หลังจากที่ผมอ่านบทวิเคราะห์จากหลายสำนัก ที่ประเมินจากการเปิดตัว Samsung Galaxy S 4 หรือแม้แต่การออกผลิตภัณฑ์ของทาง Apple ว่ามันหมดยุคการแข่งขันด้านนวัตกรรมบนฮาร์ดแวร์แล้ว มันทำให้เกิดความรู้สึกขัดๆในใจว่า มันใช่เหรอ ? มันเป็นแบบนั้นจริงๆเหรอ ? หรือเราจะถูกกล่อมจาก 2 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการสมาร์ทโฟน ให้เชื่อแบบนั้นไปเอง ?
Nokia เจ้าแห่งนวัตกกรรมด้านฮาร์ดแวร์
ผมแอบสงสัยอยู่เสมอเมื่อมีคนบอกว่า “มันหมดยุคของการพัฒนานวัตกรรมด้านฮาร์ดแวร์แล้ว วงการสมาร์ทโฟนก้าวเข้าสู่ยุคแห่งนวัตกรรมซอฟต์แวร์แล้ว” ว่าเขาไม่เคยมองการเติบโตและการพัฒนาด้านฮาร์ดแวร์ของ Nokia เหรอ ทั้งเทคโนโลยการถ่ายภาพที่ล้ำสมัย หน้าจอสัมผัสแบบ Super Sensitive Touch หรือที่ชาร์จไร้สาย (แบบมีสาย ^^) บางคนอาจมองว่ามันไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ผมอยากบอกครับว่า แม้มันไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ แต่ Nokia สามารถนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาประยุกต์เข้ากับสมาร์ทโฟนได้อย่งลงตัว เป็นเทคโนโลยีที่ใฃ้งานได้จริง ทั้งในมุมของผู้ใช้และในมุมด้านการตลาดของ Nokia ผมเรียกมันว่า “นวัตกกรรมด้านฮาร์ดแวร์”
[quote] ปัจจุบัน คำว่า นวัตกรรม มีความหมายกว้างขึ้น หมายถึง สิ่งที่ทำขึ้นใหม่หรือแปลกจากเดิมซึ่งอาจจะเป็นความคิด วิธีการ หรืออุปกรณ์ เป็นต้น เช่น การใช้อินเทอร์เน็ตประกอบการสอน ถือเป็นนวัตกรรมทางการศึกษา[/quote]
หากผู้ผลิตสมาร์ทโฟนทุกเจ้าอ้างคำกล่าวที่ว่า “มันหมดยุคของการพัฒนานวัตกรรมด้านฮาร์ดแวร์แล้ว วงการสมาร์ทโฟนก้าวเข้าสู่ยุคแห่งนวัตกรรมซอฟต์แวร์แล้ว” แล้วก็ทิ้งการพัฒนาด้านฮาร์ดแวร์ ไปเน้นการพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่ๆเพียงอย่างเดียว ผมก็ขอยกให้ผู้ผลิตที่มุ่งมั่นสร้างและพัฒนานวัตกรรมด้านฮาร์ดแวร์เสมอมาอย่าง Nokia ให้เป็น เจ้าแห่งนวัตกกรรมด้านฮาร์ดแวร์ ก็คงไม่ผิดจากที่เป็นอยู่ไปเลยสักนิด
การพัฒนานวัตกรรมด้านซอฟต์แวร์ของ Nokia
Nokia แม้จะมุ่งมั่นพัฒนาด้านฮาร์ดแวร์ เพื่อตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้อย่างสม่ำเสมอ แต่ก็ไม่เคยทิ้งการพัฒนาด้านซอฟต์แวร์เลย นับตั้งแต่ Nokia มาเอาจริงเอาจัง และรักกันอย่างแนบเน่นกับ Windows Phone 8 เราก็จะเห็นการพัฒนาด้านซอฟต์แวร์ของ Nokia อย่างต่อเนื่อง ทั้งนวัตกรรมด้านการถ่ายภาพที่อยู่ในรูปของแอพพลิเคชั่นอย่าง Smart Shoot, Cinemagraph หรือแอพพลิเคชั่นใหม่ๆที่ตามออกมาอีกมากมาย มันไม่ใด้เป็นแค่แอพพลิเคชั่นความสามารถต่ำ แต่ Nokia ได้เทคโนโลยีใหม่เข้ามาอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังมีระบบแผนที่ที่สมบูรณ์แบบอย่าง Here Maps, Here City Lens และ Here Drive+Beta ที่ทั้งสร้างสรรค์และใช้งานได้จริง นอกจากนี้ Here Maps ยังสามารถทำงานออฟไลน์ได้อีกด้วย สิ่งที่ Nokia พัฒนาด้านซอฟต์แวร์นั้นไม่ได้มีเพียงเท่านี้ แอพพลิเคชั่นเฉพาะสำหรับสมาร์ทโฟนของ Nokia ก็เปิดตัวให้เราได้ใช้งานกันอย่างต่อเนื่องและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพัฒนาเลย
แนวร่วมบำบัดความเซ็ง
น่าเบื่อหน่ายกับผู้ผลิตที่ใช้ข้ออ้างต่างๆนานา สำหรับสิ่งที่ตัวเองทำได้ไม่ดีพอ หรือเพียงต้องการลดต้นทุนการผลิต สิ่งเหล่านี้จะทำให้อนาคตของเขาเหล่านั้นตกที่นั่งลำบากแน่นอน หรือยังเป็นอยู่เช่นนี้ นวัตกรรมใหม่ๆมันเกิดขึ้นเสมอ ล่าสุด Google ก็เปิด Google Glass อุปกรณ์ที่จะมาเปลี่ยนโลกของผู้ใช้สมาร์ทโฟน หรือแม้แต่เจ้า Motorola X ที่ให้ผู้ซื้อเลือกเพิ่ม-ลดสเป็คได้เองเหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ ผมก็มองว่าเป็นนวัตกรรมด้านฮาร์ดแวร์ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ยังมีอีกหลายเจ้า หลายสถาบัน ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาพยายามพัฒนานวัตกรรมด้านฮาร์ดแวร์ของสมาร์ทโฟนให้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ผมมองว่ามันน่าเศร้านะ ที่จะบอกกับพวกเขาว่า “มันหมดยุคแล้ว!!”
ผมเชื่อมันในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่ามันทำให้ “นวัตกรรม” ไม่มีขีดจำกัด การพัฒนานวัตกรรมของวงการสมาร์ทโฟนมันขึ้นอยู่กับการตลาดเท่านั้นหละ ว่าจะหยิบจะวางหรือจัดสรรนวัตกรรมกันอย่างไร และมันก็มีทรัพยากรอีกมากมายที่ยังไม่ได้หยิบมาใช้ ขึ้นอยู่ว่าการตลาดจะมองเห็นและให้ความสำคัญมันหรือไม่ ….แต่สำหรับ Nokia นั้น เขาไม่เคยมองข้าม ยังพยายามอยุ่เสมอ ล่าสุดก็มีความร่วมมือกับสถาบันวิทยาศาสตร์ WYSIPS เพื่อพัฒนาหน้าจอที่สามารถชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์ได้ แล้วมันก็ช่วยตอกย้ำให้เราเห็นอีกว่า Nokia เป็นเจ้าแห่งนวัตกกรรมด้านฮาร์ดแวร์ อย่างแท้จริง หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ประกอบกับพันธมิตรที่เข้มแข็งอย่าง Microsoft ที่กำลังพัฒนาระบบปฎิบัติที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น ต่อไป Nokia จะกลายเป็นยักษ์ตัวที่สามแน่นอน