vivo X200 Pro สมาร์ตโฟนระดับเรือธงที่ดึงดูดความสนใจได้อย่างโดดเด่นในปี 2024 ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพที่ดีเลิศที่สุด รองรับการซูมภาพระกับ 100x ได้อย่างคมชัด!! พร้อมความสามารถด้านวิดีโอที่เหนือกว่ารุ่นใดๆ สามารถถ่ายวีดีโอ 8K และ 4K 60Fps Dolby Vision ได้ด้วยตัวเอง พร้อมกับระบบ AI ที่ไม่ใช่แค่ดูแลแก้ไขภาพนิ่ง แต่สามารถแก้ไขงานวิดีโอให้กับเราได้อีกด้วย
ยังมีการใส่นวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาครบให้ในทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่หน้าจอ การประมวลผล ไปจนถึงระบบปฏิบัติการล่าสุด ที่มี AI ซึ่งเหนือชั้นกว่ารุ่นใดๆ ที่เคยทำมา ส่งผลให้ vivo X200 Pro นับได้ว่าเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนในขณะนี้เลยครับ
vivo X200 Pro ได้เปิดตัวออกมาในกลุ่มผู้ที่ต้องการเครื่องระดับพรีเมียม โดยมีประกาศราคาและวันวางจำหน่ายออมาเรียบร้อยแล้ว โดยจจะมาพร้อมกับ vivo X200 ซึ่งเป็นรุ่นน้องที่เข้ามาเป็นตัวเลือกอีกรุ่นหนึ่ง และก่อนที่เราจะไปแนะนำคุณสมบัติที่น่าสนใจของ vivo X200 Pro ในบทความพรีวิวด้านล่าง ผมจะพามาดูความแตกต่างหลักๆ ของทั้งสองรุ่นกันก่อนครับ ว่ามีอะไรที่แตกต่างกันบ้างระหว่าง vivo X200 Pro และvivo X200 ในภาพรวมสรุปด้านล่างนีัครับ
• vivo X200 5G (12GB + 256GB) ราคา 29,999 บาท
• vivo X200 Pro 5G (16GB + 512GB) ราคา 39,999 บาท
การออกแบบและวัสดุ: สุนทรียภาพที่สวยงามผสานความทนทาน
vivo X200 Pro ถูกออกแบบด้วยความใส่ใจในรายละเอียดในทุกจุด ใช้วัสดุเกรดดีในการผลิต ดีไซน์ที่บางเฉียบเพียง 8.2 มม. ทำให้ vivo X200 Pro เป็นสมาร์ตโฟนที่จับถนัดมือและพกพาสะดวก มีน้ำหนัก 223 กรัม (สี Titanium Gray หนัก 228 กรัมและบาง 8.29 มม.) การออกแบบฝาหลังโค้งมนยังช่วยลดการกดทับมือในระหว่างใช้งานนานๆ
โครงเครื่องและปุ่มกดต่างๆ ถูกผลิตมาด้วยอลูมิเนียมอัลลอยด์ สวยงามและแข็งแกร่ง ตัวเครื่องที่มีเข้ามาจำหน่ายมีให้เลือกสองสีได้แก่ Titanium Gray สีเทาขัดเงาด้วยลวดลายพิเศษ ดูมีประกายแดสงและทรูทรา อีกหนึ่งสีคือ Midnight Black ที่เห็นในพรีวิวนี้ สีดำด้านที่เข้าได้กับทุกสถานการณ์ และดูเป็นมืออาชีพตามแบบสีคลาสสิก
ตัวเครื่องถูกผลิตขึ้นมาในมาตรฐาน IP68 และ IP69 ช่วยให้ vivo X200 Pro สามารถทนทานต่อน้ำและฝุ่นในระดับสูงสุด โดยสามารถทนน้ำได้ลึกถึง 1.5 เมตรนาน 30 นาที และทนต่อการฉีดด้วยเครื่องแรงดันน้ำสูงได้จากทุกทิศทางในอุณหภูมิสูงสุดถึง 80 องศา ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่อาจเสี่ยงต่อความเสียหาย ทั้งฝุ่นทั้งแดดทั้งฝนตกหนัก แม้จะหรูหราแต่ไม่บอบบาง
รองรับ 2 ซิมการ์ดแบบ nano รองรับ 5G Dual SIM Dual Standby โดยรุ่นนี้จะไม่รองรับการใส่ micro SDcard ได้เพิ่มเติมนะครับ และไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. เช่นเดิม
หน้าจอ AMOLED ระดับเรือธง: ประสบการณ์การใช้งานที่เต็มอิ่ม
