นอกจากการประกาศเรื่องวันวางจำหน่าย Windows 10 และความร่วมมือกับค่ายมือถือเพิ่มอีก 2 ค่ายแล้ว วันนี้ Microsoft ยังประกาศเปิดตัวอีก 1 คุณสมบัติใหม่ที่จะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 อย่าง Windows Hello ครับ
Windows Hello เป็นระบบการยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลชีวภาพ (Bio-metric authentication) ซึ่งระบบการยืนยันตัวตนที่ว่านี้ รองรับอยู่ 3 รูปแบบได้แก่ ลายนิ้วมือ, ม่านตา และใบหน้า ซึ่ง Microsoft อ้างว่าปลอดภัยกว่าการใช้พาสเวิร์ดแบบเดิมๆมาก
แน่นอนว่าการยืนยันตัวตนนี้ จำเป็นต้องทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ๆ ที่ Microsoft ระบุว่าตอนนี้เริ่มมีผู้ผลิตอุปกรณ์หลายๆรายเริ่มทดสอบสำหรับ Windows 10 แล้ว
สำหรับการยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือนั้น Windows Hello สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ที่อยู่ในท้องตลาดเดิมได้ทันที (เช่นโน๊ตบุ๊คที่มาพร้อมกับเครื่องอ่านลายนิ้วมืออยู่แล้ว) แต่สำหรับการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าและม่านตานั้น จำเป็นต้องทำงานร่วมกับอุปกรณ์ที่รองรับที่จะออกตามมาในอนาคต
สำหรับอุปกรณ์ในปัจจุบันนั้น จะมีอุปกรณ์จากไม่กี่เจ้าที่ Microsoft รับรองแล้ว (เช่น Intel® RealSense™ 3D Camera (F200)
โดยสาเหตุที่การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าและม่านตาสามารถทำงานได้กับอุปกรณ์บางรุ่นนั้น สาเหตุเพราะ Microsoft ใช้เทคโนโลยีอินฟาเรดร่วมกับการแสกนใบหน้าหรือม่านตาด้วย เพื่อตรวจสอบว่าวัตถุที่กำลังตรวจสอบนั้น เป็นคนจริงๆไม่ใช่ภาพถ่าย
ระบบ Windows Hello นั้น จะสามารถใช้งานได้กับทุกอุปกรณ์ที่ใช้งานระบบ Windows 10 (และฮาร์ดแวร์รองรับ) ได้ นั่นทำให้อุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟนเองก็จะรองรับเทคโนโลยีนี้เช่นกัน
มาดูวิดีโอแนะนำ Windows Hello กันครับ
https://www.youtube.com/watch?v=1AsoSnOmhvU
นอกจาก Windows Hello แล้ว Microsoft ยังเปิดตัวระบบ “Passport” ที่เป็นตัวกลางสำหรับการเก็บรหัสผ่านของเราและจะทำงานร่วมกับระบบ PIN หรือ Windows Hello ที่เราต้องยืนยันตัวตนกับอุปกรณ์ต่างๆตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ เมื่อการยืนยันตัวตนกับอุปกรณ์ผ่านแล้ว หลังจากนั้น “Passport” จะเป็นตัวกลางในการติดต่อกับเว็บไซต์หรือบริการอื่นๆรวมถึงแอพพลิเคชั่นที่เราใช้งานผ่านอุปกรณ์ (ที่ยืนยันตัวแล้วของเรา) เอง โดยที่เราไม่ต้องกรอกพาสเวิร์ดอีกต่อไป
ด้วยเทคโนโลยีนี้ Microsoft อ้างว่า เราจะไม่ต้องจำพาสเวิร์ดมากมายอีกต่อไป และพาสเวิร์ดของเราจะไม่ถูกเก็บบนบริการหรือเว็บไซต์ใด ซึ่งเสี่ยงต่อการแฮคและถูกขโมยพาสเวิร์ดด้วย (เพราะพาสเวิร์ดจะไม่ถูกเก็บบนเว็บไซต์เหล่านั้นอีก)
นับเป็นอีกก้าวที่ Microsoft พยายามสร้างแพลตฟอร์มใหม่ๆ โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยในองค์กร ซึ่งหากแนวทางนี้หน่วยงานใหญ่ๆเอาด้วย ตลาดของ Windows 10 น่าจะสดใสพอสมควร (อย่างน้อยก็ในระดับองค์กรครับ)
ที่มา: Windows Blog ผ่าน Neowin