หลังจากปีที่แล้วที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จากการเกาหลีใต้อย่าง Samsung ดูท่าจะมียอดขายที่ไม่ดีเท่าไรนักในจีน จากที่เราเห็นว่ามียอดขายลดลงถึง 50% และแม้กระทั่งตอนนี้การจัดส่งสำหรับเรือธงตัวใหม่อย่าง Galaxy S6 ก็ยังคงไปไม่ได้สวยเท่าที่ควรนักอีกด้วยล่ะครับ แต่ขณะเดียวกันยอดขายของ iPhone ยังคงสูงได้เทียบเท่ากับรุ่นก่อนๆที่เคยออกมา
ปัญหาเกิดจากอะไรกันหนอ???
Galaxy S6 เปิดตัวแรงแต่เหมือนจะไม่เวิร์ค
ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา Samsung ได้ปล่อยเรือธงตัวใหม่อย่างเจ้า Galaxy S6 ออกมาโดยคาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายที่ตกลงไปนั้นให้ดีขึ้นได้ โดยทางบริษัทได้ทำการเปลี่ยนรูปแบบการออกแบบไปไม่น้อย จากการที่ปกติจะใช้พลาสติกเป็นวัตถุดิบในการผลิตตัวเครื่องกลับหันมาใช้เป็นโลหะและแก้วมาเป็นส่วนประกอบของตัวเครื่องแทน และนอกจากนั้นดูเหมือนจะเอาจุดขายเดิมออกไปอีกด้วยล่ะครับ อย่างเช่นพวกฟีเจอร์การกันน้ำนั่นเองครับ
ในเดือนที่ทาง Samsung ได้ปล่อยเจ้าตัวนี้ออกมา เหมือนว่าการตอบรับก็ยังคงไม่ดีเท่าที่ควรนัก จากการรายงานของสำนักข่าวในเกาหลีได้รายงานว่า Galaxy S6 มียอดการจัดส่งอยู่ที่ 10 ล้านเครื่อง หากเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นก่อนที่ทาง Samsung เคยปล่อยออกมาอย่าง S5 กลับมียอดการจัดส่งถึง 11 ล้านเครื่องในช่วงเวลาเดียวกันนี้เมื่อปีที่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามตัวเลขพวกนี้ยังเป็นเพียงตัวเลขของการจัดส่งเท่านั้นนะครับ ซึ่งแน่นอนว่ายอดที่ขายได้จริงอาจจะต่ำกว่านี้ลงไปอีกครับ
นอกจากนี้ Oppenheimer ยังคิดว่ากลยุทธ์ที่ทาง Samsung นำมาใช้นั้นอาจจะเป็นการหลงทางก็เป็นได้
“เมื่อเรามองไปที่เรือธงตัวใหม่แห่งปี 2015 ของบริษัทอย่าง Galaxy S6 Edge นั้นต้องบอกเลยว่าการออกแบบทั้งหมดดูจะไม่เหมือนใครเลย ทั้งขอบจอแบบโค้ง และการเปลี่ยนมาใช้โลหะในการประกอบตัวเครื่อง เพิ่มเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือบริเวณด้านหน้าตัวเครื่อง และกล้องหลังที่มาพร้อมกับ OIS และนอกจากนั้นเรายังเห็นถึงความเเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในส่วนของซอฟท์แวร์ และนั่นก็รวมถึงการไม่ได้เพิ่มมูลค่าให้กับผู้ใช้ที่เคยใช้ Samsung ในรุ่นก่อนแต่อย่างใด”
สั้นๆก็คือมันไม่มีเหตุผลที่ดีเพียงพอเลยที่ควรจะซื้อเจ้าเรือธงตัวใหม่นี้ โดยเฉพาะถึงแม้ว่าเราจะใช้ S5 อยู่ก็ไม่ได้มีเหตุผลให้ผู้ใช้ควรเปลี่ยนมาใช้ S6 แต่อย่างใด อย่างที่เรารู้กันดีว่ามันถูกทำออกมาสำหรับผู้ใช้ระดับ High-End ซึ่งก็แน่นอนว่าตลาด High-End นั้นเป็นของ Apple อยู่อย่างเจ้า iPhone 6 (หากเทียบกันตามขนาดนะครับ)
ขณะที่สมาร์ทโฟน Low-End ของบริษัทก็แทบไม่มีความแตกต่างจากสมาร์ทโฟนของ Xiaomi เท่าไรนักในส่วนของการใช้งาน โดยที่ Xiaomi สามารถให้ในคุณภาพที่เท่าเทียมกันแต่มาในราคาที่ต่ำกว่านั่นเองครับ เพราะแน่นอนว่าอุปกรณ์ Android จาก Xiaomi นั้นถือเป็นสมาร์ทโฟนที่มีราคาต่ำกว่ามาตรฐานที่เคยมีมา อย่างที่เราเห็นว่ามันมีราคาอยู่ที่ราวๆ 220$ – 254$ เท่านั้นเองครับ
