ในบทความนี้
Grok-3 ก้าวล้ำเหนือคู่แข่ง
อีลอน มัสก์เปิดตัว Grok-3 โมเดล AI รุ่นใหม่ล่าสุดจากบริษัท xAI ของเขา โดยอวดอ้างว่าเป็น “AI ที่ฉลาดที่สุดในโลก” ในขณะนี้
จากการถ่ายทอดสดเมื่อวันจันทร์ บริษัทเผยว่า Grok-3 สามารถเอาชนะคู่แข่งอย่าง Google Gemini, DeepSeek V3, Claude ของ Anthropic และ GPT-4o ของ OpenAI ในการทดสอบด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการเขียนโค้ด
Grok-3 มีพลังการประมวลผลมากกว่ารุ่นก่อน “มากกว่า 10 เท่า” และผ่านการฝึกฝนเบื้องต้นเสร็จสิ้นตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม ตามที่มัสก์เปิดเผยในการนำเสนอร่วมกับวิศวกรของ xAI อีกสามคน
“เราพัฒนาโมเดลต่อเนื่องทุกวัน และภายใน 24 ชั่วโมงคุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น” มัสก์กล่าว
Advertisement Advertisement Advertisement
DeepSearch – เครื่องมือค้นหาอัจฉริยะตัวใหม่
นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดตัว DeepSearch เครื่องมือค้นหาอัจฉริยะคู่กับ Grok-3 ซึ่งเป็นแชทบอทที่มีความสามารถในการให้เหตุผล อธิบายกระบวนการเข้าใจคำถามและวางแผนคำตอบได้อย่างเป็นขั้นตอน พร้อมฟีเจอร์สำหรับงานด้าน
- การวิจัย
- ระดมความคิด
- วิเคราะห์ข้อมูล
ทีมงานของมัสก์ยังเผยว่ากำลังพัฒนาแชทบอทแบบใช้เสียงและจะเปิดตัวแชทบอทดังกล่างนี้ให้ “เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้”
บริการและแพ็กเกจใหม่
Grok-3 เริ่มให้บริการสำหรับผู้สมัครระดับ Premium+ บน X ทันที พร้อมกับเปิดตัวแพ็กเกจสมาชิกใหม่ชื่อ SuperGrok สำหรับแอปมือถือและเว็บไซต์ Grok.com
xAI ยังมีแผนเปิดเผยซอร์สโค้ดของโมเดล Grok รุ่นก่อนหน้าทันทีที่รุ่นล่าสุดพัฒนาสมบูรณ์แล้ว โดยมัสก์คาดว่าแผนการดังกล่าวนี้จะเสร็จสิ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
สงครามระหว่าง xAI และ OpenAI
การกล่าวอ้างเรื่องประสิทธิภาพของมัสก์ ซึ่งยังไม่มีการตรวจสอบโดยองค์กรอิสระ ยิ่งเพิ่มความขัดแย้งระหว่างบริษัทของเขากับ OpenAI โดยมัสก์ก่อตั้ง xAI ในปี 2023 เพื่อเป็นทางเลือกแทน OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT ที่เขาเคยวิจารณ์อย่างเปิดเผยเรื่องแผนการปรับโครงสร้างเป็นธุรกิจที่มุ่งเน้นการแสวงหากำไร
มัสก์ยื่นฟ้อง OpenAI สองคดีโดยกล่าวหาว่าบริษัทเบี่ยงเบนจากหลักการเริ่มต้น และล่าสุดเข้าได้ เสนอซื้อ OpenAI ในราคา 97.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถูกปฏิเสธไปแบบเจ็บๆ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
แซม อัลท์แมน ซีอีโอของ OpenAI มองว่าข้อเสนอนี้เป็นเพียงกลยุทธ์เพื่อ “ทำให้เราช้าลง” ทั้งนี้ มัสก์เคยมีส่วนร่วมในการก่อตั้ง OpenAI แต่เริ่มวิจารณ์บริษัทหลังจากลาออกจากคณะกรรมการในปี 2018
การแข่งขันระดมทุนมูลค่ามหาศาล
ยักษ์ใหญ่ด้าน AI อย่าง OpenAI และ xAI ต่างระดมทุนอย่างรวดเร็วจนมูลค่าพุ่งสูงขึ้น:
- xAI: กำลังเจรจาระดมทุนประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีมูลค่าราว 75,000 ล้านดอลลาร์ ตามรายงานของ Bloomberg เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จากเดิมที่มีมูลค่าประมาณ 51,000 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก PitchBook
- OpenAI: กำลังเจรจาระดมทุนสูงถึง 40,000 ล้านดอลลาร์ ที่อาจทำให้มูลค่าบริษัทพุ่งไปถึง 300,0000 ล้านดอลลาร์
การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
ธุรกิจเหล่านี้ล้วนต้องใช้เงินทุนมหาศาล:
- SoftBank, OpenAI, Oracle และ MGX ที่มีอาบูดาบีหนุนหลัง ประกาศโครงการร่วมลงทุน 100,000 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนมกราคม โดยตั้งเป้าจะใช้เงินถึง 500,000 ล้านดอลลาร์ในที่สุด เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ AI ในสหรัฐฯ
- Dell Technologies อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการทำข้อตกลงมูลค่ากว่า 5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อจัดหาเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูงให้ xAI
คู่แข่งกำลังมา: จีนเข้าร่วมแข่งขัน
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีคู่แข่งใหม่ๆ กำลังปรากฏตัวและอาจท้าทายโมเดลธุรกิจนี้ ทำให้คู่แข่งหน้าใหม่เข้าสู่ตลาดได้ง่ายขึ้น
เมื่อเดือนที่แล้ว DeepSeek บริษัท AI จากจีน เปิดตัวโมเดล AI โอเพนซอร์สใหม่ชื่อ R1 ที่เทียบเท่าหรือดีกว่าคู่แข่งชั้นนำจากสหรัฐฯ ในหลายเกณฑ์มาตรฐานของอุตสาหกรรม โดยบริษัทระบุว่าสร้างโมเดลนี้ด้วยต้นทุนเพียงเศษเสี้ยวของคู่แข่งจากสหรัฐฯ
บทสรุป: สงครามปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังเดือดระอุ
การเปิดตัว Grok-3 ไม่เพียงแค่จุดประกายสงครามเทคโนโลยี AI ระดับโลกเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่เร่งร้อนขึ้นในวงการ AI โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างมัสก์กับ OpenAI
ขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่ทุ่มเงินมหาศาลเพื่อครองความเป็นผู้นำ คำถามที่น่าสนใจคือ:
นวัตกรรมเหล่านี้จะพาเราไปในทิศทางใด? ความสามารถที่เพิ่มขึ้นของ AI จะกระทบวิถีชีวิตและการทำงานของเราอย่างไร? และที่สำคัญ ใครจะเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์สำหรับเทคโนโลยีที่ทรงพลังนี้?
การที่จีนก้าวเข้ามามีบทบาทผ่าน DeepSeek ยิ่งทำให้เกมนี้น่าติดตาม เพราะไม่เพียงเป็นการแข่งขันระหว่างบริษัท แต่ยังเป็นการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจ ในยุคที่ AI อาจกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการกำหนดอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองโลก
ในขณะที่เราตื่นเต้นกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ก็ถึงเวลาที่สังคมต้องพิจารณาว่า เราควรมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลการพัฒนาเหล่านี้อย่างไร เพื่อให้มั่นใจว่า AI จะถูกใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ มากกว่าจะตกเป็นเครื่องมือในการสร้างความมั่งคั่งให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง