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับสมาร์ทโฟนระดับเรือธง เน้นไปที่การทำงานด้าน AI ที่ต้องประมวลผลบนตัวอุปกรณ์ และรองรับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ได้กว้างมากขึ้น
โดยชิปดังกล่าวถูกออกแบบมาให้เข้ากันได้กับ LLM ต่างๆ รวมถึงเจ้าใหญ่อย่าง Google Gemini Nano และ Llama 2 และ 3 ของ Meta ด้วย จากกทดสอบมันสามารถนำเสนอความเร็วในการคำนวนได้มากถึง 22 โทเค็น/วินาที สำหรับการทดสอบบน Meta Llama 2 7B นี้จึงเป็นชิปแรกของอุตสาหกรรมที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาแบบเฉพาะเจาะจง สำหรับด้านการทำงานกับ LLM ด้วยความเร็วสูงโดยเฉพาะ
นอกเหนือจากเรื่อง AI แล้ว Dimensity 9300+ ยังบอกว่ามีการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้ดีมากขึ้นอีกด้วย สามารถลดการใช้พลังงานได้ลงถึง 20% สำหรับการเล่นเกม และได้เพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อเครือข่าย และรองรับการทำงานแบบเครือข่ายคู่ได้พร้อมกัน มีโมเด็ม 5G R16 ที่รองรับเครือข่าย Sub-6GHz ที่ให้ความเร็วดาวน์ลิงก์ได้สูงสุดถึง 7Gbps
สเปก Dimensity 9300+
ผลิตบนเทคโนโลยี 4 นาโนเมตร เป็นซีพียูแบบ octa-core โดยคอร์หลักจะใช้ Arm Cortex-X4 ประสิทธิภาพสูงหนึ่งคอร์ โอเวอร์คล็อกเอาไว้ที่ 3.4 GHz เสริมด้วยสามคอร์รองที่ใช้ Cortex-X4 โอเวอร์คล็อกที่ 2.85 GHz และสี่คอร์ประหยัดพลังงานเป็น Cortex-A720 ทำงานที่ 2.0 กิกะเฮิร์ตซ์
ชิปเซ็ตมีเทคโนโลยี NeuroPilot ตัวใหม่ของ MediaTek ออกแบบมาเพื่อการประมวลผลด้าน AI ที่ได้รับการปรับปรุงมาเรียบร้อยแล้วตามข่าว เอ็นจิ้น APU 790 AI จะช่วยให้เรียกใช้งาน LLM ได้รวดเร็วมากขึ้น ด้วยการออกแบบขนาดพารามิเตอร์แต่ละช่วงไว้แตกต่างกัน ตั้งแต่ 1 พันล้านไปจนถึง 33 พันล้าน กล่าวกันว่ามันมีความเร็วเป็นสองเท่าเมื่อเทียบการทำงานของคู่แข่งเลยทีเดียว
Dimensity 9300+ ได้ผสานรวมฮาร์ดแวรที่รองรับ Raytracing second-generation เข้าไว้กับ Arm Immortalis-G720 ซึ่งเป็น GPU ของตัวชิปเอาไว้ให้ชาวเกมเมอร์เรียบร้อยแล้ว
สำหรับความสามารถของกล้องก็ได้รับการปรับปรุงใหม่ ทั้ง Imagiq 990 และ MiraVision 990 ของ MediaTek ตัวช่วยสำหรับการประมวลผลภาพโดยเฉพาะ
Vivo X100S และ iQOO Neo9S Pro เป็นอุปกรณ์ชุดแรกที่จะได้ใช้ Dimensity 9300+ ซึ่งมีกำหนดวางจำหน่ายในเดือนนี้ในต่างประเทศ