สวัสดีครับ กับเช้าวันศุกร์แบบนี้กลับมาพบกับผมแอดมินต้นเช่นเคยครับ
ปกติคอลัมน์ชวนคุยยามเช้าแบบนี้ เราจะเน้นไปที่เรื่องสบายๆ ที่อาจจะละเรื่องของมือถือเอาไว้ข้างหลัง แต่กับช่วงนี้ในฐานะติ่ง Windows phone อย่างผม ขอใช้พื้นที่นี้เขียนถึงประเด็นที่ปลุกความเงียบเหงาของชาว Windows phone ให้เป็นความลิงโลดได้ในเวลาไม่กี่นาทีที่ Microsoft ประกาศเรื่องนี้ในงาน BUILD 2015 เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
เรื่องนั้นคือ การรองรับการพอร์ตแอพจากระบบคู่แข่งอย่าง iOS และ Android มาใช้งานใน Windows 10 ได้นั่นเอง (ใครพลาดข่าวใหญ่นี้ ก็อ่านได้จากที่นี่นะครับ)
** ประเด็นของ Windows 10 มีมากมายครับที่จะเขียนถึงได้ แต่วันนี้ผมขอโฟกัสที่เรื่องแอพและ Windows 10 สำหรับมือถือนะครับ
แน่นอนว่า สิ่งที่แฟนๆ Windows phone (ขอย่อเป็น WP นะครับ) รวมถึงหลายๆท่าน น่าจะทราบกันดีว่า จุดอ่อนใหญ่อย่างหนึ่งของระบบปฏิบัติการนี้คือเรื่องของจำนวนแอพพลิเคชั่นในระบบนิเวศน์แอพ (Ecosystem หรือเรียกง่ายๆว่า ใน Store) นั่นเอง
ส่วนตัวผมก็คอยปลอบใจตัวเองมาเรื่อยๆตั้งแต่ยุค WP7 แล้วว่า มันจะดีขึ้นใน WP8 และพอถึงยุค WP8 สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น จึงบอกตัวเองอีกรอบว่าต้องรอยุค WP8.1 และตอนนี้ก็อย่างที่เห็นครับ ในยุค WP8.1 เอง สถานการณ์ดีขึ้น แอพเยอะขึ้น แต่ก็ยังห่างจากชาวบ้านอีกมาก (ขนาดผมเป็นคนเล่นแอพน้อยแล้วนะครับ ยังรู้สึกเลย) แอพหลักๆ ก็ยังไม่สมบูรณ์เท่าระบบอื่นเขา อันนี้คือเรื่องจริง
และผมก็บอกตัวเองว่า ในยุค Windows 10 มันน่าจะขึ้น และผมเชื่อว่า แฟนๆ WP ก็อยากจะมั่นใจเช่นนั้น
พอ Microsoft ประกาศตัวช่วยในการพอร์ตแอพพลิเคชั่นจากระบบคู่แข่ง มายัง Windows 10 แบบง่ายๆ แถมมีการโชว์ตัวอย่างในงานให้เราเห็นกันสดๆด้วย สิ่งนี้ยิ่งทำให้แฟน Windows phone ยิ่งใจชื้น
เพราะเมื่อเราสามารถพอร์ตแอพพลิเคชั่นได้ง่ายๆมาได้ง่ายๆ หมายความว่า หลังจากนี้นักพัฒนาหรือเจ้าของแอพน่าจะนำแอพของตัวเองมาลงบน Windows 10 อย่างต่อเนื่อง
แต่มันจะง่ายอย่างนั้นเลยหรือ?
ระหว่างงาน BUILD 2015 เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา Microsoft เสนอแนวทางการอำนวยความสะดวกและดึงดูดนักพัฒนาให้เข้าร่วม ecosystem ของตัวเองถึง 4 ทาง ซึ่งทั้ง 4 ทางมีหลักการเหมือนกันคือ เน้นการ “พอร์ต” แอพจากระบบอื่น หรือแอพเดิมที่เคยมีมาใน ecosystem ของ Microsoft (นอกเหนือจากทางหลักอย่าง Universal Apps ที่เขียนแอพครั้งเดียวใช้ได้ทุกอุปกรณ์ของ Microsoft ที่เป็นการเขียนแอพขึ้นใหม่) และสัญลักษณ์ที่ Microsoft ใช้คือ “สะพาน” ประหนึ่งว่านี่คือสะพาน 4 เลนที่ Microsoft เตรียมไว้ ให้นักพัฒนา ”ขับรถ” ตัวเองเข้ามา มาในเมืองของ Microsoft ที่ชื่อว่า Windows 10 ด้วยยาหอมที่ว่า เราจะมีประชากรในเมืองเราถึง 1,000 ล้านคนในอีก 2-3 ปี มาอยู่ในเมืองเราและค้าขายในเมืองเราสิ คนรอซื้อเพียบ
แต่แน่นอนว่า นักพัฒนาในฐานะเจ้าของแอพหรือเจ้าของสินค้า มีสิทธิ์เต็มที่ที่จะขนสินค้าของตัวเอง ข้ามสะพานเข้าไปยังเมือง Windows 10 หรือไม่ก็ได้? ซึ่งเราอาจจะคิดแบบง่ายๆว่า ถ้า Microsoft เปิดช่องหาเงินเพิ่มให้แบบสบายๆแล้ว ใครจะไม่เอา?
