PlayStation VR2 - ประสบการณ์ใหม่ที่ยอดเยี่ยมของการเล่นเกม VR บน PlayStation 5
PlayStation VR 2 คือนิยามบทใหม่ของการเล่นเกม Virtual Reality จากทางฝั่ง PlayStation ที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน ยอดเยี่ยมจนเราไม่จำเป็นต้องเสียเวลานั่งนึกย้อนไปถึงสัมผัสและความรู้สึกที่เราเคยมีต่อ PlayStation VR รุ่นก่อนหน้าเลย เพราะเจ้า PS VR 2 นี้มาเพื่อแก้ทุกประสบการณ์ไม่ดีที่เราเคยมีกับรุ่นเก่าไปแบบไม่เหลือซึ่งลายเดิม ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบหน้ากาก Headset ให้มีกล้อง Tracking และ Room Mapping ถึง 4 ตัวฝังมาใน Headset โดยไม่ต้องใช้กล้องแยกข้างนอกอีกแล้ว หรือจะเป็นการพัฒนาคอนโทรลเลอร์สำหรับ PS VR 2 โดยเฉพาะออกมาภายใต้ชื่อ Sense Controller ที่มาพร้อมประสบการณ์การเล่นชนิดที่ครบถ้วนเหมือนใน Dualsense เด๊ะๆ หรือการเพิ่มเติมกิมมิคเล็กๆ อย่างการสั่นที่ตัว Headset ที่ก็เพิ่มประสบการณ์การเล่นที่ไม่เล็กเลยขึ้นมาได้เป็นอย่างดี และท้ายที่สุดคือ Eyes Tracking ที่มีเพิ่มเข้ามา ซึ่งทำให้ PS VR 2 นั้นสามารถเรนเดอร์การแสดงผลได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก รวมทั้งยังเพิ่มมิติใหม่ของการบังคับและควบคุมเกมผ่านเพียงการชายตามอง ซึ่งเป็นประสบการณ์การเล่นที่น่าสนใจทีเดียว
The Good
- ฮาร์ดแวร์อัพเกรดใหม่แบบถอนรากถอนโคน ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม
- แทร็กการเคลื่อนไหวและเซ็ตอัพพื้นที่เล่นด้วยกล้องฝังในตัวเครื่องซึ่งมีความแม่นยำสูงมาก
- ซอฟต์แวร์ฉลาดมาก มี Virtual Wall กั้นอาณาเขตการเล่น และการแจ้งเตือนการหลุดอาณาเขตเล่นที่มีประสิทธิภาพมาก
- ภาพความละเอียดสูงถึง 4K รองรับ HDR และอัตราการกระพริบสูงสุดที่ 120Hz
- เชื่อมต่อง่าย อุปกรณ์เซ็ตอัพน้อยลงเยอะมาก ประหยัดทั้งพื้นที่และเวลา
- มีเกม AAA มาให้เล่นกันตั้งแต่วันแรกที่เปิดจำหน่าย
- PS VR 2 Sense Controller ออกแบบมาได้ดีมาก ใช้งานได้ลื่นไหลและเหมาะสมกับการเล่นเกมสุดๆ
The Bad
- ไม่สามารถใช้งานร่วมกับเกมของ PS VR รุ่นแรกได้ ต้องให้นักพัฒนาอัพเกรดก่อน ซึ่งอาจจะต้องเสียเงินเพิ่ม
- เกมในวันเปิดตัวยังมีน้อย และอาจต้องใช้เวลาพอประมาณกว่าจะมีเกมดีๆ ออกกันมามากขึ้น
- ราคาค่อนข้างสูง ใช้งานได้กับ PlayStation 5 เท่านั้น
-
ประสิทธิภาพ
-
วัสดุและการประกอบ
-
ฟังก์ชั่นและประโยชน์ในการใช้งาน
-
ความคุ้มค่าต่อราคา
ย้อนกลับไปปี 2016 Sony ได้เปิดตัว PlayStation VR รุ่นแรกเพื่อใช้ร่วมกับ PlayStation 4 ออกมาให้ชาวเกมเมอร์ได้ตื่นเต้นกัน แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากข้อจำกัดของ PlayStation 4 เอง และความจริงที่ว่า PS VR นั้นไม่ได้อยู่ในโร๊ดแมฟของ Sony มาตั้งแต่ต้นก่อนจะพัฒนา PlayStation 4 ออกมาจำหน่าย จึงให้หลายต่อหลายอย่างใน PS VR รุ่นแรกนั้นดูไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อที่ต้องอาศัยกล่องแปลงสัญญาณแยกเพื่อให้สามารถส่งภาพเข้าแว่น PS