iPad Pro 9.7 เป็นแท็ปเล็ตรุ่นล่าสุดจาก Apple Apple ซึ่งมีความตั้งใจให้มันมาแทนที่การทำงานบน Notebook เลยทีเดียว ซึ่งมาพร้อมสเปคระดับสูง และการใช้งานที่ง่ายไม่ซับซ้อน สำหรับรุ่นก่อนหน้านี้มีขนาดหน้าจอใหญ่ถึง 12.9 นิ้วทำให้การพกพาดูจะเป็นเรื่องใหญ่ไปซักน่อย แต่สำหรับรุ่นล่าสุดมีการปรับขนาดหน้าจอลงมาอยู่ที่ 9.7 นิ้วมันจึงพกพาได้สะดวกไม่ต่างจาก iPad Air 2 เลย
สำหรับสัดส่วนตัวเครื่องอยู่ที่ 240 x 169.5 x 6.1 มม. และมีน้ำหนัก 437 กรัม (444 กรัมสำหรับรุ่นที่รองรับ 4G LTE) จะเห็นว่ามีขนาดที่บางและเบามากทีเดียวครับ โดยวัสดุยังคงใช้โลหะอลูมิเนียมเช่นเคย สเปคสูงขึ้นขนาดนี้แต่มีขนาดไม่แตกต่าง iPad Air 2 เลยเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนอย่าง iPad Pro 12.9 ซึ่งมีขนาด 305.7 x 220.6 x 6.9 มม. น้ำหนัก 713 กรัมจะเห็นว่า iPad Pro 9.7 มีขนาดที่เล็กและเบากว่าเยอะทีเดียว
iPad Pro 9.7 รองรับ 3G HSDPA 800 / 850 / 900 / 1700(AWS) / 1900 / 2100
4G LTE band 1(2100), 2(1900), 3(1800), 4(1700/2100), 5(850), 7(2600), 8(900), 12(700), 13(700), 17(700), 18(800), 19(800), 20(800), 25(1900), 26(850), 27(800), 28(700), 29(700), 30(2300), 38(2600), 39(1900), 40(2300), 41(2500)
ความเร็ว HSPA 42.2/5.76 Mbps, LTE Cat4 150/50 Mbps, EV-DO Rev.A 3.1 Mbps
หน้าจอ LED-backlit IPS LCD ขนาด 9.7 นิ้วความละเอียด 1536 x 2048 pixels (264 ppi), ความสว่างสูงกว่าเดิมเป็น 500 นิต, มาพร้อมเทคโนโลยี True-tone display ซึ่งจะช่วยให้ภาพบนหน้าจอดูคมชัดและสีสันสมจริงกว่าที่เคย โดยการใช้เซนเซอร์ตรวจจับสภาพแสงรอบตัวเครื่องแล้วปรับโทนสีของหน้าจอให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม, รองรับฟังก์ชั่น Retina Flash ซึ่งจะทำให้หน้าจอทำงานแทนไฟแฟลช เวลาที่เราถ่ายภาพ Selfie ในบริเวณที่แสงน้อย และปุ่ม Home มาพร้อมเซนเซอร์แสกนลายนิ้วมือ Touch ID
ในส่วนของกล้องบน iPad Pro 9.7 ก็ดูน่าสนใจมากครับมาพร้อมกล้อง iSight ความละเอียด 12MP ค่ารูรับแสง F2.2, ชุดเลนส์ 5 ชิ้น, มาพร้อม Focus Pixels และ Live Photos, Auto HDR, ถ่ายภาพพาโนรามา 63MP, ไฟแฟลชทูโทน ซึ่งเป็นครั้งแรกสำหรับ iPad นะครับที่มีไฟแฟลชติดมาให้แบบนี้ กล้องสเปคดีขึ้นมากครับดีกว่า iPad Pro 12.9 เยอะเลย และรองรับการบันทึกวีดีโอความละเอียดระดับ 4K (3840 x 2160) ที่ 30 fps และ HD 1080p ที่ 30 fps หรือ 60 fps, รองรับวิดีโอสโลว์โมชั่น ความละเอียด 1080p ที่ 120 fps และ 720p ที่ 240 fps, สามารถบันทึกวิดีโอไทม์แลปส์ได้ด้วย และมีระบบกันสั่น ในส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 5MP บันทึกวิดีโอระดับ HD 720p, ค่ารูรับแสง F2.2 เท่ากับกล้องหลัง
ตัวเครื่องมีทั้งพอร์ท Lightning และ Smart Connector สำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม Smart Keyboard ซึ่งจะช่วยให้เราใช้งานเจ้า iPad Pro 9.7 ได้อย่างจริงจังมากขึ้นในการทำงาน และ iPad Pro 9.7 ก็ยังคงมาพร้อมลำโพง 4 ตัวเหมือนกับ iPad Pro 12.9 สามารถสลับเสียงลำโพงซ้าย-ขวาได้ตามการหมุนหน้าจอโดยอัตโนมัติ และที่ขาดไม่ได้ควรจะซื้อติดเครื่องก็คือ Apple Pencil ซึ่งจะทำให้เราสามารถสร้างสรรค์งาน AW ดีๆได้อย่างง่ายดายบน iPad Pro หรือจะใช้ในเรื่องการทำงานประเภทอื่นๆก็ได้เหมือนกัน
สเปคภายในมาพร้อมชิปเซ็ต Apple A9X Dual-core 2.16 GHz 64 bit, GPU PowerVR Series 7, RAM 2GB, หน่วยความจำภายในมีให้เลือกซื้อ 3 ความจุได้แก่ 32/128/256 GB
Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, hotspot, Bluetooth 4.2, A2DP, EDR, GPS, NFC, เซนเซอร์ Fingerprint, accelerometer, gyro, compass, barometer, แบตเตอรี่ความจุ 7306 mAh, มีให้เลือก 4 สี Silver, Gold, Space Gray, Rose Gold และทำงานบน iOS 9.3
เป็นยังไงครับเจ้า iPad Pro 9.7 น่าสนใจไม่เบาเลยนะ ด้วยขนาดที่บางและเบา กับสเปคที่ครอบครุมการทำงานไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องเล่น รวมทั้งแอพพลิเคชั่นคุณภาพสูงจำนวนมหาสาร พร้อมอุปกรณ์เสริมอย่าง Smart Keyboard และ Apple Pencil ทำให้ iPad Pro 9.7 เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้างเลยครับ
และใครที่กำลังสนใจ iPad Pro 9.7 อยู่ตอนนี้ ทรูมูฟ เอช มีโปรโมชั่นที่น่าสนใจมากครับ ให้ส่วนลดมากที่สุด เมื่อซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจ ตามเงื่อนไขที่กำหนด และผ่อนค่าเครื่องสบายๆ 0% นาน 10 เดือนกับแบงค์ที่ร่วมรายการ
รับส่วนลดค่าเครื่องสูงสุด 5,000 บาท พร้อมเน็ตรวมสูงสุด 40GB
ครอบคลุมทั้งลูกค้าใหม่ และลูกค้าปัจจุบันทรูมูฟ เอช แบบรายเดือน
รับส่วนลดค่าเครื่อง 4,000 บาท เมื่อสมัครแพ็กเกจ 4G+ Super Net 599 (ระยะสัญญา 12 เดือน)
พิเศษ สำหรับลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม แบบรายเดือน
รับส่วนลดค่าเครื่องเพิ่มอีก 1,000 บาท เมื่อสมัครแพ็กเกจ 4G+ Super Net 599 + รวมแล้วเป็นมูลค่า 5,000 บาท (ระยะสัญญา 12 เดือน)
และชำระค่าบริการรายเดือนล่วงหน้า 2,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งจะถูกนำไปแบ่งชำระเป็นส่วนลดแพ็กเกจ 200 บาท นาน 10 เดือน
มั่นใจกว่า กับ AppleCare “ทรูมูฟ เอช พร้อมเป็น Operator รายแรกที่ให้บริการการขาย AppleCare บน ACC Platform”
ACC Platform เป็นโปรแกรมที่อำนวยความสะดวกในการขายและการให้บริการกับลูกค้า โดยลงทะเบียนผลิตภัณฑ์ AppleCare ทางอิเล็กทรอนิกส์ (ลงทะเบียนอัตโนมัติ) ซึ่งมีข้อดีแก่ลูกค้าดังนี้
- ลูกค้าไม่ต้องกลับไปลงทะเบียนเองให้ยุ่งยากเหมือนซื้อแบบกล่อง โดยพนักงานที่ทรู ช้อปจะดำเนินการลงทะบียนให้ และระบบจะส่ง Email Confirmation Receipt จาก AppleCare ไปยังอีเมล์ลูกค้าโดยตรง
- ลูกค้าไม่ต้องกังวลกรณีที่ทำหลักฐาน หรือใบเสร็จหายเหมือนแต่ก่อน เพราะสามารถ Log in แล้วเข้าไปตรวจสอบการคุ้มครองและการรับประกันได้ที่ http://selfsolve.apple.com
AppleCare คือแผนบริการและความช่วยเหลือแบบครบวงจรที่ได้รับการสนับสนุนจาก Apple และเป็นการขยายความคุ้มครองเพิ่มเติมจากบริการที่มาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ iPad ซึ่ง AppleCare Protection Plan สำหรับ iPad จะขยายระยะเวลาคุ้มครองเพิ่มจากเดิม 1 ปี เป็น 2 ปี นับตั้งแต่วันที่คุณซื้อ iPad
AppleCare Benefits
- ขยายระยะเวลาคุ้มครองจาก 1 เป็น 2 ปี นับจากวันที่คุณ ซื้อ iPad
- ติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญของ Apple โดยตรง (จากเดิม 90 วันเป็น 2 ปี)
- คุ้มครองการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วน ทั้งค่าอะไหล่และค่าแรง โดยช่างเทคนิคที่ได้รับอนุญาตจาก Apple การให้บริการครอบคลุมอุปกรณ์ต่อไปนี้ iPad, แบตเตอรี่, สาย USB/Charger/Keyboard/Earphone และ Adapter แปลงไฟที่มาพร้อมกับเครื่อง
- ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.apple.com/th/shop/product/MC593TH/A/applecare-protection-plan-สำหรับ-ipad
น่าสนใจขนาดนี้ แล้วต้องไปซื้อที่ ทรูมูฟ เอช สาขาไหน? สามารถไปหาซื้อกันได้ตามสาขาที่ระบุได้เลย!