ซึ่งนั่นก็จริงส่วนหนึ่งครับ…
สำหรับผู้พัฒนารายเล็กๆทั่วไป อาจมองนี่เป็นโอกาสทางธุรกิจที่ไม่ต้องออกแรงมาก แต่ได้เงินเพิ่มหรือได้ฐานผู้ใช้เพิ่ม ทำไมจะไม่ทำล่ะ? นั่นก็เป็นกลุ่มหนึ่งที่จะช่วยให้ ecosystem ของ Microsoft โตขึ้นตามแผน
แต่เราก็เห็นจากเหตุการณ์หลายๆอย่างในอดีตแล้วเช่นกันว่า ผู้พัฒนาแอพมากมายในตลาด ที่ทั้งที่มีโอกาสได้ฐานผู้ใช้เพิ่มจากระบบ Windows phone แล้ว แต่ก็เลือกที่จะมองข้ามไปด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป
- Google เป็นผู้เล่นหนึ่งที่ไม่ต้องร่ายยาวว่า เพราะอะไรถึงเลือกที่จะไม่ร่วมวง Windows 10 ด้วยอย่างแน่นอน (แฟนๆ WP น่าจะจำเหตุการณ์ให้ถอดแอพ YouTube ได้ดี)
- Snapchat เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับหนึ่งในนักพัฒนาที่มีท่าทีไม่เอาด้วยกับระบบปฏิบัติการ Windows phone อย่างชัดเจน ตั้งแต่การล้มเลิกการทำแอพเวอร์ชั่น Windows phone กับนักพัฒนาสาย Windows เต็มตัวอย่างคุณ Rudy Hyun จนถึงการฟ้องร้องเรื่องแอพ 6Snap จนถึง 6Discover เป็นระยะ เหล่านี้เป็นท่าทีที่ชัดเจนว่า Snapchat ไม่เอาด้วยกับ Windows แน่นอน
แล้วเจ้าของแอพใหญ่รายอื่นๆล่ะ?
เราได้เรียนรู้จากในงาน BUILD 2015 แล้วว่า เกมส์ Candy Crush Saga เป็นหนึ่งในเกมส์แรกๆที่ถูกพอร์ตด้วยกระบวนการที่ Microsoft เพิ่งโชว์ในงาน BUILD นี้ นั่นหมายความว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่และมีการเตรียมการแล้วเป็นเวลานาน รวมถึงแอพที่ผ่านกระบวนการพอร์ตนี้นั้น สามารถใช้งานได้กับ WP8 ด้วย ไม่ใช่แค่ Windows 10
คำถามที่ตามมาของผมคือ แล้ว ทำไม Microsoft ถึงไม่สามารถดึงผู้พัฒนารายอื่น ให้ทำตามแบบที่ King ทำกับ Candy Crush Saga ตั้งแต่ยุค WP8 ไม่ได้? เพราะถ้ามองจริงๆ แอพนี้มาลงใน Store ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2557 แล้ว ทำไมถึงไม่มีแอพอื่นๆมาเพิ่มอีกเลย?
ผมลองคิดเล่นๆ ในเวลาสั้นๆ ว่าหรือนั่นจะหมายถึงความเป็นไปได้ 4 ทาง?