การล้มลงของยักษ์ใหญ่ในตลาดจีน
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา Samsung เคยเป็นบริษัทที่เหนือกว่าใคร ด้วย High-End Android สมาร์ทโฟน แต่เหมือนว่าทุกๆอย่างจะเปลี่ยนไปหลังจากที่ทาง Apple ได้ปล่อย iPhone 6 ออกมา
สำหรับ iPhone 6 ได้ถูกปล่อยออกมาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2014 ซึ่งมาพร้อมกับหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่า iPhone รุ่นก่อนๆทำให้ Apple กลายเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการในช่วงไตรมาสนั้นๆดีกว่าใครๆ และแน่นอนว่าบริษัท Cupertino เองก็น่าจะมีความสุขกับการนั่งนับจำนวนการจัดส่งอุปกรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตลาดเอเชียที่ขึ้นชื่อว่าเจาะเข้าไปได้ยากนั่นเองครับ
นอกจากนี้การเติบโตของ Apple ยังทำให้การเติบโตของ Samsung ลดลง ผลกำไรของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์จากเกาหลีใต้รายนี้ได้เริ่มพังทลายลงแล้ว อย่างที่รู้ว่าตลาด High-End ได้หันมาทาง Apple เกือบจะทั้งหมด และ Xiaomi ก็เข้ามาจากที่ไหนสักแห่งกับอุปกรณ์ที่คุ้มค่าคุ้มราคา ด้วยเวลาเพียง 5 ปีเท่านั้น เรียกได้ว่าทั้ง High และ Low-End โดนคาบไปกินซะแล้ว Samsung จะอยู่ตรงไหนดีล่ะทีนี้
Apple ขึ้นแท่นกลายมาเป็นอันดับ 1
ข้อมูลการสำรวจจากทางบริษัท IDC ที่ได้เผยแพร่ออกมาเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่า Samsung นั้นพังทลายลงไปมากแค่ไหนแล้ว ในตลาดสมาร์ทโฟนในจีน ในเวลา 1 ปี บริษัทได้ล่วงลงมาจากที่ 1 มาอยู่ที่ 4 ในด้านของยอดขาย ขณะที่ Apple กระโดดเข้าไปอยู่ที่ 1 แทนที่
นอกจากนี้ยังมีกราฟที่แสดงให้เห็นถึงความชัดเจนยิ่งขึ้นของสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Samsung ขณะนี้
วิกฤตไม่ได้สถิตย์กับ Samsung เท่านั้น
ทาง Oppemheimer ได้ออกมากล่าวเพิ่มเติมอีกว่าไม่ใช่แค่เพียง Samsung เท่านั้นที่กำลังประสบกับปัญหาเหล่านี้ แต่มันเกิดขึ้นกับระบบนิเวศของเหล่า Android ทั้งหมด ใน 9 เดือนที่ผ่านมา Android OEMs นั้นแทบไม่สามารถที่จะต่อกรกับ Apple ได้เลย และเหมือนจะไม่มีทางทำให้ Apple สูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดได้อีกด้วย
มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นที่ Apple เริ่มมีการเติบโตอย่างมากในด้านส่วนแบ่งการตลาด โดยวิธีการที่ทาง Apple เริ่มหันไปให้ความสนใจมากขึ้นก็คือนการโน้มน้าวให้เหล่าผู้ใช้ Android หันมาใช้ iOS มากขึ้นนั่นเองครับ แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีผู้คนจำนวนมากที่น่าจะยังไม่สามารถเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์จาก Apple ได้ในขณะนี้ เพราะด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง นั่นก็หมายความว่าตอนนี้ผู้ผลิต Android น่าจะยังคงปลอดภัยอยู่
เพียงแต่ Samsung อาจจะโชคร้ายกว่าเพื่อนเท่านั้นเองครับ
ที่มา : uk.businessinsider