VR รุ่นแรกและจำลองโลก Virtual Reality ออกมาได้ หรือจะเป็นจอยควบคุมที่ไม่ได้มีจอยที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับแพลตฟอร์ม PS VR โดยเฉพาะ แต่ต้องไปยืมเทคโนโลยีล้าหลังมากๆ ตั้งแต่สมัย PlayStation 3 อย่าง PlayStation Move มาใช้แทน ตลอดจนการตรวจจับการเคลื่อนไหวและทิศทางที่ต้องอาศัยอุปกรณ์เสริมเป็นกล้องแยกออกมา ทำให้หลายต่อหลายอย่างนั้นดูไม่สะดวกและติดขัดไปหมด ซึ่งแม้ว่า Sony จะพยายามอย่างเต็มความสามารถแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่า PS VR รุ่นแรกนั้นไม่ได้ให้ประสบการณ์การเล่น VR ที่ดีนักกับนักเล่นเกมประจำค่าย PlayStation
PS VR 2 ตอบโจทย์การเล่นเกม Virtual Reality ได้ดีและสมจริงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังลดขั้นตอนการเตรียมตัวและการเชื่อมต่อก่อนการเล่นลง ทำให้ PS VR 2 นั้นกลายเป็นอุปกรณ์ VR ตัวแรกของ Sony ที่สามารถพาผู้เล่นเข้าไปสัมผัสโลกเสมือนจริงได้อย่างยอดเยี่ยมตามแบบที่มันควรจะเป็น
Advertisement Advertisement Advertisement
มาในปีนี้ Sony นำ VR กลับมาใหม่อีกครั้งด้วยการออกแบบใหม่จากรากเพื่อให้สามารถใช้งานกับ PlayStation 5 ที่ก็ถูกออกแบบสถาปัตยกรรมให้เหมาะสมกับ VR มาแล้วโดยสมบูรณ์ ภายใต้ชื่อ PlayStation VR2 หรือ PS VR2 รวมไปจนถึงการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงในหลายส่วนที่เคยเป็นปัญหากับ PS VR รุ่นแรกให้มีความเหมาะสมกับการทำงานของ VR มากยิ่งขึ้น โดยสองส่วนสำคัญนั้นคือการเปลี่ยนจากการใช้กล้องแยกข้างนอก (Outside In) มาเป็นฝังกล้องสี่ตัวลงไปที่ตัว Headset ของ PS VR 2 โดยตรงเลยแทน (Inside Out) เพื่อลดความปวดหัวในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมและเพิ่ม Field Of Play หรือพื้นที่ในการเล่นจริงให้ได้ใกล้เคียงกับ 360 องศามายิ่งขึ้น ตลอดจนการพัฒนาจอยเกมสำหรับ PS VR จริงๆ ขึ้นมาอย่าง PS VR 2 Sense Controller เพื่อมากลบจุดด้อยทั้งหมดของ PlayStation Move สองสิ่งนี้และอีกหลายๆ อย่างที่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงมาจากระดับฐานรากนั้นทำให้ PS VR 2 ตอบโจทย์การเล่นเกม Virtual Reality ได้ดีและสมจริงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังลดขั้นตอนการเตรียมตัวและการเชื่อมต่อก่อนการเล่นลง ทำให้ PS VR 2 นั้นกลายเป็นอุปกรณ์ VR ตัวแรกของ Sony ที่จะพาผู้เล่นเข้าไปสัมผัสโลกเสมือนจริงได้ตามแบบที่มันควรจะเป็น ส่วนจะทำได้ดีแค่ไหนนั้น วันนี้ APPDISQUS จะพาเพื่อนๆ มาทดสอบเจ้า PS VR 2 นี้ไปพร้อมๆ กันในบทความรีวิวนี้
ฮาร์ดแวร์: การอัพเกรดใหม่แบบถอนรากถอนโคน
