• APAC Hub Center จุดศูนย์กลางแห่งใหม่ ที่จะช่วยให้การดำเนินงานทางการตลาดเป็นไปได้อย่างคล่องตัว และพร้อมเป็นผู้นำเครือข่าย 5G ในระดับภูมิภาคได้อย่างสมบูรณ์แบบ
• เพื่อปรับปรุงระบบการทำงานให้แข็งแกร่ง และขับเคลื่อนการเติบโตทางการตลาดทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
• สร้างความร่วมมือในระบบอุตสาหกรรม ดั่งเช่น การมีคู่ค้าผู้ให้บริการเครือข่ายใหม่ 15 ราย ร่วมในโครงการ 5G Landing Project
• การมีอุปกรณ์อัจฉริยะอันหลากหลาย ที่แสดงให้เห็นถึงการเชื่อมต่ออัจฉริยะในอนาคตอันใกล้
16 ธันวาคม 2562, กัวลาลัมเปอร์, ประเทศมาเลเซีย – OPPO ได้จัดการประชุมเพื่อเปิดเผยกลยุทธ์ใหม่ทางธุรกิจ ภายใต้แนวคิด “Connecting Tomorrow, Together” ทาง OPPO ได้แถลงการณ์เกี่ยวกับกลยุทธ์ใหม่ในการดำเนินธุรกิจในยุค 5G ให้กับคู่ค้าในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และได้มีการประกาศการก่อตั้ง APAC Hub Center ในใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ภายในงานยังมีการประกาศว่ามีผู้ให้บริการเครือข่ายใหม่ถึง 15 ราย ร่วมในโครงการ “5G Landing Project” และมีจำนวนผู้ให้บริการเครือข่ายมากกว่า 300 ราย รวมถึงพันธมิตรคู่ค้า และสื่อต่างๆ จากภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เข้าร่วมการประชุมนี้ ทั้งยังได้ลองสัมผัสกับอุปกรณ์อัจฉริยะล่าสุด อย่าง OPPO 5G CPE T1 หรืออุปกรณ์รับส่งสัญญาณ 5G, หูฟังไร้สาย Enco Free True Wireless Headphones, อุปกรณ์ Cloud Gaming, แว่นตา AR, Under-Screen Camera หรือกล้องใต้หน้าจอในสมาร์ทโฟนในอนาคต และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมากมาย
การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ขององค์กร และการทำงานร่วมกับคู่ค้าเพื่อสร้างความสำเร็จร่วมกัน
ตลาดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญต่อการขยายตัวไปทั่วโลกของ OPPO ในวันนี้ OPPO ได้กลายเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานเกือบ 100 ล้านคนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ด้วยความที่เป็นผู้นำด้านการตลาดสมาร์ทโฟนที่แข็งแกร่ง การมีทีมงานมืออาชีพ เครือข่ายพันธมิตรคู่ค้าที่แข็งแกร่ง ตลอดจนผลิตภัณฑ์และการบริการที่ได้รับการพัฒนามาโดยตลอด ทำให้ OPPO ได้กลายเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
เทคโนโลยีการสื่อสารของสมาร์ทโฟนในยุคอนาคต นำมาซึ่งโอกาสและความท้าทายใหม่ๆ มากมายในอุตสาหกรรม พร้อมกับแนวคิด “Think Globally, Act Locally” ที่ OPPO มุ่งมั่นพัฒนาทรัพยากรที่ดีระดับโลก เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาตลาดในพื้นที่ต่างๆ และความมุ่งมั่นที่จะปรับโครงสร้างกลยุทธ์ สำหรับการดำเนินธุรกิจทั่วโลก นอกจากนั้น เพื่อเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีระบบการวิจัยและพัฒนา ในอีกสามปีข้างหน้า OPPO จะลงทุนมากกว่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อที่จะเสริมสร้างเทคโนโลยีอย่าง 5G, 6G, AI, AR และ Big Data ให้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็ได้มีการวางโครงสร้างเทคโนโลยีหลัก สำหรับฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ เพื่อหาโอกาสใหม่ๆ ในยุคของการเชื่อมต่ออัจฉริยะ