หน้าจอขนาด 6.78 นิ้ว ของ vivo X200 Pro ได้รับการออกแบบมาเพื่อการแสดงผลที่ดีที่สุด ด้วยความละเอียดสูงถึง 2800×1260 พิกเซล ให้ภาพที่คมชัดและสีสันสดใส รองรับ HDR10+ ที่ช่วยเพิ่มมิติของภาพด้วยความลึกของสีดำและความสดของสี
ใช้เทคโนโลยี VM8 AMOLED ที่ใช้ในหน้าจอครั้งนี้สามารถสร้างความสว่างได้สูงถึง 4,500 นิตทำให้มองเห็นได้ชัดเจนแม้จะใช้งานภายนอกอาคาร ติดตั้งกล้องหน้า 32MP ใช้พื้นที่กล้องเล็กมาก
และขอบจอก็เล็กมาก เพราะใช้การออกแบบจอแบนดีไซน์ใหม่ Micro Quad Curved Screen ทำขอบมุมโค้งเพียงเล็กน้อยทั้ง 4 ด้าน เพิ่มความพรีเมียมและลดการสัมผัสที่เราไม่ได้ตั้งใจ แต่ยังคงสามารถติดฟิล์มได้ง่าย และให้อารมณ์การรับชมจอภาพแบบเต็มตาเหมือนจอแบนตามปกติ
รองรับการสแกนลายนิ้วมือหน้าจอโดยตรงด้วยระบบ 3D Ultrasonic สแกนได้แม่นยำและรวดเร็วมาก แม้นิ้วเราจะเปียกชื้นก็ตามครับ เป็นจอที่ให้อัตรารีเฟรช 120Hz ช่วยให้การแสดงผลลื่นไหล และเพื่อถนอมสายตาของผู้ใช้งาน vivo ได้ติดตั้งเทคโนโลยี Blue Light Filter ที่ลดแสงสีฟ้าอันเป็นอันตรายต่อดวงตา เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้งานสมาร์ตโฟนในระยะเวลานานๆ
ประสิทธิภาพของชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9400
หัวใจสำคัญของ vivo X200 Pro คือชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9400 ที่พัฒนาด้วยกระบวนการผลิตระดับ 3 นาโนเมตร ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลและลดการใช้พลังงาน เป็นชิปที่มีประสิทธิภาพสสูงที่สุดในตลาดสมาร์ตโฟน ณ ปัจจุบันครับ
Dimensity 9400 มีแกนประมวลผลแบบ 8 คอร์ ทุกแกนจะมีประสิทธิภาพสูงทั้งหมด (3.626 GHz × 1 + 3.3 GHz × 3 + 2.4 GHz × 4) รองรับการใช้งานที่ต้องการพลังประมวลผลสูง เช่น การเล่นเกมกราฟิกระดับ AAA หรือการตัดต่อวิดีโอ 4K และการสตรีมมิงในความละเอียดสูง ชิปเซ็ตตัวนี้ยังมีส่วนร่วมในการประมวลผลด้าน AI ด้วย NPU และช่วยเสริมความสามารถใหม่ๆ ในด้านการถ่ายภาพด้วยครับ เรียกได้ว่าเป็นต้นทุนทางสมอง ที่สามมรถคิดและวิเคราะห์ได้รวดเร็วมากกว่าเดิมอย่างมาก ความสามารถในการถ่ายภาพและการใช้งานต่างๆ จึงถูกพัฒนาขึ้นมาใช้งานได้บน vivo X200 Pro นั้นเองครับ ^^
ระบบกล้อง AI Triple Camera: พัฒนาสู่มิติใหม่ของการถ่ายภาพในมาตรฐานของ ZEISS
vivo X200 Pro มาพร้อมกล้องหลักความละเอียดที่สูงกว่ามาตรฐานเรือธงตัวอื่นๆ เพราะกล้องหลังสามตัวจะใช้ระบบกล้องแบบ 50MP+50MP+200MP มาพร้อมเทคโนโลยีการเคลือบเลนส์แบบ ZEISS T* Coating เพื่อให้ได้ภาพที่มีความใส เคลียร์ คมชัด ลดการเกิดโกสต์และแฟร์บนภาพไม่ว่าเราจะถือถ่ายด้วยมือในสภาพแสงใดก็ตาม
- กล้องหลักใช้เทคโนโลยี ZEISS True Color ติดตั้งเซนเซอร์ Sony LYT-818 50MP มีขนาดที่ใหญ่ 1/1.28″ เพื่อรองรับการเก็บรายละเอียดของภาพในทุกโหมดการถ่าย Zero-Shutter-Lag
- กล้องที่สองเป็น Ultra-Wide ใช้เซนเซอร์ Samsung ISOCELL JN1 50MP ขนาด 1/2.76″