มันไม่เกินจริงเลยที่จะบอกว่า PlayStation VR 2 คือการอัพเกรดจาก PlayStation VR รุ่นแรกแบบถอนรากถอนโคนของจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทางฝั่งของฮารด์แวร์ที่การกลับมาในรอบนี้ Sony ได้เอาข้อเสียที่เคยเกิดขึ้นกับ PlayStation VR เจนเนอเรชั่นแรกมาแก้ไขแบบหมดจด เริ่มตั้งแต่การปรับโครงสร้างการตรวจจับความเคลื่อนไหวและการสแกนพื้นที่เล่นเกมที่แต่เดิมนั้นเคยใช้กล้องภายนอกเป็นตัวตรวจจับ ซึ่งเราจะเรียกกันในภาษา VR ว่า Outside In มาเป็นการฝังตัวกล้องลงไปบนหน้ากาก PS VR 2 Headset เลยเป็นจำนวน 4 ตัว ทำให้รูปแบบการแทร็กการเคลื่อนไหวนั้นเปลี่ยนไปเป็นแบบ Inside Out ที่มีความแม่นยำกว่าเดิมมาก และยังช่วยลดพื้นที่ใช้งานในการเล่นเกม VR ลงจากเดิมใน PS VR รุ่นแรกที่ต้องอาศัยพื้นที่กว้างพอสมควร มาเหลือพื้นที่เพียงเล็กน้อยก็เล่นได้อย่างสะดวกใน PS VR 2 นี้ นอกจากนี้การฝังกล้องทั้ง 4 ตัวลงบนหน้ากาก Headset ในครั้งนี้ยังช่วยให้ PS VR 2 สามารถตรวจจับระดับความสูงจากพื้นดินได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้เกิดความสมจริงมากยิ่งขึ้นเวลาที่เราเล่นเกมในโลก Virtual Reality อีกด้วย โดยนอกจากข้อดีที่พูดถึงไปแล้วนั้น การเปลี่ยนมาใช้กล้อง 4 ตัวฝังลงบนหน้ากาก Headset นี้ยังหมายถึงการที่เราไม่จำเป็นต้องติดตั้งกล้องภายนอกเพิ่มเติมให้วุ่นวายเหมือนในสมัย PlayStation VR รุ่นแรกอีกด้วย
นอกเหนือจากการฝังกล้องเข้ามาบนหน้ากาก Headset ของ PS VR 2 แล้ว อีกหนึ่งอย่างที่ Sony ทำออกมาได้ดีมากคือการฝังเอามอเตอร์สั่นเข้าไปในตัว Headset ด้วย ซึ่งหากเรามองกันแบบผิวเผินแล้วอาจจะไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นมากนัก แต่เมื่อลองใช้งานจริงกลับพบว่าการที่หน้ากาก Headset สามารถสั่นได้ตามสิ่งที่เกิดขึ้นจริงภายในเกมนั้นมันเป็นอะไรที่เปิดประสาทสัมผัสใหม่ให้เกิดขึ้นกับเกมเพลย์จริงๆ แบบที่คงจะอธิบายออกมาเป็นตัวอักษรได้ยากมาก หากไม่ได้ลองสัมผัสด้วยตัวเอง
อีกหนึ่งอย่างที่จะอดพูดถึงไม่ได้เลยในฝั่งของฮาร์ดแวร์นั้นคือการที่ Sony ตั้งใจออกแบบคอนโทรลเลอร์สำหรับ PlayStation VR 2 ขึ้นมาแบบจริงๆ จังๆ เสียที โดยเจ้า PlayStation VR 2 Sense Controller ที่มีแถมมากับ PlayStation VR 2 นั้นคือตัวตึงที่มาเปลี่ยนวงการเกมของ PlayStation VR โดยแท้จริง โยน PlayStation Move ที่แทบจะใช้งานร่วมกับ PlayStation VR รุ่นแรกไม่ได้ทิ้งไปได้เลย เพราะประสบการณ์ที่ได้รับจาก PlayStation VR 2 Sense Controller นั้นมันเป็นอะไรที่อัพเกรดขึ้นกว่าเดิมมากจนประเมินค่าไม่ได้ และเมื่อได้ลองใช้ PS VR 2 Sense Controller ตัวนี้เล่นเกมจริงจังอย่าง Horizon Call of the Mountain และ Star Wars: Tales from Galaxy’s Edge ดูแล้วก็ต้องยอมรับเลยว่าการมาถึงของ PS VR 2 Sense Controller นั้นจะเป็นเหมือนใบเปิดทางให้เหล่าเกมเมอร์ที่เน้นการเล่นเกมจริงจังได้เข้ามาสัมผัสโลก Virtual Reality ของ Sony ได้อย่างแท้จริงเสียที