คุณ Alen Wu, Vice President และ President of Global Sales ของ OPPO กล่าวว่า “OPPO เป็นมากกว่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟน ในความเป็นจริงแล้ว สมาร์ทโฟนเป็นเพียงเครื่องมือสำหรับ OPPO ในการนำเสนอบริการด้านเทคโนโลยีที่หลากหลาย OPPO ยังจะคงพัฒนาขีดความสามารถทางด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการบริการ รวมถึงการขยายตลาดไปในอุปกรณ์อัจฉริยะมากขึ้น (IoT) เพื่ออนาคตของการสื่อสารอัจฉริยะ เราจะทำงานร่วมกับลูกค้าและพันธมิตรทั่วโลกเพื่อเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้มากขึ้น”
ในฐานะที่เป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการทำงานทั่วโลก OPPO จะให้ APAC Hub Center มีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการดำเนินงานต่างๆ ทั้งการจัดหางานในพื้นที่นั้นๆ การสร้างการสื่อสารหลัก การบริการเครือข่ายให้กับลูกค้า Product Customization รวมถึงการทำ Co-Branding และ Co-Marketing
คุณ Jimmy Yi, President of OPPO Asia Pacific กล่าวว่า “ความทะเยอทะยานของ OPPO นั้นมากกว่า ‘การเป็นผู้นำในส่วนแบ่งการตลาด‘ แต่ OPPO ต้องการเป็นแบรนด์ชั้นนำในตลาด ที่มีความสามารถรอบด้านในตลาดภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกนี้ ดังนั้นเราจึงมีการพัฒนาที่มากกว่าสมาร์ทโฟน แต่จะรวมไปถึงการพัฒนาอุปกรณ์อัจฉริยะ (IoT) และอุปกรณ์ของใช้ภายในบ้าน ด้วยการทำ Digital Content ให้มีคุณภาพ และการนำเสนอบริการอินเทอร์เน็ตบนมือถือ สำหรับผู้ใช้ให้มีความหลากหลายมากขึ้น” คุณ Yi ยังได้กล่าวว่า “การจัดตั้ง APAC Hub Center ทำให้บริษัทมีความพร้อมที่จะเชื่อมโยงทุกตลาดเข้าด้วยกัน และพัฒนากลยุทธ์สำคัญสำหรับภูมิภาคนี้โดยเฉพาะ เราจะสามารถเชื่อมต่อกับคู่ค้าของเรา เพื่อค้นหาโอกาส และสร้างมูลค่าให้กับผู้ใช้งาน รวมทั้งจะสามารถเชื่อมต่อผู้ใช้ของเรากับอุปกรณ์อัจฉริยะได้มากขึ้น และส่งมอบประสบการณ์การเชื่อมต่ออัจฉริยะอย่างไร้ขีดจำกัด”
ขับเคลื่อนการเปิดตัว 5G ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก พร้อมพัฒนาการเชื่อมต่ออัจฉริยะ Ecosystem ใหม่
ในฐานะผู้บุกเบิก 5G ระดับโลก OPPO ได้จัดตั้ง Communication Standard Team ในปี 2558 และได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรมาตรฐานการสื่อสาร 5G กว่า 20 ประเทศทั่วโลก โดยมีการยื่นขอสิทธิบัตรระดับโลกกว่า 2,500 ฉบับ ซึ่งสำหรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ 5G นั้น OPPO ได้เปิดตัว “OPPO 5G Landing Project” ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ที่บาร์เซโลนา และร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำระดับโลก ในการปล่อยสมาร์ทโฟนรุ่น Reno 10x Zoom 5G ในสวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และอิตาลี
นอกจากนี้ รายงานจากบริษัทวิจัยตลาด GfK ระบุว่า ในปี 2562 ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก มียอดขายสมาร์ทโฟนแล้วถึง 50% ของยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลก และจะยังคงรักษาอัตราการเติบโตของตลาด ควบคู่ไปกับการศึกษาความต้องการของตลาดไปพร้อมกัน โดยยุค 5G ที่กำลังจะมาถึงนี้ คาดว่าจะมียอดส่งออกสมาร์ทโฟนถึง 170 ล้านหน่วยทั่วโลก และในปี 2563 จากการเปิดตัว 5G ที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จะช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในภูมิภาคอีกด้วย นอกจากนี้อัตราการเติบโตของตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคเทคโนโลยี (รวมถึง IoT และอุปกรณ์อื่นๆ) ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จะเติบโตเป็นอย่างมากในปี 2563 และมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 5%