- กล้องที่สามเป็นตัวทีเด็ด เทคโนโลยี ZEISS APO Telephoto ใช้เซนเซอร์ Samsung ISOCELL HP9 ที่มีความละเอียดสูง 200MP
กล้องทั้งสามตัวทำงานร่วมกับ ฟีเจอร์ AI ที่ติดตั้งในระบบกล้องช่วยปรับแต่งการถ่ายภาพโดยอัตโนมัติ ทำให้ภาพถ่ายคมชัดแม้ในสภาพแสงน้อย โฟกัสได้ไวและจับภาพเคลื่อนไหวได้คมชัดด้วย Zero-Shutter-Lag และทำให้การซูมภาพระดับ 100x ยังคงรายละเอียดที่คมชัดได้ในแบบที่สมาร์ตโฟนไม่เคยทำได้มาก่อน
กล้อง vivo X200 Pro ไม่ใช่เก่งแค่เรื่องของการซูมภาพ เพราะรุ่นนี้ยังยืนหนึ่งในเรื่องของการถ่ายภาพพอร์ตเทรตอีกด้วย ระบบถ่ายภาพด้วยการจำลองระยะต่างๆ ของเลนส์ในตำนานจาก ZEISS ยังคงคุณภาพระดับสูงของวงการได้เช่นเดิม
รองรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้มากมาย ทั้งในเรื่องของระยะ การละลายหลัง และเอกลักษณ์ของแสงและไฟโบเก้ เรียกได้ว่าพกสมาร์ตโฟนเครื่องเดียวก็ทดแทนอารมณ์การถ่ายภาพบุคคลจากเลนส์เกรดโปรได้หลายตัวเลยครับ
กล้องของ vivo X200 Pro ยังมีความสามารถอีกมากมายเลยครับ ทั้งก่อนการถ่ายและหลังการถ่าย รวมถึงงานวิดีโอด้วย สามารถติดตามรายละเอียดและตัวอย่างภาพถ่ายแบบเต็มๆ ได้จากในรีวิวของทาง Appdisqus ที่จะปล่อยให้ได้อ่านกันในเร็วๆ นี้นะครับ
เทคโนโลยีแบตเตอรี่และการชาร์จเร็ว
ประสิทธิภาพดีแล้ว ก็ต้องมีพลังงานที่มากเพียงพอด้วย แบตเตอรี่ของ vivo X200 Pro เป็นสมาร์ตโฟนที่มีความจุแบตใหญ่มากครับ 6000 mAh ด้วยเทคโนโลยีการผลิตแบบ BlueVolt ของ vivo ทำให้ภายในสมาร์ตโฟนที่มีขนาดเท่าๆ กัน ก็จะสามารถใส่แบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่กว่าคนอื่นเขาได้
รองรับระบบชาร์จ 90W FlashCharge และรองรับระบบชาร์จไร้สาย 30W ได้ด้วยครับ
อุปกรณ์ภายในกล่องก็มีที่ชาร์จ 90W FlashCharge สาย USB Type-C และเคสซิลิโคนแถมมาให้เรียบร้อย
vivo X200 Pro เป็นสมาร์ตโฟนที่ครบครันทุกความต้องการจริงๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป การถ่ายภาพระดับมืออาชีพ หรือการเล่นเกมกราฟิกสูง หากคุณกำลังมองหาสมาร์ตโฟนที่มอบความคุ้มค่าและประสิทธิภาพสูงสุดในปี 2024 vivo X200 Pro คือตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม โดยมีการประกาศราคาและโปรโมชั่นออกมาเรียบร้อยแล้ว เป็นโปรโมชั่นที่น่าดึงดูดเงินในกระเป๋าอย่างมากทีเดียวครับ ^^
รายละเอียดราคาและวันวางจำหน่าย
• vivo X200 5G (12GB + 256GB) ราคา 29,999 บาท
• vivo X200 Pro 5G (16GB + 512GB) ราคา 39,999 บาท
วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2024 เป็นต้นไป ที่ร้านค้า Official Shop ทั่วประเทศ
โปรโมชั่นพิเศษ!
เมื่อซื้อสินค้ารุ่น vivo X200 หรือ vivo X200 Pro รับฟรีของสมนาคุณมูลค่าสูงสุดกว่า 22,688 บาท:
• หูฟัง vivo TWS 3e มูลค่า 1,799 บาท
• vivo Care ประกันตัวเครื่อง 2 ปี และประกันหน้าจอแตก 2 ปี 1 ครั้ง (มูลค่า 10,999 บาท)
• Premium Case มูลค่า 890 บาท
• สิทธิ์แลกซื้อ vivo Watch 3 ในราคาส่วนลด 50%
• โปรเครื่องเก่าแลกเครื่องใหม่ จากราคาประเมินสูงสุด 8,000 บาท