พรีวิวแรกสัมผัสลองใช้จาก AppDisqus หลังสัมผัสกับสองสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จากทาง Huawei โดยเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นกลางสองตัวที่ออกมาเป็นแพ็คคู่ครับ นั้นคือ Nova 3 และ Nova 3i ซึ่งต่อยอดจากความสำเร็จของ Nova 2i ที่เปิดจำหน่ายไปก่อนหน้านี้
Nova 3 และ Nova 3i ต้องนับเป็นสมาร์ทโฟนสี่กล้องที่มาพร้อมกับชิป AI รุ่นแรกของโลกนะครับ แถมเป็นกล้องความละเอียดสูง 24 ล้านพิกเซล แล้วมี AI คอยทำงานให้ด้วยแบบนี้ ก็ย่อมน่าสนใจ เรามาดูรายละเอียดภายในของเครื่องทีละรุ่นกันดีกว่า
Huawei Nova 3i
Nova 3i เป็นรุ่นรองนะครับ แต่ก็จอใหญ่ครับ มาพร้อมกับหน้าจอ 6.3 นิ้วจอใหญ่ยักษ์ ใช้ Fullview display รุ่นใหม่ที่มีขอบจอเล็กกว่ารุ่นเดิม เพราะขนาดเครื่องโดยรวมเท่าๆ กับ Nova 2i แต่จอใหญ่ขึ้นเยอะเลย
ใช้ดีไซด์แนวใหม่ของ Huawei แบบไล่เฉดสีเหมือนเครื่อง Huawei P20 ซีรีย์เลยครับสำหรับฝาหลัง มีเฉดสีจากฟ้าไล่ไปหาสีม่วงซึ่งเป็นสีที่เด่นที่สุดของ Huawei ก็มีอยู่ในรุ่นนี้ครับ
โดยการผลิตฝาหลังไล่เฉดสีแบบนี้ จะอาศัยเทคโนโลยีซ้อนชั้นกระจกหลายชั้นผสมสีกันให้เกิดการไล่เฉดสี ซึ่งนับเป็นงานผลิตชั้นสูงทีเดียว ซึ่งบางแบรนด์จะหนีไปใช้วัสดุพลาสติกในการทำสีแนวนี้ซะมากกว่าเพราะผลิตยากและต้นทุนสูง ซึ่งทาง Huawei ยังมีการพัฒนา nanometer เพื่vใช้เพิ่มความเงางามของพื้นผิวให้ Nova 3i มากขึ้นไปกว่าปกติด้วย ฉะนั้นมันจะเงาและสีเลื่อมมากยามต้องแสงครับ
Nova 3i รองรับการใช้ซิมการ์ด 4G ได้ทั้งสองซิมครับ เป็นเครื่องระดับกลางที่รองรับ Dual 4G ครับ มี
งานการออกแบบยกระดับมากขึ้นให้ใกล้เคียงกับเรือธงเลยสำหรับ Nova 3i รอดูตัวจริงกันได้ที่ไทยครับ ซึ่งผมชอบสีขาวเป็นพิเศษในรุ่นนี้ ^^
กล้องถ่ายภาพ
Nova 3i เป็นอีกหนี่งรุ่นของ Huawei ที่มาพร้อมกล้องถ่ายภาพแบบสี่กล้อง และยังมาพร้อมกับ AI ซึ่งเป็นจุดไม้ตายของ Huawei ถูกใส่เข้ามาใส่รุ่นระดับกลางตัวนี้แล้วครับ
ในด้านฮาร์ดแวร์นั้นใช้กล้องหน้าความละเอียดสูง 24ล้านพิกเซล ค่า f2.0 ทำงานคู่กับกล้อง 2 ล้านพิกเซลเพื่อการทำภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ มาพร้อมระบบการสแกนลายนิ้วมือด้านหลังกับสแกนใบหน้าผ่านกล้องหน้าคู่ของมัน
แต่ที่สำคัญคือสิ่งใหม่ๆ อย่าง AI Selfies ตอนนี้ระบบซีนในการตรวจจับสิ่งที่จะถ่ายทำได้ด้วยกล้องหน้าแล้วครับ มีการใส่ซีนให้กล้องหน้าเข้ามาถึง 8 ประเภท เช่น ดอกไม้ ชายหาดเป็นต้น
ถามว่าระบบซีนกล้องหน้าใช้ทำอะไรเพราะส่วนใหญ่ถ่ายแต่คน?