- กระบวนการพอร์ตอาจไม่ได้ง่ายแบบที่ Microsoft อ้าง หรือความสมบูรณ์ยังไม่เต็มที่
- กระบวนการพอร์ตอาจจะง่าย แต่การรันแอพที่พอร์ตมานั้นถูกจำกัดด้วยสถาปัตยกรรมของ Windows phone 8 (เพราะใน Windows 10 Microsoft ระบุว่ามีการเพิ่มโค๊ดสำหรับรันแอพที่มาจากการพอร์ตด้วยต่างหาก)
- ผู้พัฒนาใหญ่ๆหลายๆรายยังไม่เอาด้วย
- ทำแล้ว แอพใหญ่ๆเสร็จหมดแล้ว รอเปิดตัวตูมเดียว
ส่วนตัวผมมองว่า เหตุผลที่เป็นไปได้มากน่าจะเป็นข้อ 3 และ 1 รองลงมาเป็นลำดับ
เรื่องของผู้พัฒนาหลายรายไม่เอาด้วย เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ผมบังเอิญเคยได้ยินจากวงในมานานพอสมควร ตั้งแต่ช่วง Windows phone 8 ไม่ว่าจะเป็นแอพใหญ่ๆอย่าง Facebook หรือ Line ที่ทั้ง Microsoft และ Nokia (ในตอนนั้น) เสนอทั้งเงินและทีมงานพัฒนาแอพให้ ทั้ง 2 ค่ายยังเลือกที่จะไม่รับข้อเสนอเหล่านั้น และมองข้ามระบบ Windows phone ไปด้วยเหตุผลของตัวเอง
ในตอนนั้นที่ยังไม่มีสะพาน 4 เลนเหมือนวันนี้ Microsoft ถึงขั้นเสนอ “ยกรถ” ของ Facebook และ Line ข้ามแม่น้ำมายังเมือง Windows ให้ ทั้ง 2 รายยังไม่เอา
แล้ววันนี้ มีสะพาน 4 เลนให้ข้าม แต่ต้องขับรถข้ามมาเอง (ถึงจะเล็กน้อยก็ตาม) ผมไม่แน่ใจจริงๆว่า ทั้ง 2 บริษัทจะเอาด้วยแบบง่ายๆหรือไม่
และผมเองก็เชื่อว่า ผู้พัฒนาแอพรายใหญ่ๆบนระบบปฏิบัติการอื่น อีกไม่น้อย ที่ยังมองข้ามระบปฏิบัติการที่รั้งที่ 3 (แบบห่างๆ) ในตลาดโลกนี้ไปอยู่
[quote]
เพราะฉะนั้นหมากเกมส์นี้ของ Microsoft อาจจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะแผนการณ์นี้ ตบมือข้างเดียวไม่มีทางดัง
ยิ่งการดึงคนมือใหญ่ๆในวงการมาตบด้วยเพื่อให้เสียงดังมากๆ ยิ่งยากขึ้นไปอีก
[/quote]
และนี่จะยังเป็นงานช้างของ Microsoft ต่อไปว่า การดึงผู้เล่นยักษ์ใหญ่ให้หันมามอง ตัวเลขผู้ใช้เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องคว้ามาให้ได้ก่อน ตัวเลข 1,000 ล้านเครื่องที่ประกาศไว้ Microsoft อาจต้องทำให้เป็นจริงระดับหนึ่งด้วยตัวเองก่อน เจ้าของแอพอื่นๆถึงจะเข้ามาช่วยสร้าง ecosystem ให้เหมือนที่ Microsoft ฝันไว้
ไม่ใชการฝากความหวังให้นักพัฒนามาร่วมสร้างไปด้วยกัน อันนั้นดูจะเป็นอุดมคติไปซักหน่อยในโลกธุรกิจแบบนี้ครับ
สุดท้าย ก็ยังวนกลับมาที่ไก่กับไข่ แอพหรือจำนวนผู้ใช้ อะไรจะเกิดก่อนกันอยู่ดี….
นี่ยังไม่นับเรื่องประสิทธิภาพการรันแอพที่พอร์ตมานะครับว่า จะรันได้ 100% เหมือนแอพของ Windows แท้ๆ หรือว่ารันได้ 100% เท่ากับที่รันแอพเดียวกันบนระบบปฏิบัติการคู่แข่งหรือไม่ เพราะเรายังไม่เห็นชัดๆด้วยตัวเองนั่นเอง (และถ้าไม่ตัดจบตอนนี้…ผมก็น่าจะเขียนอีกยาว)
อ่าห์ อย่างที่เกริ่นไว้ครับ….Microsoft มีอาวุธสู้ศึกสมาร์ทโฟนครั้งที่ 3 นี้แล้ว (นับจาก Windows phone 7, 8 และ Windows 10) เป็นอาวุธที่น่ากลัว แต่หนทางข้างหน้า ก็ไม่ได้ง่ายเช่นกัน (ขนาดพูดถึงแค่ 2 ปัจจัยที่เกี่ยวข้องนะเนี่ย)
แต่ในฐานะแฟน Windows phone ผมก็จะตามลุ้นต่อไปครับ แล้วเพื่อนๆล่ะ เห็นว่าอย่างไรกันบ้างกับอาวุธลับและหมากเกมส์นี้ของ Microsoft ครับ
ปล. ระหว่างงานนำเสนอ…ผมขำกับมุขกัด Apple มุขนี้ของ Microsoft มากเลยนะ…ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า Apple จะรู้สึกอย่างไรกับแนวทางนี้ของ Microsoft บ้าง