ในงาน CES 2025 ทาง NVIDIA ได้เปิดตัว DLSS 4 ซึ่งเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญสำหรับ GeForce RTX 50 Series GPUs และแล็ปท็อป โดยมีคุณสมบัติ Multi-Frame Generation รองรับในเกมและแอปพลิเคชันกว่า 75 รายการเมื่อวางจำหน่าย
Multi-Frame Generation ช่วยสร้างเฟรมเพิ่มเติมได้สูงสุด 3 เฟรมจากเฟรมที่เรนเดอร์ตามปกติ โดยทำงานร่วมกับเทคโนโลยี DLSS ทั้งหมด เพื่อเพิ่ม FPS ได้มากถึง 8 เท่าเมื่อเทียบกับการเรนเดอร์แบบเดิม เช่นใน Cyberpunk 2077 ที่แสดงผลแบบ Ray Tracing ในระดับ 4K สามารรันเกมที่ 240 FPS เมื่อใช้งานบน GeForce RTX 5090
DLSS 4 เปิดตัว AI โมเดลใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีทรานส์ฟอร์เมอร์แบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมเดียวกับ AI ระดับสูง เช่น ChatGPT และ Gemini โดยช่วยปรับปรุงความเสถียรของภาพ ลดปัญหาภาพซ้อน (ghosting) และเพิ่มรายละเอียดในฉากที่มีการเคลื่อนไหวไม่ว่าจะเป็น
- Ray Reconstruction ช่วยเพิ่มคุณภาพแสงและเงาในเกม เช่น Alan Wake 2 ลดปัญหาภาพเบลอและการซ้อนของเฟรม
- Super Resolution เพิ่มความละเอียดของภาพและความคมชัดเช่น Horizon Forbidden West
DLSS 4 Multi-Frame Generation ใช้ฮาร์ดแวร์ Blackwell รุ่นใหม่และซอฟต์แวร์ DLSS ที่ปรับปรุงใหม่ ทำให้สามารถสร้างเฟรมได้หลายเฟรมโดยไม่ทำให้การ์ดจอทำงานหนักเกินไป เช่นใน Warhammer 40,000: Darktide เพิ่มเฟรมเรตขึ้น 10% และลดการใช้ VRAM ลง 400MB ที่การตั้งค่า 4K
นอกจากนี้ ฮาร์ดแวร์ใหม่ยังมี Tensor Cores เจเนเรชันที่ 5 เพิ่มประสิทธิภาพ AI 2.5 เท่า และระบบ Flip Metering สำหรับการจัดการเวลาแสดงผลเฟรมเพื่อประสบการณ์การเล่นเกมที่ราบรื่นขึ้น
NVIDIA App เพิ่มฟีเจอร์ DLSS Override ที่ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งการใช้งาน DLSS ในเกมเช่นเปิด Multi-Frame Generation บน RTX 50 Series หรือ เปิดใช้งานทรานส์ฟอร์เมอร์โมเดลสำหรับ Super Resolution
DLSS 4 รองรับเกมดัง เช่น Cyberpunk 2077, Alan Wake 2, Star Wars Outlaws, Indiana Jones และจะขยายไปยังเกมอื่นๆ เช่น Black Myth: Wukong และ Microsoft Flight Simulator 2024 ต้องบอกเลยว่า DLSS 4 เป็นการพัฒนา AI ในการเล่นเกมที่ก้าวล้ำที่สุดตั้งแต่เปิดตัวในปี 2018 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทั้งภาพและเฟรมเรต รองรับการเล่นเกมระดับ 4K และ Ray Tracing อย่างลื่นไหลมากขึ้นกว่าเดิม