ก็ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก 3M ประเทศไทยนะครับ สำหรับการอธิบายและแนะนำมาตรฐานของอุปกรณ์ที่จะช่วยป้องกันฝุ่น PM2.5 อย่างได้ผล
การกลับมาของฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 ที่ลอยละล่องอยู่ในอากาศด้วยปริมาณที่มากเกินค่ามาตรฐาน และด้วยขนาดฝุ่นที่เล็กจมาก จนสามารถจะแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเราได้ในทุกขณะ ซึ่งเขาก็แนะนำอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพลมหายใจของการใช้ชีวิตในเมืองฝุ่นมาสามประเภทด้วยกันครับ น่าจะเป็นง่ายต่อการหาซื้อหาใช้ และใช้กันเป็นประจำได้ทุกวันอยู่แล้วนั้นเองครับ
1.หน้ากากป้องกันฝุ่นละออง
หน้ากากกรองฝุ่นละอองมีหลากหลายชนิด แต่รุ่นที่ทุกคนรู้จักและนิยมคือ N95 เพราะนับเป็นไอเท็มแรกที่ทุกคนควรมีโดยแนะนำให้สวมใส่ติดใบหน้าเมื่อออกจากบ้าน ออกจากรถ หรืออยู่กลางแจ้ง เพราะหน้ากากชนิดนี้สามารถป้องกันฝุ่นที่มีขนาดเล็ก 0.3 ไมครอน ได้อย่างน้อย 95%
หน้ากากป้องกัน PM 2.5 ก็มีให้เลือกหลากรุ่น หลายรูปแบบ ตั้งแต่แบบมีวาล์ว แบบไม่มีวาล์ว แบบสายคล้องคาดศีรษะ แบบสายคล้องหู ที่ผ่านการออกแบบมาเพื่อปกป้องฝุ่น PM 2.5 และเพิ่มความสบายขณะสวมใส่ให้มากขึ้น แต่สิ่งสำคัญในการสวมใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นละออง คือขอให้เลือกสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
โดยเริ่มตั้งแต่สวมใส่ให้ถูกวิธี จัดวางปรับให้กระชับกับใบหน้า ไม่ดัดแปลงหน้ากาก และขณะสวมใส่หน้ากากต้องประเมินการหายใจของตัวเองเป็นระยะ เพื่อให้อากาศที่เราหายใจเข้าไปถูกกรองจะผ่านชั้นกรองของหน้ากากโดยไม่รั่วตามช่องว่างระหว่างหน้ากากกับใบหน้า เพื่อประสิทธิภาพในการกรองอากาศและลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยหรือเกิดโรคจากอนุภาคปนเปื้อนในอากาศชนิดต่างๆ
หน้ากากป้องกันฝุ่นละอองที่ได้มาตรฐานกันฝุ่น PM 2.5
2.เครื่องฟอกอากาศ
แม้ว่าภายในบ้านจะมีประตู หน้าต่าง คอยป้องกันฝุ่นในระดับหนึ่งแล้ว แต่ฝุ่นจิ๋ว PM2.5 จะเล็ดลอดเข้ามาได้ อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยปกป้องสุขภาพของเราให้ปลอดภัย คือ การใช้เครื่องฟอกอากาศที่ได้มาตรฐาน แนะนำเทคนิคง่ายๆ ในการเลือกเครื่องฟอกอากาศให้กับคุณว่าควรเลือกใช้แผ่นกรองที่มีประสิทธิภาพสูง
ประเภท Electrostatic ที่เรียกว่าแบบไฟฟ้าสถิตย์ แผ่นกรองแบบ HEPA Filter ชั้นคุณภาพ H13 (High Efficiency Particulate Air) เป็นอย่างน้อย
จึงจะสามารถดักจับอนุภาคที่เล็กกว่า 0.3 ไมครอนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยใช้หลักการกรองแบบเดียวกับแม่เหล็กดูดฝุ่น ตัวกรองไม่ขวางทางลม ให้ประสิทธิภาพในการกำจัดฝุ่นละอองในอากาศได้ดี นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงแผ่นกรองที่ใช้เทคโนโลยีทำให้เกิดประจุไฟฟ้า โดยปล่อยก๊าซโอโซนออกมา เพราะบางครั้งอาจส่งผลอันตรายต่อสุขภาพได้
นอกจากนี้ ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของเครื่องกับพื้นที่ใช้งาน เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นมีประสิทธิภาพในการทำงานครอบคลุมพื้นที่ที่แตกต่างกัน ดังนั้น ผู้ใช้งานจึงควรเลือกให้สัมพันธ์กับพื้นที่ แต่ก็ไม่ควรมากเกินไปเพราะจะทำให้เปลืองไฟ และควรพิจารณาพื้นที่ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศภายในบ้านอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการใช้งาน เช่น ในห้องเด็ก หรือห้องผู้สูงอายุ เป็นต้น
การเลือกเครื่องฟอกกรองอากาศ
3.ฟิลทรีตท์ แผ่นดักจับสิ่งแปลกปลอมในอากาศ
ในเรื่องของการฟอกอากาศ อาจจะไม่ได้หมายถึงการใช้เครื่องฟอกหรือเครื่องกรองอากาศเพียงอย่างเดียวครับ เพราะสำหรับบ้านหรือออฟฟิศที่มีเครื่องปรับอากาศอยู่แล้ว ก็มีอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่จะช่วยสร้างอากาศดีๆ ได้แบบง่ายๆ คือการใช้แผ่นฟิลทรีตท์ หรือที่เราเรียกว่าแผ่นดักจับสิ่งแปลกปลอมในอากาศ มาติดหน้าแผ่นกรองหยาบของเครื่องปรับอากาศเอาไว้ แล้วก็ประกอบกลับไปในเครื่องตามเดิมเพื่อใช้งานตามปกติ
โดยแผ่นฟิลทรีตท์ผลิตจากเส้นใยโพลีไพรพิลีน มีคุณสมบัติดักจับอนุภาคในอากาศที่มีขนาดเล็กเพียงหนึ่งไมครอนเท่านั้น ซึ่งจะทำหน้าที่ได้เหมือนกับแผ่นกรองในเครื่องฟอกอากาศเลย แต่ต่างกันตรงที่ ฟิลทรีตท์จะใช้กับเครื่องปรับอากาศภายในบ้านได้ทันที เป็นการปรับการหมุนเวียนอากาศผ่านแอร์ที่บ้านเรามีอยู่แล้ว หลังจากติดจะทำให้อากาศดีขึ้นถึง 60 เท่าเมื่อเทียบกับใช้เครื่องปรับอากาศเพียงอย่างเดียว
ก็เป็นสามอุปกรณ์หาซื้อไม่ยาก ใช้งานง่ายๆ ที่จะช่วยป้องกันฝุ่น PM 2.5 ที่ลอยทั่วเมืองได้อย่างได้ผลจริง จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเสียตังค์ไปกับสิ่งที่ใช้แล้วก็ไม่ได้ผลอย่างที่มันควรจะเป็นกันครับ
ขอบคุณข้อมูลความรู้จากทาง 3 เอ็ม ประเทศไทยครับ