ภายในงาน พันธมิตรคู่ค้าที่เข้าร่วมโครงการ “OPPO 5G Landing Project” ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมคู่ค้ารายใหม่อีก 15 รายในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยในอนาคต APAC Hub Center แห่งนี้ OPPO จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับคู่ค้า เพื่อมอบประสบการณ์ 5G ที่ล้ำสมัยให้แก่ผู้ใช้ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
คุณ Henry Tang, Chief 5G Scientist ของ OPPO กล่าวว่า “ด้วยเทคโนโลยี 5G และการพัฒนาด้าน Big Data, การประมวลผลแบบคลาวด์ และการเพิ่มขึ้นของขีดความสามารถของ AI OPPO จึงสามารถพัฒนาเทคโนโลยีได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยการเข้ามาของเครือข่าย 5G ในปี 2563 OPPO จะเสริมสร้างนวัตกรรมที่เหนือชั้นบนเทคโนโลยี 5G และนำเสนอประสบการณ์ที่ดีขึ้นสำหรับผู้ใช้ทั่วโลก”
“ผู้นำทางการตลาด ต่างอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลง ‘G’ transition ครั้งใหม่ ซึ่งมั่นใจได้เลยว่า OPPO จะเป็นหนึ่งในผู้นำนวัตกรรมด้าน 5G ได้เป็นอย่างดี” คุณ Jim Tran, Senior Vice President & GM, Handset Products Qualcomm Technologies, Inc. กล่าว “เราให้ความสำคัญต่อ OPPO ในฐานะที่ทำงานร่วมกันอย่างยาวนาน รวมถึงได้มีการแบ่งปันเจตนารมเดียวกันในด้านนวัตกรรม โดยในปี 2563 เราจะสนับสนุน OPPO อย่างเต็มที่ ด้วยผลิตภัณฑ์ล่าสุดของเรา เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนที่ยอดเยี่ยมเพื่อนำมาสู่ความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในยุค 5G”
นอกจากนี้ Qualcomm ยังได้ร่วมมือกับ OPPO เพื่อสร้างแพลตฟอร์มมือถือล่าสุดอย่าง Snapdragon 865 ที่คาดการณ์ว่าจะอยู่ในรุ่นพรีเมี่ยมของปี 2563 และเพื่อรองรับ 5G ในภูมิภาค Qualcomm ยังได้ติดตั้ง Snapdragon X55 5G Modem ใน OPPO 5G CPE T1 ที่ทำการเปิดตัวในสุดยอดการประชุมนี้อีกด้วย
การเปิดตัว 5G เชิงพาณิชย์ระดับโลก และการปรับปรุงเทคโนโลยี AI อย่างต่อเนื่อง OPPO เชื่อใน ‘การเชื่อมต่ออัจฉริยะ’ และความสามารถของอุปกรณ์อัจฉริยะ ซึ่งจะเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้ได้อย่างแท้จริง คุณ Bobee Liu, OPPO Vice President และ President of Intelligent Mobile Devices กล่าวว่า “วันนี้ IoT, 5G, cloud และ AI ที่ทำการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลัก จะช่วยยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้ใช้งาน ซึ่งเรามุ่งมั่นที่จะสร้างอุปกรณ์ที่ทันสมัยนี้ขึ้นมา โดยคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภค ทั้งอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อได้อย่างหลากหลายที่ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ทั้ง 4 ด้าน ประกอบด้วย ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว ที่บ้าน ที่ทำงาน และการท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นไปที่การโต้ตอบระหว่างอุปกรณ์กับผู้ใช้งาน อีกทั้ง เรายังพัฒนาความสามารถในการเชื่อมต่ออัจฉริยะ เพื่อสร้างเครือข่าย และมอบประสบการณ์การใช้งานให้ดียิ่งขึ้น”
