PMH Holding (พีเอ็มเอช โฮลดิ้ง) สตาร์ทอัพไทยด้าน IOT รายแรกที่สามารถนำสินค้าภายใต้ชื่อแบรนด์ POMO เข้าสู่ตลาดโลกได้สำเร็จ หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับบริษัทพาร์ตเนอร์ในอเมริกาและยุโรป ปีนี้ถึงเวลาที่กลับมาโฟกัสตลาดในเมืองไทย โดยได้นำเอา Technology ที่ได้เรียนรู้มาในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมาพัฒนาเป็น product ใหม่ๆ
โดยจะเริ่มมีการทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ภายใต้แบรนด์ POMO เริ่มจาก รุ่น W4x ซึ่งถือเป็นสมาร์ทวอช ติดตามตัวสำหรับเด็กรุ่นล่าสุด โดยมีฟังก์ชั้นที่น่าสนใจหลักๆ เช่น การวัด Heart rate แสดงอัตราการเต้นของหัวใจของคนที่คุณรักอย่างแม่นยำ 24/7 เทคโนโลยี Quick touch ช่วยให้คุณดึงการอ่านอัตราการเต้นของหัวใจเพื่อให้แน่ใจว่าหัวใจ แข็งแรงและสุขภาพดีเสมอ ตรวจจับ Blood Pressure ความดันโลหิต ตรวจจับการไหลเวียนของเลือดตลอดทั้งวันและบันทึกไว้ในแอปเพื่อให้คุณมีข้อมูลในเพื่อพัฒนาสุขภาพ ของเด็กๆให้ดีขึ้น
Sleep tracking ติดตามการนอนหลับ มีการติดตามการนอนหลับอัตโนมัติและแม่นยำ และจะให้ภาพรวมของการนอนหลับ เพื่อพัฒนาคุณภาพการนอนหลับและสร้างนิสัยการนอนหลับที่ดีสำหรับลูกๆของคุณ และ FITNESS การออกกำลังกาย สร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพตั้งแต่เนิ่นๆด้วยฟีเจอร์การออกกำลังกาย ฟีเจอร์นี้จะนับและติดตามจำนวนก้าว ของลูกทุกวันเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและสุขภาพที่ดีของร่างกาย
ความสามารถของ POMO W4x
1 . Location
- เช็คตำแหน่งปัจจุบันของนาฬิกาตามเวลาที่ตั้งไว้ (ทุกๆ x นาที)
- เช็คพลังงานแบตเตอรี
- สามารถอัพเดตจำนวนก้าวอัตโนมัติโดยไม่ต้องเข้าเมนู Fitness
- Calling
- สามารถโทรหารายชื่อที่อยู่ใน Contact
- Message
- ส่ง Sticker ตัวการ์ตูนไปยังรายชื่อใน Contact
- ส่งเสียง/อัดเสียงพูดตัวเอง ให้กับรายชื่อใน Contact
- สามารถโต้ตอบกับผู้ปกครองได้ด้วย Sticker ตัวการ์ตูนน่ารัก
- Group chat
- ส่ง Sticker ตัวการ์ตูนให้กับรายชื่อใน Contact แบบกลุ่มได้
- ส่งเสียง/อัดเสียงพูดตัวเอง ให้กับรายชื่อใน Contact แบบกลุ่มได้
- ผู้ปกครอง/รายชื่อใน Contact สามารถพูดคุยกับเด็กผ่านแชทแบบกลุ่มได้พร้อมกันหลายคน
- Video Call
- เด็กสามารถโทรพูดคุยกับผู้ปกครอง/รายชื่อใน Contact แบบเห็นหน้าตัวเองและปล่ยสายได้
- Heart rate
- สามารถวัดชีพจรเด็กได้
- ตรวจสอบได้ว่ามีชีพจรผิดปกติไหม เพื่อเตรียมความพร้อมต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้น
- Blood pressure
- วัดความดันปัจจุบันของเด็กได้
- เตรียมพร้อมป้องกันหากเด็กมีความดันผิดปกติ
- Sleep tracking
- ตรวจวัดการนอนของเด็กว่านอนหลับสนิทไหม
- ผู้ปกครองสามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์ได้ว่าเด็กนอนเต็มอิ่มไหม มีผลต่อระบบในร่างกายไหม
- เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถวิเคราะห์และปรับแต่งสิ่งแวดล้อมในห้องนอนของเด็กได้
- Fitness
- วัดจำนวนก้าวที่เดินของเด็ก
- นำจำนวนก้าวมาวิเคราะห์ปริมาณ Kcal ที่เผาผลาญจากการเดิน
- นำจำนวนก้าวมาวิเคราะห์ระยะทางคร่าวๆ ที่ได้จากการเดิน
- สามารถประเมิณได้ว่าเด็กมีการเดิน/การทำกิจกรรมมากน้อยเพียงใด
- สามารถนำจำนวนก้าวไปเข้าร่วมแคมเปญในอนาคตได้
- Alexa
- เป็นการพูดคุยตอบโต้กับระบบอัจฉะริยะ (AI) ทำให้เด็กใช้ความคิดมากขึ้น
- มีเกมส์เบาสมองให้เด็กเล่นคลายเครียด
- ในอนาคต สามารถผนวกฟังก์ชันให้สามารถใช้งานกับอุปกรณ์อื่นได้
- ช่วยพัฒนาทักษะการพูด การฟังของเด็ก
- Translate
- ช่วยในการแปลภาษา/คำศัพท์ บางคำที่เด็กไม่รู้
- ใช้ในการพูดคุยสื่อสารกับเด็กต่างชาติได้
- เลือกภาษาในการแปลได้ 7 ภาษา
- Scheduler
- แจ้งเตือนกิจกรรมบางอย่างแก่เด็ก
- เลือกช่วงวัน/เวลา ในการแจ้งเตือนแต่ละกิจกรรม (เพิ่มความหลากหลาย)
- ฝึกให้เด็กมีวินัยในการทำกิจกรรมตามช่วงเวลาที่กำหนด
- Child mornitor
- โทรเข้านาฬิกาแล้วรับสายอัตโนมัติโดยที่หน้าจอนาฬิกาไม่แสดงสายเข้า
- ตรวจสอบว่าเด็กๆ กำลังทำอะไรอยู่ หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน
- Safe zone
- กำหนดขอบเขตพื้นที่เพื่อตรวจเช็คว่าเด็กยังอยู่ในบริเวณที่กำหนด ภายในระยะเวลาที่ตั้งไว้ไหม
- กำหนดรัศมีของพื้นที่ได้ว่ากว้างมากแค่ไหน
- กำหนดได้หลายจุด
- Where Am I
- เด็กสามารถตรวจเช็คตำแหน่งปัจจุบันของตนเองได้ หากพลัดหลงกับผู้ปกครอง
- Music
- สามารถเพิ่มไฟล์เพลงลงในนาฬิกาให้เด็กฟังได้
- สามารถเพิ่มไฟล์นิทาน/ไฟล์เสียงอื่นๆ ที่มีประโยชน์ ให้เด็กฟังได้
- เด็กสามารถกดหยุดเพลง เลื่อนเพลงไปข้างหน้า/ย้อนกลับ ได้
- Theme
- สามารถเลือก Theme ที่เป็น Background หน้าจอหลักของนาฬิกาได้
ราคาจำหน่าย 6,990 บาท
นายฉัตรชัย ตั้งจิตตรง CEO/Co Founder บริษัท PMH Holding Co.ltd (พีเอ็มเอช โฮลดิ้ง จำกัด) ให้ข้อมูลว่า
“สำหรับแบรนด์ POMO นั้นเราได้เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2015 โดยเริ่มจากการทำการตลาดในประเทศไทย ซึ่งภายหลังในปี 2017 เรามองเห็นโอกาสของธุรกิจในหลายประเทศในทวีปอเมริกา จึงได้ทำการจัดตั้งบริษัท POMO HOUSE INTERNATIONAL LLC ในประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อความคล่องตัวในการทำงานและการขยายตัวของบริษัทในตลาดในทวีปอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ค่อนข้างเสี่ยงมาก เพราะหลังจากการตัดสินใจครั้งนั้นทำให้เราต้องลดการทำการตลาดและทีมงานในประเทศซึ่งเคยเป็นรายได้หลักของบริษัทและทุ่มทีมงานเกือบทั้งหมดไปพัฒนาสินค้าให้ได้มาตราฐานและการยอมรับจากทั้งลูกค้าและคู่ค้าในต่างประเทศ ณ. เวลานี้เราค่อนข้างประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก ในหลายๆประเทศในทวีปอเมริกา โดยขณะนี้สัดส่วนการขายของบริษัทจากสหรัฐอเมริกานั้นมีสัดส่วน ประมาณ 60% เมกซิโก 25% ส่วนที่เหลือ 15% จะมาจากประเทศอื่นๆ โดยในปี 2563 เราได้ผลิตสินค้าไปประมาณ 40,000 ชิ้น
