หลังจากที่ Microsoft Surface 3 เปิดตัวครั้งแรก ก็มาพร้อมกับความรู้สึกน่าตื่นเต้นไปกับความลงตัวของผลิตภัณฑ์ตัวนี้มากครับ เพราะว่ามันคือ Microsoft Surface Pro 3 เวอร์ชั่นราคาถูกนั่นเอง!! นั่นคือ Microsoft Surface 3 มาพร้อมระบบปฏิบัติ Windows 8.1 ที่สามารถใช้ทำงานและเรียนได้เหมือนกับแล็บท็อปทั่วๆ ไป และด้วยการออกแบบอย่างสร้างสรรค์ของไมโครซอฟท์ทำให้ มันเบาบาง พกพาสะดวกสบายได้เหมือนกับแท็บเล็ต ซึ่งปกติเรามักจะได้ยินคำโปรยโฆษณาของ Microsoft Surface Pro 3 ที่บอกว่า “แท็บเล็ตที่สามารถทำงานได้เหมือนดังแล็บท็อป” ซึ่งเป็นความจริง แต่หลายคนก็ติดที่แม้จะสเปคสูงแต่ราคาก็สูงตามเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ไมโครซอฟท์จึงออกแบบผลิตภัณฑ์ตัวใหม่มาเพื่อให้ตอบสนองความต้องการได้ไม่แพ้ Microsoft Surface Pro 3 แต่ราคาถูกกว่ามากๆ ที่แม้จะลดสเปคลงไปบ้าง แต่ก็เป็นสเปคเครื่องที่ไม่จำเป็นสำหรับการทำงานสักเท่าไหร่ นี่หละครับ คือที่มาของผลิตภัณฑ์ที่ลงตัวในทุกๆ อย่าง Microsoft Surface 3
สำหรับการได้ทดลองใช้งานและสัมผัสในทุกสัดส่วนของ Microsoft Surface 3 ของทีมงาน AppDisqus.com ก็ทำให้ข้อมูลหลายๆ อย่าง มันพรั่งพรูออกมา ทำให้อยากที่จะนำมาบอกต่อกับเพื่อนๆ ทุกคนผ่านบทความพรีวิวครั้งนี้ครับ
การออกแบบและตัวเครื่อง Microsoft Surface 3
ตัวเครื่อง Microsoft Surface 3 ผลิตจากแมกนีเซียม สีเงิน ขนาด 10.51 x 7.36 x 0.34 นิ้ว (267 x 187 x 8.7 มิลลิเมตร) น้ำหนักเพียง 622 กรัม ซึ่งถือว่าบางเบา พกพาสะดวก เหมาะสำหรับการถือไปทำงานในทุกๆ สถานที่
ส่วนหน้าจอแสดงผลเป็น ClearType Full HD Plus ขนาด 10.8 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1280 พิกเซล อัตราส่วนหน้าจอ 3:2 พร้อมระบบสัมผัส 10 จุด พร้อมกัน ซึ่งสำหรับอัตราส่วนหน้าจอ 3:2 นี่ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการแสดงผลเอกสารต่างๆ ที่เราทำงานหรือในกิจกรรมการเรียนการสอน แต่ไม่ค่อยเหมาะกับการดูหนังและความบันเทิงอื่นๆ เท่าใดนัก
สำหรับขอบเครื่องนั้นมีความหนา 8.7 มิลลิเมตร ซึ่งในเรื่องนี้ไมโครซอฟท์แจ้งว่า สามารถทำให้บางกว่านี้ได้อีก แต่เนื่องด้วยต้องการรักษาพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ เอาไว้สำหรับใช้งานที่จำเป็น จึงคงความบางที่เหมาะสมเอาไว้ที่ 8.7 มิลลิเมตร ซึ่งพอร์ตที่ว่านั้น ก็คือ USB 3.0 นอกจากนี้รอบตัวเครื่องก็จะมีพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ได้แก่ พอร์ตขนาดเล็กสำหรับเชื่อมต่อจอ Mini DisplayPort, ช่องอ่านการ์ด microSD, พอร์ตชาร์จ Micro USB(passes power and USB 2.0 data), ช่องเสียบหูฟัง และ Cover port
Microsoft Surface 3 มาพร้อมขาบานพับที่ปรับได้ 3 ระดับ ให้เหมาะกับลักษณะความสูงและการทำงานในลักษณะต่างๆ ส่วนในชุดจำหน่าย Microsoft Surface 3 จะมีเพียงตัวเครื่อง ชุดอุปกรณ์ชาร์จ คู่มือการใช้งาน เอกสารความปลอดภัยและการรับประกัน เท่านั้น จะไม่มีอุปกรณ์เสริมอื่นๆ เราต้องซื้อเพิ่มเอง ทั้ง Type Cover, ปากกา Surface Pen และอื่นๆ เพราะไมโครซอฟท์ต้องการให้ผู้ซื้อเลือกอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นกับตัวเองจริงๆ เท่านั้น ซึ่งจะทำให้เราซื้อเครื่องมาได้ในราคาที่เหมาะสมกับตัวเราเองงมากที่สุด
สำหรับอุปกรณ์เสริม Microsoft Surface 3 ที่ว่านั้นมีอะไรบ้าง?
