MediaTek ยักษ์ใหญ่จากไต้หวันได้เปิดตัวชิปเรือธงรุ่นอัปเกรดใหม่อย่างเป็นทางการในชื่อ Dimensity 9400+ ซึ่งแม้จะยังไม่ก้าวไปถึงการเปลี่ยนเลขรุ่นเป็น Dimensity 9500 แต่เครื่องหมาย “+” ที่ต่อท้ายชื่อก็ไม่ใช่แค่เครื่องประดับ เพราะมันมาพร้อมการปรับปรุงหลายด้าน โดยเฉพาะ พลังประมวลผลด้าน AI ที่ได้รับการเสริมให้ทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เหมาะกับการใช้งานยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยโมเดลภาษาและผู้ช่วยอัจฉริยะ
MediaTek ระบุว่า เหตุผลหลักที่ยังไม่เปิดตัวรุ่นใหม่เป็น Dimensity 9500 ก็เพราะต้องการนำเสนอเทคโนโลยี AI ที่ล้ำหน้าขึ้นในซีรีส์ 9400 เดิม และนั่นนำไปสู่การพัฒนา Dimensity 9400+ โดยเฉพาะเพื่อรองรับการใช้งาน Large Language Models (LLMs) ขนาดใหญ่ ซึ่งรวมถึง Mixture-of-Experts (MoE), Multi-Head Latent Attention (MKA) และ Multi-Token Prediction (MTP) ช่วยให้ชิปสามารถประมวลผลข้อมูลได้แม่นยำและฉลาดยิ่งขึ้น อีกทั้งยังรองรับการคำนวณแบบ FP8 (Floating Point 8-bit) เพื่อให้ได้ความเร็วที่มากขึ้นในกระบวนการ inferencing หรือการสรุปผลของโมเดล AI
ชิปใหม่นี้มาพร้อมกับ MediaTek NPU 890 ที่ช่วยให้ประสิทธิภาพของ AI เชิงตัวแทน (agentic AI) เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 20% โดยใช้เทคนิค Speculative Decoding+ (SpD+) เสริมด้วยการรองรับโมเดล Deepseek-R1-Distill ที่สามารถประมวลผลได้บนตัวเครื่องโดยตรง (on-device) เพิ่มความปลอดภัยและความรวดเร็วในการใช้งาน
ในด้านสถาปัตยกรรม Dimensity 9400+ ยังคงเลือกใช้ดีไซน์แบบ All Big Core เหมือนรุ่นก่อน โดยประกอบด้วย 1 คอร์ Arm Cortex-X925 ความเร็วสูงสุด 3.73GHz (เพิ่มขึ้นจาก 3.62GHz ในรุ่นเดิม), 3 คอร์ Cortex-X4 และ 4 คอร์ Cortex-A720 ซึ่งออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดทั้งในด้านการประมวลผลทั่วไปและงานที่ต้องการแรงประมวลผลเฉพาะทาง
สำหรับการแสดงผลกราฟิก Dimensity 9400+ ใช้ GPU รุ่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า คือ Arm Immortalis-G925 แบบ 12 คอร์ ที่รองรับการเล่นเกมคุณภาพสูง พร้อมของใหม่อย่าง MFRC 2.0+ (MediaTek Frame Rate Converter 2.0+) ซึ่งพัฒนาจากฟีดแบคของนักพัฒนาเกมโดยเฉพาะ จุดเด่นของเทคโนโลยีนี้คือการช่วยเพิ่ม เฟรมเรต (FPS) ได้เป็นเท่าตัว และลดการใช้พลังงานลงสูงสุดถึง 40%
ฟีเจอร์เพิ่มเติมที่โดดเด่นใน Dimensity 9400+
-
เพิ่มระยะการเชื่อมต่อ Bluetooth แบบโทรศัพท์-ต่อ-โทรศัพท์ ได้ไกลถึง 10 กิโลเมตร หรือเพิ่มขึ้นกว่าเดิม 6.6 เท่า
-
รองรับการเชื่อมต่อกับ ดาวเทียม BeiDou ที่ช่วยให้เวลาหาตำแหน่งครั้งแรก (TTFF) เร็วขึ้น 33% แม้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์
-
รองรับ Wi-Fi 7 แบบ Tri-band พร้อมการเชื่อมต่อ 5 สตรีม สำหรับการใช้งานเครือข่ายที่เร็วและเสถียรมากขึ้น
-
เทคโนโลยี MediaTek Xtra Range 3.0 ช่วยขยายสัญญาณ Wi-Fi ได้ไกลขึ้นอีก 30 เมตร
-
ความสามารถ 5G/4G Dual SIM Dual Active (DSDA) และ Dual Data ที่ให้ความยืดหยุ่นในการใช้งานเครือข่ายหลายซิมแบบพร้อมกัน
ในส่วนของการใช้งานจริง MediaTek ระบุว่า สมาร์ตโฟนเครื่องแรกที่ใช้ชิป Dimensity 9400+ จะเปิดตัวภายในเดือนนี้ โดยเบื้องต้นคาดว่าอาจเป็นรุ่นเรือธงจาก OPPO Find X8 Series ซึ่งอยู่ในสายข่าวว่าจะมาพร้อมชิปตัวใหม่นี้ แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะมีรุ่นอื่นตามมาอีกในอนาคตอันใกล้