vivo X80 Pro 5G และ X80 5G สองสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวออกมาในฐานะเรือธงของ vivo ฉะนั้นเรื่องของสเปคความแรงไม่ต้องห่วงเลยครับ สเปคแรงทั้งคู่แค่ใช้ต่างค่ายกัน โดยรุ่น vivo X80 Pro 5G จะใช้ Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 ชิปเซ็ตในมาตรฐาน 4 นาโน ส่วนรุ่น vivo X80 5G จะใช้ชิปตัวท็อป MTK 9000 จากค่าย Mediatek แทน เป็นชิปเซ็ตในมาตรฐานระดับ 4 นาโนเช่นกัน
vivo X80 Series มีการออกแบบเด่นเฉพาะตัว จัดวางชุดกล้องหลังไว้แบบ Cloud Window 2.0 เป็นกรอบเหลี่ยมขนาดใหญ่และชุดกล้องวงกลมที่เป็นพื้นผิวตัดกัน เลือกใช้สีสันตัวเครื่องหรู ด้วยการเลือกใช้โทนสีเข้มในแบบ Cosmic Black สำหรับรุ่น vivo X80 Pro 5G ซึ่งรุ่นนี้จะมีเพียงสีเดียว แต่สำหรับตัว vivo X80 5G จะมีให้เลือกสองสีครับ คือสีดำ Cosmic Black และสีฟ้าสดใส Urban Blue ที่มาพร้อมกับเคสสีเดียวกันภายในกล่องด้วย ^^
ทั้งสองรุ่นให้แรมมาขนาดใหญ่ 12GB รองรับการขยายแรม Extended RAM อีก 4GB หน่วยความจำภายในใช้เป็น UFS 3.1 ขนาด 256 GB รันบนระบบ Android 12 ครอบทับบน FunTouch OS 12 ตัวใหม่ด้วยเช่นกัน สเปคสูงมาก แรงทั้งสองรุ่นครับ
ในด้านการถ่ายภาพก็ใช้ของคุณภาพสูงมากด้วย เป็นจุดเด่นเลย ทั้งด้านฮาร์ดแวร์กล้องและซอฟท์แวร์เลยครับ มี AI ที่ช่วยเหลือทำงานให้ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ พร้อมทั้งรองรับการถ่ายภาพระดับ 8K แต่ทั้งสองรุ่นจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของกล้องหลังนะครับ ตัวโปรจะมีกล้องที่เกรดค่อนข้างดีกว่า โดยใช้เป็นชุดกล้องหลัง 4 ตัว เซนเซอร์ Ultra-Sensing GNV ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล จับแสงได้ดีเป็นพิเศษเพราะมีขนาดใหญ่ถึง 1/1.3 นิ้ว
ทำงานร่วมกับกล้องเทเลโฟโต้ 12 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง Ultra Wide 48 ล้านพิกเซล และเลนส์ซูมพิเศษที่ใช้เป็นเลนส์ Periscope telephoto อีก 8 ล้านพิกเซล สุดยอดเทคโนโลยีทุกเลนส์ครับ และยังมีการผสานเทคโนโลยีกันสั่น Gimbal เข้าไปกับเลนส์ถ่ายภาพด้วย เพื่อลดการสั่นในระดับที่ดีที่สุดของสมาร์ทโฟน รองรับการซูมภาพได้ไกลสุดที่ระยะ 60x
ส่วนในรุ่น vivo X80 5G จะใช้เป็นกล้องหลังสามเลนส์ครับ เซนเซอร์หลักใช้ IMX866 RGBW Ultra-Sensing Sensor ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ทำงานร่วมกับเลนส์เทเลโฟโต้ และ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเท่ากันทั้งสองเลนส์ รองรับการซูมภาพได้ไกลสุดที่ระยะ 20x
ที่จะไม่มีเหมือนรุ่น Pro ก็คือกล้องตัวที่สี่ ซึ่งเป็นเลนส์ Periscope telephoto สำหรับการซูมภาพระยะไกลนั้นเองครับ
สิ่งที่จะเพิ่มเติมใส่เข้ามาคือประสบการณ์การถ่ายภาพที่เหมือนการใช้กล้องเลนส์โปรเข้าไปอีกขั้นครับ ด้วยการถ่ายภาพที่ไม่ได้เน้นแค่มุมกว้างแบบเดิมอีกต่อไปแล้ว แต่จะมาพร้อมกับการถ่ายเทเลโฟโต้ ที่อัพเกรดการใช้งานมาใหม่ ซึ่งเป็นระยะเลนส์ที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคลนั้นเองครับ
ด้วยฟังก์ชั่นกล้องทีเ่พิ่มเข้ามามากมาย รวมถึงฟิลเตอร์สวยๆ ที่ปรับและจูนมาให้จาก ZEISS กล้องรุ่นนี้จึงหวังผลสูงได้เลยกับภาพ Portrait บุคคล