มันทำงานแบบนี้ครับ โดยตัวกล้องจะจับวัตถุ บุคคล และรวมถึงองค์ประกอบฉากหลังด้วยว่าเราถ่ายภาพเซลฟี่อยู่ในสถานที่ใด หรือมีองค์ประกอบอะไรบ้างในภาพ เช่นไปเซลฟี่ริมทะเล อารมณ์ภาพที่กล้องวิเคราะห์ก็จะปรับออกมาให้เหมาะสมกับแสงชายหาดมากขึ้นนั้นเอง ทำให้การเซลฟี่ต่อไปนี้นอกจากจะใส่ใจกับใบหน้าบุคคลแล้ว ยังปรับให้เหมาะกับฉากหลังไปด้วยพร้อมกัน
ระบบ AI ตัวใหม่นี้ มาพร้อมกับระบบบิวตี้โหมดตัวใหม่ด้วยนะครับ ระบบอัลกอริทึ่มสำหรับวิเคราะห์ใบหน้าแบบ 3D จับทั้งสีผิวและลักษณะของใบหน้า รวมถึงใส่ HDR Pro เพื่อแก้ไขสถานการณ์ย้อนแสง ที่ทำให้บางส่วนของภาพหรือใบหน้ารายละเอียดหายไป
ซึ่ง HDR Pro จะใช้เซ็นเซอร์พิเศษในการจับภาพแบบ HDR และแสดงผลให้เราเห็นก่อนถ่ายได้แบบเรียลไทม์เลยครับ ไม่จำเป็นต้องให้กล้องถ่ายก่อนแล้วค่อยรวมภาพเหมือน HDR ระบบเก่า ซึ่งเราจะเห็นผลลัพท์ตอนถ่ายเสร็จแล้วเท่านั้น นี้ก็เป็นหนึ่งสิ่งที่ AI ของเครื่องเป็นตัวจัดการสิ่งนี้ให้เราอยู่เบื้องหลังครับ ฉะนั้นเซลฟี่ย้อนแสงกันได้แล้วนะ ^^
และมีการใช้เซ็นเซอร์กล้องแบบใหม่ของ Huawei ที่เรียกว่าเทคโนโลยี Light Fusion เป็นเทคนิคการนำพิกเซลสี่ตัวที่อยู่ใกล้กันมาทำงานรวมกันเป็นหนึ่งเพื่อชดเชยแสงในที่แสงไม่พอได้มากขึ้นครับ
มีการนำ AI มาทำงานร่วมกันกับ 3D Qmoji หรือลูกเล่นการสร้างตัวอีโมจิจากใบหน้าของเรา ตอนนี้กำลังฮิตฉะนั้นมันเลยต้องมี ^^ ตัว Qmoji แสดงผลแบบเรียลไทม์ให้เราเห็นตามการขยับหน้า เลือกเป็นตัวละครต่างๆ ได้ 8 แบบ (เบื้องต้น) และนำออกมาเป็น GIF เพื่อแชร์ต่อผ่านแพลตฟอร์มที่รองรับ GIF ได้ทั้งหมดครับ
กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล และ 2 ล้านพิกเซล ทำงานคู่กัน และแน่นอนว่ามาพร้อมกับ AI ที่แยกแยะภาพถ่ายได้มากถึง 22 ซีน ซึ่งเครื่องเรียนรู้เอาไว้จากภาพกว่าร้อยล้านภาพที่ Huawei ทำไว้เพื่อสอนให้ AI วิเคราะห์ มี AI สำหรับการวิเคราะห์ทำภาพ Bokeh โดยเฉพาะ ออกแบบมาสำหรับการกำหนดภาพหน้าชัดหลังเบลอให้คม ให้ฉลาด และได้ผลลัพท์ที่สวยได้ง่ายมากกว่าเดิมไปอีก เรียกว่าด้านการทำภาพชัดลึกชัดตื้น ทาง Huawei ไม่มีการหยุดพัฒนาเลยครับแม้จะทำออกมาได้ดีมากๆ แล้วก็ตาม
และ AI ยังมีหน้าที่ในการปรับภาพถ่ายแบบกลุ่ม โดยมีการกำหนดพื้นที่ในการถ่ายภาพหมู่ที่จะแก้ปัญหาบุคคลข้างๆ ภาพ มีความบิดเบือนหรือตัวยืดผิดทรงกว่าคนตรงกลางภาพให้ครับ ตัวกล้องสามารถถ่ายวีดีโอสโลว์ได้ในระดับ 480 เฟรมเรทต่อวินาที
ด้านการประมวลผลก็มีของใหม่มานำเสนอครับ เพราะเราจะได้พบกับ Huawei Kirin 710 ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลตัวใหม่ที่มาพร้อมกับ AI ครับ ใช้เทคโนโลยีการผลิต 12 นาโน เป็นชิพเซ็ตแบบแปดหัว โดยสี่หัวตัวแรงจะเป็น A73 2.2 GHz และสี่หัวตัวรองเน้นประหยัดไฟ ใช้ A53 1.7 GHz ทาง Huawei กล่าวว่า Kirin 710 แรงกว่า Kirin 659 ตัวเดิมที่ใช้ใน Nova 2i ถึงสองเท่า หรือแรงประมาณ Snapdragon 660 ที่กำลังนิยมนำมาใช้กันในรุ่นอื่นๆ ครับ