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยการเชื่อมต่ออัจฉริยะ Ecosystem ล่าสุด OPPO และผู้ให้บริการเครือข่ายของมาเลเซียอย่าง Maxis ได้ร่วมกันสร้างเครือข่าย 5G เพื่อนำเสนอประสบการณ์ที่ขับเคลื่อนโดยเครือข่ายอัจฉริยะนี้ โดย Morten Bangsgaard, Chief Technology Information Officer, Maxis กล่าวว่า “Maxis มีความภูมิใจที่ได้เป็นผู้ให้บริการเครือข่าย 5G ในงาน APAC Strategy Launch Event ของ OPPO ซึ่งถือเป็นการพิสูจน์ความเป็นผู้นำเครือข่ายและความสามารถในด้าน 5G ของเรา โดย Maxis มุ่งมั่นในเส้นทาง 5G ด้วยการมอบอนาคตของการเชื่อมต่อที่น่าตื่นเต้นให้แก่ผู้บริโภค นอกจากนี้ เครือข่าย 5G ในอุปกรณ์ที่สามารถรองรับ 5G ถือเป็นสิ่งที่สำคัญและยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ทั้งในด้านความเร็วในการดาวน์โหลดที่รวดเร็ว, วิดีโอความละเอียดสูงมากขึ้น และประสบการณ์อีกขั้นของ AR และ VR ซึ่งเรารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากกับศักยภาพของ 5G ในอนาคตทั้งในด้านการบริโภคและด้านธุรกิจ”
OPPO ยังได้จัดแสดงชุดอุปกรณ์อัจฉริยะที่กำลังจะมาถึง เช่น OPPO 5G CPE T1, Enco Free True Wireless Headphones, แว่นตา AR รวมถึงเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก อย่างเทคโนโลยีชาร์จไว, 5G, การถ่ายภาพ และ การเพิ่มประสิทธิภาพในด้านซอฟต์แวร์ นอกจากนี้ OPPO 5G CPE T1 หรืออุปกรณ์เชื่อมต่อสัญญาณ 5G ยังเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อที่มีการพัฒนาขึ้นโดย OPPO สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น การใช้งานภายในบ้าน และที่ทำงาน พร้อมทั้งสร้างมุมมองและประสบการณ์ในการใช้งาน 5G แอปพลิเคชัน และการใช้งาน Wi-Fi ได้อย่างเต็มสปีด OPPO 5G CPE T1 ยังขับเคลื่อนโดยโมเด็ม Qualcomm Snapdragon X55 5G ในการซัพพอร์ตแบบ Standalone (NSA) และ Non-Standalone (SA) Modes, การแบ่งปันคลื่นความถี่แบบไดนามิก (DSS) และ 5G Roaming ทั่วโลก
หูฟังยังเป็นหนึ่งในจุดเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือที่กำลังเติบโตที่สำคัญในยุค 5G โดยหูฟังไร้สายอย่าง OPPO Enco Free true wireless ที่ได้เปิดตัวในงานนั้น ยังใช้เทคโนโลยีบลูทูธ Dual-Pass ที่มีความถี่ต่ำ พร้อมกับลำโพง Ultra-Dynamic นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์ฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ช่วยลดเสียงรบกวนที่ทำงานโดย AI ซึ่ง OPPO มีแผนที่จะเปิดตัวหูฟัง Enco Free ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในเดือนมกราคม 2563 ในราคา 499 ริงกิต (ประมาณ 120 ดอลลาร์สหรัฐ) โดยจะประกาศราคาของภูมิภาคอื่นๆ ในภายหลัง
OPPO และ Maxis ผู้ให้บริการเครือข่ายของมาเลเซีย ร่วมกันสร้างเครือข่าย 5G ภายในงาน
ในฐานะหนึ่งในภูมิภาคที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจมากที่สุดในโลก ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก คาดว่าจะนำเสนอโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับการพัฒนา 5G และ Ecosystem ของการเชื่อมต่ออัจฉริยะ โดย OPPO จะยังคงเน้นการวิจัย การพัฒนาและนวัตกรรมของเทคโนโลยี ในขณะเดียวกันจะเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ทีมในระดับภูมิภาค และสร้างความสามารถในการดำเนินงาน เพื่อสร้างโอกาสกับคู่ค้าในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำในอนาคต