สวัสดีค่า มาถึงวันพฤหัสอีกแล้วนะคะ เจอกับตูนอีกครั้งใน ชวนคุยยามเช้าค่าาา เป็นไงกันบ้าง สบายดีกันเนอะ ^^” วันนี้อยากจะมาชวนเพื่อนๆ คุยกันเรื่อง ความน่ากลัวของ ไวรัสเมอร์ส กันค่ะ
ขึ้นชื่อว่าไวรัสแล้ว ย่อมมีความร้ายกาจอยู่เสมอ และตอนนี้ทั่วโลกกำลังผวาและเตรียมการตั้งรับกับเชื้อไวรัสเมอร์ส ที่กำลังเป็นข่าวดังที่ประเทศเกาหลีใต้และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ความน่ากลัวของเชื้อไวรัสตัวนี้ไม่ใช่แค่ทำให้ติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันและลุกลามเข้าปอดอย่างรวดเร็ว ที่น่ากลัวว่านั้นคือยังไม่มียารักษา ได้แต่รักษาตามอาการของผู้ป่วยเท่านั้น
ย้อนไปถึงจุดกำเนิดของเมอร์ส เริ่มต้นขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่สาธารณะสุข พบผู้ป่วยเมอร์สรายแรกในซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง เมื่อปี 2555 และแพร่กระจายไปประเทศต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับคาบสมุทรอาหรับ สื่อนอกหลายสำนัก ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ต้นตอที่สำคัญของไวรัสเมอร์ส มาจากสัตว์ประจำภูมิภาคอย่างอูฐ โดยเชื้อไวรัสที่ยังมีชีวิตที่แยกออกมาจากหนอกของอูฐ 3 ใน 4 มีเชื้อไวรัสเมอร์สปะปนอยู่ ทว่านอกจากอูฐแล้ว ยังพบเชื้อดังกล่าวในค้างคาวอีกด้วย จึงทำให้กระทรวงสาธารณะสุขในภมิภาคต่างๆ มีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่กระจายเชื้อทางอากาศ โดยผู้ป่วยเมอร์สทุกคน มีความเชื่อมโยงกับ 6 ประเทศ ในคาบสมุทรอาระเบียทั้งสิ้น
พร้อมกันนี้ สาเหตุของการแพร่กระจายมายังมนุษย์ยังไม่แน่ชัด เนื่องจากองค์การอนามัยโลก ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์ว่า มนุษย์ติดเชื้อไวรัสเมอร์ส จากสัตว์หรือสิ่งแวดล้อมจริงหรือไม่ แต่สิ่งที่น่ากังวลคือในปัจจุบันยังไม่มียารักษาหรือวัคซีนป้องกันไวรัสเมอร์ส แพทย์สามารถรักษาผู้ป่วยที่มีอาการจากเชื้อไวรัสเมอร์สได้แต่ก็ยังไม่มีวัคซีนและยาเพื่อรักษาเมอร์สโดยเฉพาะ
อาการของผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสเมอร์ส มีลักษณะคล้ายกับโรคซาร์ส แต่รุนแรงมากกว่า โดยจะมีอาการสำคัญๆ ดังนี้
1. มีไข้
2. ไอ
3. หายใจหอบและหายใจลำบาก ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอาจมีภาวะหายใจล้มเหลว
4. ตรวจร่างกายมักจะพบว่าเป็นปอดอักเสบ
5. ถ่ายเหลว
6. ผู้ป่วยบางรายอาจมีภาวะอวัยวะล้มเหลว โดยเฉพาะไตวาย หรือ ช็อคจากการติดเชื้อ
ความน่ากลัวของโรคนี้ยังไม่หมดค่ะ เพราะคนทั่วไปบางกลุ่มอาจจะไม่แสดงอาการเลยก็ได้ ส่วนในกลุ่มของผู้ที่มีโรคประจำตัว ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน มะเร็ว ปอดเรื้อรัง อาการป่วยจะค่อนข้างรุนแรงกว่ากลุ่มอื่นๆ ทั้งนี้ใครที่ติดเชื้อนี้เข้าไปแล้ว มีโอกาสถึง 27% ที่จะเสียชีวิต
วิธีป้องกันเชื้อไวรัสเมอร์สเบื้องต้น
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย ได้แนะนำวิธีป้องกันเชื้อไวรัสเมอร์สไว้ดังนี้
1. ล้างมืออย่างดีและถูกวิธีด้วยน้ำสะอาดกับสบู่ หรือเครื่องใช้ทำความสะอาดอื่นๆ โดยเฉพาะหลังการไอหรือจาม
2. ใช้ผ้าเช็ดหน้า กระดาษชำระปิดปากเมื่อเกิดการไอหรือจาม
3. พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสตา จมูก ปาก ด้วยมือ เนื่องจากมือเป็นส่วนที่นำเชื้อจากการสัมผัส
4. หลีกเลี่ยงการไปสถานที่ที่มีผู้คนแออัด
5. สวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ที่มีผู้คนหมู่มาก โดยเฉพาะช่วงระหว่างฮัจญ์และอุมเราะห์
6. รักษาสุขภาพ โดยรับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่ ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขและสังคมสงเคราะห์เกาหลีใต้ ยืนยัน มีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสเมอร์ส (MERS) เพิ่มอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจนถึงวันที่ 10 มิ.ย. ขยับเป็น 9 รายแล้ว ขณะที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ อีก 13 ราย จึงส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อรวมเป็น 108 ราย และมีผู้ถูกกักกันตัวเพื่อรอดูอาการจนถึงเช้าวันที่ 9 มิ.ย.อยู่ที่ 2,892 ราย
ยังไงใครจะเดินทางไปเกาหลีหรือประเทศแถบตะวันออกกลางขอให้หลีกเลี่ยงกันก่อนนะคะ หากไม่จำเป็นจริงๆ ให้เลื่อนการเดินทางไปก่อนดีที่สุดค่ะ ด้วยความเป็นห่วงนะคะ