และด้วยความที่หน่วยประมวลผลแรงขึ้น ฉลาดขึ้น แม้ตัวกล้องยังจะใช้ฮาร์ดแวร์เดิม แต่ผลลัพท์ไม่เหมือนเดิมแน่นอนครับ
ส่วนความแตกต่างของ Kirin 710 และ Kirin 910 หลักๆ ต่างกันที่ความเร็วสูงสุด และภายในของ Kirin 910 จะมีชิพ NPU เพิ่มเข้ามาโดยเฉพาะ แต่สำหรับ Kirin 710 หรือพวก Snapdragon ที่มี AI จะใช้ CPU ในการทำงานด้าน AI นั้นเอง
มีหน่วยความจำภายใน 128 GB แรม 4 GB แบตเตอรี่ 3,340 mAh เหมาะสำหรับการเล่นเกม และยังมี AI ตามมาในด้านการเล่นเกมอีกด้วย เรียกว่า AI Game Suite ครับ โดย AI ตัวนี้มันจะรู้ว่าเรากำลังเล่นเกมอยู่ แล้วมันจะปรับการทำงานของเครื่องให้เหมาะกับการเล่นเกม เช่นแสดงสายเรียกเข้าเป็นป๊อบอัพโดยไม่ขัดขวางการเล่นเกมนั้นเองครับ
มีการใช้ระบบ GPU turbo เข้ามาช่วยในขณะเล่นเกมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หลายคนอาจจะเห็นจากข่าวแล้วว่า ระบบ GPU Turbo สามารถเข้ามาช่วยเพิ่มเฟรมเรตให้กับการเล่นเกมได้จริง แต่ที่จริงแล้ว GPU Turbo ยังช่วยในด้านอื่นๆ เช่นการใช้งาน AR และ VR ด้วยนะครับ ซึ่งสองส่วนนี้จะเริ่มมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ในวงการเกม
Huwei Nova 3
หลักๆ จะเหมือนกันกับ Nova 3i ครับ แต่จะระดับสูงกว่า โดยมีส่วนภายนอกที่ต่างกับ 3i ด้วยการใช้กระจกด้านหลังเป็น 3D ซึ่งโค้งกว่า 2.5D ใน Nova 3i ทำให้เครื่องโดยรวมดูบางและโฉบเฉี่ยวกว่าครับ
มีการปรับมาใช้กล้องหลัง 24 ล้านพิกเซล + 16 ล้านพิกเซล f1.7 หมายถึงกล้องหลังจะมีความละเอียดสูงกว่า Nova 3i ในด้านฮาร์ดแวร์กล้องครับ และ Nova 3 จะมาพร้อมกับ Kirin 970 ทำให้เจ้าตัวนี้เคียงบ่าเทียบชั้นเรือธงด้านความแรงได้เลยครับ เพราะมีแรมมาให้ถึง 6GB
มีระบบสแกนลายนิ้วมือและสแกนใบหน้า สามารถสแกนใบหน้าได้ทุกสภาพแสงด้วยอะ! เพราะ Nova 3 มี IR เซ็นเซอร์ ที่จะเข้าทำหน้าที่แทนตัวกล้องหน้าในการสแกนใบหน้าในที่มืดนั้นเอง
แบตเตอรี่ใหญ่ 3750 mAh มีระบบชาร์จเร็วของ Huawei ด้วยในรุ่นนี้ ครบครันสุดๆ
ความแตกต่างของเครื่องทั้งสองรุ่นก็คือการออกแบบภายนอก โดยเฉพาะความบาง พอร์ตชาร์จใต้เครื่อง และที่ชาร์จที่ให้มาต่างกันเพราะ Nova 3 รองรับระบบชาร์จไวและใช้ USB Type-C เครื่องทั้งสองรุ่นมีเคสมามาให้ทั้งคู่ครับ
หลักๆแล้ว ก็มีการปรับแต่งภาระงานของ AI ให้ชัดเจนและมีประโยชน์มากขึ้นไปอีก พร้อมเปิดตัวหน่วยประมวลผลใหม่ระดับกลางที่มี AI ออกมาอีกหนึ่งรุ่น โดยออกแบบตัวเครื่องทั้งคู่ได้สวยครับ จอใหญ่เครื่องเล็กและบาง โดยเฉพาะ Nova 3 ที่ด้านหลังเป็น 3D ทำให้ขอบเครื่องบางมากเป็นพิเศษ แบบที่นึกไม่ถึงเลยว่าแบตเตอรี่ข้างในจะใหญ่ถึง 3,750 mAh มีความบางและดูวัยรุ่นมากครับกับสีสันและทรงเครื่องของมัน
ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในบ้านเราต้องรอการประกาศจาก Huawei ประเทศไทยกันก่อนนะครับ ซึ่งจะมีการเปิดตัวในวันที่ 19 กรกฏาคมเป็นต้นไป ที่แน่ๆ ตือมีการนำเข้าจำหน่ายแน่นอน ซึ่งผมบอกได้แค่ว่า สเปคระดับนี่ เรือธงชัดๆ แต่ราคาขายจะใกล้ๆ กับรุ่นเดิมที่เป็นราคาตลาดกลางๆ ^^ ฉะนั้นฮิตถล่มทลายอีกแน่นอน