โดยในปี 2563 ทางบริษัทได้มีการร่วมพัฒนา ระบบ Platform IoT ทางด้านสุขภาพ (Life Connect) โดยมุ่งเน้นไปที่การดูแลผู้สูงอายุเป็นหลัก และเรื่องที่เราภูมิใจคือ Platform ของเราได้ถูกใช้ใน เพื่อช่วยในการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยอัลไซเมอร์ กว่า 30 แห่ง ในรัฐฟลอริดา ประเทศอเมริกา ในโครงการดูแลผู้สูงอายุ Grand Villa Senior Living ซึ่งแต่ละแห่งมีผู้สูงอายุ 60-70 คน โดยเราจะติดตามเรื่องข้อมูลสุขภาพ เรื่องของความปลอดภัย ในกรณีที่ผู้สูงอายุเป็นอัลไซเมอร์ออกไปจากศูนย์ก็ติดตามตัวได้ และมีเครื่องมือในการขอความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินได้ ซึ่งมีการเซ็นสัญญาเป็นที่เรียบร้อย และใช้งานจริงแล้วในเดือนตุลาคม 2020 ที่ผ่านมา
และอีกหนึ่งโครงการคือ การใช้ Platform POMO Life Connect ในโครงการ Hotel Bubble เพื่อช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว หมู่เกาะเคย์แมน ซึ่งอยู่ในเครือสหราชอาณาจักร ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 เนื่องจากในโซนหมู่เกาะเคย์เมน และ คาริบเบี้ยน ได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวในช่วงโควิดระบาด เราจึงได้เสนอโปรเจคนี้ไปและได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาที่เกาะ จะได้รับริสต์แบนด์ของ POMO ที่ต้องใส่ในระหว่างกักตัว เพื่อที่จะสามารถประเมินผลด้านสุขภาพได้ตลอดเวลา โดยในระหว่าง 14 วันช่วง Quarantine นักท่องเที่ยวจะสามารถย้ายโรงแรมที่พักได้ แต่ต้องเป็นโรงแรมที่อยู่ในโครงการ bubble hotel ซึ่งใน Phase แรกจะมีทั้งหมด 6 โรงแรม และพอครบ 14 วันก็ต้องตรวจหาเชื้อโควิดอีกรอบ ถ้าไม่พบเชื้อก็สามารถเดินทางเข้าพื้นที่ส่วนอื่นๆในประเทศได้ ซึ่งตอนนี้ได้มีการเริ่มเฟสทดลองไปแล้วเมื่อ 1 พ.ย. ซึ่งเดือนหน้านี้เราต้องส่งไปทั้งหมด 5,000 เครื่อง ไปจนถึงครึ่งปีหน้าประมาณ 30,000 เครื่อง
สำหรับเมืองไทยเราได้รับการสนับสนุนที่ดีจาก DEPA หรือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งในตอนนี้เราได้มีการเริ่มใช้โมเดลเดียวกันนี้ กับผู้ประกอบการการท่องเที่ยวทางเรือในจังหวัดภูเก็ตเราเซ็น MOU ความร่วมมือกับบริษัท โฟล คอร์ปอเรชั่น จำกัดที่ ที่ดูแลโครงการ Smart Port ที่ท่าเรืออ่าวปอ จ.ภูเก็ต เพื่อเตรียมรองรับนักท่องเที่ยวบางส่วนที่กำลังจะเดินทางเข้ามา โดยหลักการคือ นักท่องเที่ยวจะนำเรือข้ามน่านน้ำมาในประเทศไทย หลังจากนั้นทางจังหวัดกับท่าเรือจะส่งทีมแพทย์ขึ้นไปตรวจสุขภาพ เราก็ทำเป็นริสแบนด์ไปให้นักท่องเที่ยวสวมตลอดเวลาช่วงระหว่างการ Quarantine ซึ่งเราจะมีการตรวจจับเรื่องสุขภาพและอุณหภูมิของร่างกายเขาตลอดเวลาว่ามีไข้หรือไม่ แล้วรายงานข้อมูลผ่านระบบ IoT ของทางเราเข้ามาที่ทีมแพทย์หรือคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากจังหวัดให้ดูแลข้อมูล ซึ่งระบบนี้ก็จะสามารถช่วยในเรื่องความปลอดภัยด้านสุขภาพของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้มากขึ้น และมีความแม่นยำในการตรวจสอบได้ง่าย
หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับบริษัทพาร์ตเนอร์ในอเมริกาและยุโรป ปีนี้คงถึงเวลาที่เราจะกลับมาโฟกัสตลาดในเมืองไทย โดยเราได้นำเอา Technology ที่เราได้เรียนรู้มาในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมาพัฒนาเป็น product ใหม่ๆอีกหลายตัว โดยเราจะเริ่มมีการทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ภายใต้แบรนด์ POMO เริ่มจาก รุ่น W4x ซึ่งถือเป็นสมาร์ทวอช ติดตามตัวสำหรับเด็กรุ่นล่าสุด”