เมื่อไม่กี่วันก่อน Google เพิ่งจะบอกให้เราเตรียมตัวรับฟีเจอร์ใหม่สำหรับ Youtube บนมือถือที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถเก็บวิดีโอเอาไว้ดูกันยามที่ไม่ได้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตอยู่ได้และเรียกเสียงฮือฮาจากผู้ใช้งาน Android กันไปมากมายพอสมควร
แน่นอนว่ารายละเอียดในส่วนของฟีเจอร์ตัวนี้ ณ ตอนนี้ยังคงมีเบาบางเหลือเกิน และเราเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่า Google จะจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามมาจากค่ายหนังและค่ายเพลงอย่างไรดีเมื่อคอนเทนต์เหล่านั้นสามารถดาวน์โหลดไว้ดูแบบออฟไลน์บนมือถือของผู้ใช้งานได้แล้ว โชคดีที่ไม่จำเป็นต้องสงสัยนาน เพราะ AllThingD ได้ช่วยไขข้อข้องใจบางประการของเราไปเรียบร้อยและแอบใบ้ถึงสิ่งที่เราควรจะคาดหวังเอาไว้จากฟีเจอร์ใหม่ของ Youtube บนมือถือที่กำลังจะมาถึงในเร็ววันนี้ โดยรายละเอียดที่ทาง AllThingD แจ้งเอาไว้นั้นมีดังต่อไปนี้
- วิดีโอ Youtube ที่คุณเลือกไว้ชมแบบออฟไลน์จะยังคงมีโฆษณาอยู่
- ผู้ใช้งานต้องเลือก “เพิ่มเข้าสู่อุปกรณ์พกพา (Add to Device)” เพื่อเก็บวิดีโอที่เลือกไว้ดูเวลาที่ไม่ได้ต่ออินเตอร์เน็ต
- ผู้ใช้งานมีเวลา 48 ชั่วโมงในการเก็บวิดิโอเหล่านั้นเอาไว้ในเครื่องเพื่อรับชมแบบออฟไลน์
- ฟีเจอร์นี้ไม่ครอบคลุมถึงภาพยนตร์และละครโทรทัศนท์ที่ต้องเสียเงินซื้อหรือต้องเช่า
- เจ้าของคอนเทนต์สามารถเลือกไม่เข้าร่วมฟีเจอร์นี้ได้หากไม่ต้องการให้วิดีโอได้รับการชมแบบออฟไลน์
- ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดในส่วนของเพลงและมิวสิควิดีโอ
Youtube แจ้งว่าฟีเจอร์ใหม่นี้จะพร้อมเปิดให้บริการประมาณช่วงเดือนพฤศจิกายน (หนึ่งเดือนหลังจากวันเปิดตัว Nexus 5 ตามที่ลือกัน) โดนรายละเอียดเพิ่มเติมนั้นสามารถติดตามได้ที่บล็อกของทาง Youtube โดยตรง
ดูเหมือนว่าฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามานี้น่าจะเป็นฟีเจอร์ที่เจ๋งมากทีเดียวนะครับสำหรับผู้ใช้งานบนแท็บเล็ตที่อาจไม่ได้มีการสมัครแพลนอินเตอร์เน็ตแบบอันลิมิตเอาไว้หรืออาจต้องเดินทางไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศและไม่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ ณ ตอนนี้เราได้แต่หวังว่า Youtube น่าจะมีการจัดหมวดหมู่พิเศษให้กับวิดีโอที่สามารถเลือกดูเป็นแบบออฟไลน์ได้เหล่านี้เพื่อให้ง่ายต่อการเลือกเก็บไว้รับชมของผู้ใช้งานต่อไป
ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือเรื่องแอพพลิเคชั่นแกลลอรี่ของ Android 4.4 โค๊ดเนม KitKat ว่ามีคนพบเห็นวิดีโอ Youtube แบบออนไลน์ในนั้นด้วย ดูท่าทางว่าจะเป็นเรื่องจริงซะแล้วสิครับ หรือบางครั้งเจ้า Feature ใหม่นี้อาจมาพร้อมกับวันที่ KitKat เปิดให้ดาวน์โหลดในวงกว้างก็ได้นะ
ที่มา – AllThingD.com