Type Cover : คีย์บอร์ดที่เป็นเอกลักษณ์ของ Microsoft Surface เราจะมีชื่อเฉพาะเรียกว่า Type Cover ซึ่ง Type Cover สำหรับ Surface 3 สามารถล็อกเข้ากับตัวเครื่องได้ง่ายๆ และแน่นหนาด้วยบานพับแบบแม่เหล็กสองระดับ ยังสามารถพับไปเก็บด้านหลังเครื่องได้เลย หากต้องการใช้งานในโหมดแท็บเล็ต และมีระบบแสง Blacklit ในตัว ทำให้สามารถทำงานในที่แสงน้อยได้ดี นอกจากนี้ Type Cover ตัวนี้ยังมาพร้อมแป้นพิมพ์รูปบบ QWERTY มีปุ่มฟังก์ชัน(F1-F12) และปุ่มควบคุมอื่นๆ ครบถ้วนครับ โดย Type Cover มีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ แดง ฟ้า ม่วง น้ำเงิน และดำ ราคา 4,490 บาท
ปากกา Surface Pen : ปากกาตัวนี้มีความสามารถในการอ่านแรงกดได้ 256 ระดับ ทำให้การขีดเขียนใช้งานดีไม่แพ้ปากกาปกติเลยครับ มาพร้อมปุ่มควบคุมด้านบน ที่กด 1 ครั้งเพื่อเรียก OneNote ขึ้นมาจดและเขียนได้ง่ายๆ กด 2 ครั้งเพื่อบันทึกภาพหน้าจอ และกดค้างเพื่อใช้เป็นยางลบ โดยปากกาตัวนี้มี 3 สี ได้แก่ แดง ดำ และเงิน ราคา 1,790 บาท
Surface 3 Docking Station : เป็นอุปกรณ์ที่จะทำให้ Surface 3 กลายเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะได้เลย โดยเชื่อมต่อกับจอภาพภายนอก ผ่าน Mini DisplaPort รองรับความละเอียดสูงสุด 3840 x 2160 พิกเซล และพอร์ตเชื่อมต่อเครือข่าย Gigabit Ethernet ความเร็วสูงถึง 1 Gbps นอกจากนี้ยังมาพร้อมพอร์ต USB 3.0 1 ช่อง และ USB 2.0 อีก 3 ช่อง และช่องเสียบหูฟัง 3.5mm audio input/output ซึ่ง Surface 3 Docking Station นี้สามารถชาร์จ Surface 3 ไปในตัวได้ครับ ราคาอยู่ที่ 7,190 บาท
สเปคและข้อมูลเชิงเทคนิค
อย่างที่บอกเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วครับ Microsoft Surface 3 ต้องการทำราคาให้ทุกคนเข้าถึงได้ แต่ยังความสามารถเดิมของ Microsoft Surface Pro 3 เอาไว้ จึงเลือกลดสเปคบางส่วน แต่พยายามไม่ให้กระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานหลัก อย่างพวกงานเอกสารต่างๆ เป็นต้น สเปคโดยรวมมีดังต่อไปนี้
ระบบปฏิบัติการ: Windows 8.1 (อัพเป็น Windows 10 ได้)
ตัวเครื่อง:
ขนาด : 10.51 x 7.36 x 0.34 นิ้ว (267 x 187 x 8.7 มิลลิเมตร)
น้ำหนัก : 622 กรัม
วัสดุ : แมกนีเซียม
สีตัวเครื่อง : สีเงิน
ปุ่มกด : ปุ่มเสียง ปุ่มเปิด/ปิด เครื่อง และปุ่ม Windows
พื้นที่เก็บข้อมูล : 64 GB และ 128 GB
จอแสดงผล : ClearType Full HD ขนาด 10.8 นิ้ว
ความละเอียด : 1920 x 1280 พิกเซล
อัตราส่วน : 3:2
ระบบสัมผัส : สูงสุด 10 จุด
หน่วยประมวลผล : Intel® Atom™ x7-Z8700 Quad-core (แคช 2MB, 1.6GHz พร้อมเทคโนโลยี Intel Burst™ ที่เพิ่มได้ถึง 2.4GHz)
การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 4.0
แบตเตอรี่ : สูงสุด 10 ชั่วโมง(ทดสอบโดยการเล่นวีดีโอต่อเนื่อง)
ระบบเสียง : ไมโครโฟน, ลำโพงสเตอรีโอ Dolby Audio
กล้องหน้า : ความละเอียด 3.5 ล้านพิกเซล/1080p HD
กล้องหลัง : ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล/1080p พร้อมระบบออโต้โฟกัส
พอร์ต : USB 3.0, พอร์ตขนาดเล็กสำหรับเชื่อมต่อจอ Mini DisplayPort, ช่องอ่านการ์ด microSD, พอร์ตชาร์จ Micro USB(passes power and USB 2.0 data), ช่องเสียบหูฟัง และ Cover port
เซนเซอร์ : Ambient light sensor, Proximity sensor, Accelerometer, Gyroscope, Magnetometer, Digital compss
ตัวจ่ายไฟ : MicroUSB 13 วัตต์
อุปกรณ์ภายในกล่อง : ชุดอุปกรณ์ชาร์จ Surface 3, คู่มือการใช้งาน, เอกสารความปลอดภัยและการรับประกัน
โปรแกรมแถม: Office 365 Personal(ใช้งานฟรี 1 ปี) ประกอบด้วยโปรแกรม Outlook, Word, Exel, PowerPoint และ OneNote
การรับประกัน : รับประกันตัวเครื่องระยะเวลา 1 ปี
ราคาวางจำหน่าย :
หน่วยความจำ 2 GB ความจุ 64 GB ราคา 17,400 บาท
หน่วยความจำ 4 GB ความจุ 128 GB ราคา 21,400 บาท
ประสบการณ์การใช้งาน
สำหรับการใช้งาน Microsoft Surface 3 ในการทำงานและการเรียนการสอนผ่านโปรแกรม Office และการใช้งานอินเทอร์เน็ต ถือว่าเพียงพอในการใช้งานมากครับ พร้อมด้วยระบบระบายความร้อนโดยไม่ใช้พัดลมก็ทำงานได้ดี สำหรับหน้าจอแสดงผล 10.8 นิ้ว อัตราส่วน 3:2 อาจไม่เหมาะในการดูหนังหรือความบันเทิงต่างๆ แต่สำหรับการใช้งานทั่วไป ทั้งการทำงาน Office หรือการอ่าน ก็พอใช้ครับ
ส่วนการใช้งานที่ควรกล่าวถึงอีกอย่าง ก็คือ ปากกา Surface Pen ที่รองรับแรงกดได้มากถึง 256 ระดับ ที่ให้ความรู้สึกได้เหมือนวาดหรือเขียนด้วยดินสอเลยครับ ส่วนโปรแกรมต่างๆ ก็ออกแบบมาให้สอดรับกับการทำงานด้วยปากกามากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับการใช้งานกล้องถ่ายภาพได้ทดสอบแค่กล้องหน้านะครับ ซึ่งทำออกมาได้ดีครับ น่าจะเหมาะกับการใช้งาน Video Call ได้แบบสวยๆ หล่อๆ กัน
สรุปการพรีวิว Microsoft Surface 3
สำหรับการได้สัมผัสไม่กี่ชั่วโมง Microsoft Surface 3 ให้ความประทับใจด้านการสร้างกลุ่มตลาดในระดับราคาไม่แพงมากนัก แต่ใช้ทำงานได้เหมือน Microsoft Surface Pro 3 ส่วนประสบการณ์การใช้งานยังบอกอะไรได้ไม่มากนัก นอกจากฟีเจอร์ที่ได้ลองใช้งาน ได้แก่ การทำงานผ่าน Office การอ่าน การท่องอินเทอร์เน็ต การเขียนด้วย Surface Pen และการถ่ายรูป ซึ่งถือว่าพอใช้ได้ ใครสนใจอ่านรีวิวฉบับเต็มก็อีกไม่นานนะครับ