ZEISS Portrait style ต่างๆ ใส่มาให้แบบจัดเต็ม ฟิลเตอร์ภาพที่ได้อารมณ์สีมาจากเลนส์ชื่อดังในตำนานต่างๆ เช่น ZEISS Biotar , Distagon, Planar, Sonnar มาครบใน vivo X80 Series ครับ ^^
ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับชิป vivo Pro Imaging Chip V1+ ที่เข้ามาดูแลเน้นที่การแสดงผล รวมไปถึงเรื่องการการถ่ายวีดีโอด้วย โดยในการถ่ายภาพวีดีโอจะมีตัว AI Video Enhancement ที่คอยทำงานช่วยในขณะถ่ายวีดีโอให้เราได้แบบเรียลไทม์ และไม่ใช่แค่ตัว AI เท่านั้น เพราะกล้องรุ่นนี้จะมีโหมด ZEISS Natural Color ที่จะเข้ามาดูแลปรับภาพให้กับเราได้เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งด้วย ทำงานได้ทั้งในการถ่ายภาพนิ่งและวีดีโอด้วยเช่นกันครับ
ในทุกโหมดเพราะเลนส์กล้องใน vivo X80 Series ได้รับการรับรองตามมาตรฐานของการเคลือบเลนส์จาก ZEISS T* เรียบร้อยแล้ว ตามตราสัญลักษณ์ที่ได้รับมาประดับด้านข้างกล้องนั้นเองครับ ฉะนั้นจากมาตรฐานและคุณภาพของทั้งฮาร์ดแวร์กล้องและซอฟท์แวร์กล้อง เชื่อมือ vivo ได้เลย ไม่ผิดหวังแน่นอน ^^ ทั้งคุณภาพดีและฟังก์ชั่นเยอะมากครับกล้องของ vivo ในแต่ละรุ่น
ระบบพลังงานของสองรุ่นนี้จะใช้เทคโนโลยีการชาร์จ 80W FlashCharge ชาร์จไวมาก เสียบแค่ประมาณ 10 นาทีได้แบตกลับมา 50% ชาร์จไวมาก
สำหรับรุ่น vivo X80 Pro 5G ให้แบตเตอรี่มาเป็นขนาด 4,700 mAh และสำหรับรุ่น vivo X80 5G จะเป็นแบตขนาด 4,500 mAh ต่างกันเล็กน้อย แต่การใช้งานไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ และรุ่น vivo X80 Pro 5G ยังรองรับการชาร์จไวแบบไร้สาย 50W Wireless FlashCharge อีกด้วย
มีขนาดเครื่องพอๆ กัน ใช้หน้าจอขนาดใหญ่มาก 6.78 นิ้ว ขอบจอไม่มีเลย ขอบจอโค้งลงไปเป็น 3D flexible screen เจาะรูวางกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซลอยู่ตลางกลางขนาดเล็กๆ
โดยในรุ่น vivo X80 Pro 5G จะให้หน้าจอที่มีความละเอียดสูงกว่า เป็นจอ AMOLED E5 ความละเอียด 2K WQHD+ 120Hz ใช้ระบบสแกนนิ้ว 3D Ultrasonic Fingerprint สแกนไวและใช้งานได้แม้นิ้วเราจะเปียกน้ำเปียกเหงือก็ตามครับ สแกนเร็วจนตกใจครับ วางนิ้วแล้วก็แทบจะเสร็จเลย สวนรุ่นน้อง X80 5G จะเป็นจอ AMOLED 120Hz แต่ความละเอียดจะอยู่ที่ FHD+ แทนครับ และรองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอด้วยเช่นกัน
ระบบเสียงลำโพงคู่ Hi-Fi คุณภาพเสียงดีมีมิติ แม้ตัวเครื่องรุ่นนี้จะไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. แต่ทาง vivo แถมหูฟังที่เป็น USB Type C มาให้ภายในกล่องครับ พร้อมที่ชาร์จ 80W FlashCharge และเคสยางซิลิโคนสีเดียวกับตัวเครื่อง
vivo X80 Series จะมีงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 พฤษภาคม เวลาประมาณ 18.30 นาฬิกาเป็นต้นไปครับ สามารถติดตามงานเปิดตัวกันได้ที่ Facebook vivo Thailand, YouTube vivo Thailand หรือช่องทางที่ Appdisqus Fanpage จะแชร์มาให้ได้รับชมกันนะครับ รวมถึงสามารถติดตามรีวิวเต็มๆ ของสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่น vivo X80 Pro 5G และ X80 5G ได้ที่ Appdisqus.com ได้ด้วยเช่นกันครับ
แล้วพบกันในบทความต่อไป สวัสดีครับ ^^