ตัว PS VR 2 Sense Controller นั้นมีคุณสัมบัติเดียวกันกับ Dualsense Controller ที่เราใช้งานกับ PlayStation 5 เลย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการจัดวางตำแหน่งของปุ่มที่มือซ้ายและมือขวาของเรานั้นจะแยกเลย์เอาต์จอยออกเป็นฝั่งซีกซ้ายและซีกขวาเหมือนบน Dualsense Controller ตลอดจนความรู้สึกในการใช้งานที่ก็ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่นัก ฟังก์ชั่นการสั่นสะเทือนหรือ Haptic Feedback ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปตามพื้นผิวที่เราเหยียบหรือสภาพอากาศที่เกิดขึ้นภายในเกม หรือจะเป็น Adaptive Trigger ที่เราเคยหลงรักบน Dualsense Controller นั้นก็ยังคงอยู่อย่างครบถ้วนบน PS VR 2 Sense Controller ตัวนี้ ซึ่งทั้งหมดได้ถูกโชว์เคสไว้อย่างสมบูรณ์ใน Horizon Call of the Mountain ไม่ต่างจากการเล่นเกมบนเครื่อง PlayStation 5 ที่เชื่อมต่อกับจอทีวีปกติเลย
นอกจากนี้ PlayStation VR 2 ยังมาพร้อมกับมุมมองการแสดงผลที่กว้างขึ้นเป็น 110 องศา (จากเดิมบน PS VR รุ่นแรกนั้นอยู่ที่ 100 องศา) รวมถึงหน้าจอ OLED ความละเอียดภาพสูงสุดถึง 4K ที่อัตราการกระพริบ 120Hz และรองรับ HDR สำหรับภาพที่คมชัดสมจริงพร้อมรายละเอียดสีสันที่ครบถ้วนกว่าเดิมด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นสิ่งที่ทำให้ PS VR 2 นั้นกลายเป็นการอัพเกรดครั้งใหญ่ที่ยกระดับ Virtual Reality ของฝั่ง Sony PlayStation ขึ้นอย่างแท้จริง
ซอฟแวร์: ความฉลาดในการออกแบบ เกิดเป็นซอฟต์แวร์ที่สร้างสรรค์และใช้งานได้จริง
ต้องขอบคุณความฉลาดในการออกแบบ PS VR 2 ของทาง Sony ที่ทำให้เราลดขึ้นตอนการเชื่อมต่อลงไปได้เยอะมาก โดยในครั้งนี้ เพียงแค่เรานำสาย USB-C ที่ติดอยู่กับตัว Headset เสียบเข้ากับช่อง USB-C หน้าเครื่อง PlayStation 5 ของเราโดยตรง ไม่จำเป็นต้องผ่านกล่องแปลงสัญญาณใดๆ เลยเหมือนอย่างที่เคยต้องทำบน PS VR รุ่นแรก
ทันทีที่เราเชื่อมต่อสาย USB-C เข้ากับเครื่อง PlayStation 5 นั้น หน้าจอก็จะแสดงคำแนะนำการตั้งค่าต่างๆ ขึ้นมาให้เราได้ทำตามเป็นขั้นตอนอย่างง่ายดาย โดยเริ่มตั้งแต่การตั้งค่าพื้นที่การเล่นเกม ซึ่งเราสามารถเลือกรูปแบบการเล่นได้ทั้งแบบนั่งและแบบยืน และยังสามารถบันทึกพื้นที่เล่นเกมนี้ไว้ชั่วคราวและกลับมาเปลี่ยนแปลงใหม่ได้อย่างรวดเร็วเมื่อเรามีการปรับเปลี่ยนการจัดวางของในห้องหรือสลับรูปแบบการเล่นจากนั่งเป็นยืน หรือจากยืนเป็นนั่ง
กล้อง 4 ตัวที่ฝังอยู่บนหน้ากาก PS VR 2 Headset นั้นคือหัวใจหลักในการตั้งค่าพื้นที่การเล่นเลย เพราะการออกแบบในลักษณะ Inside Out นี้ทำให้เราสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมรอบห้องของเราได้จริงในโหมด See Through และยังเอื้อให้ซอฟต์แวร์การตั้งค่าสามารถสแกนพื้นที่การเล่นของเราได้อย่างละเอียดและแม่นยำอีกด้วย เมื่อรวมกับ PS VR 2 Sense Controller ที่ออกแบบมาให้ใช้วัดระดับจากพื้น และใช้เป็นเครื่องมือในการคาลิเบรตระดับพื้นในโลก VR ของเราแล้วยิ่งทำให้พื้นที่การเล่นหรือ Play Area นั้นมีความแม่นยำสูงขึ้นไปอีก…สูงถึงขนาดที่ในหลายๆ ฉากของเกมอย่าง Horizon Call of the Mountain นั้นอเล็กซ์ต้องกระโดดตัวลอยจากพื้นจริงเพื่อคว้าเชือกจับเลยทีเดียว
ทุกครั้งที่เราเซ็ตพื้นที่การเล่นเกมของเราขึ้นมา ซอฟต์แวร์ของเจ้า PS VR 2 จะสร้างกำแพงเสมือนจริง หรือ Virtual Wall ขึ้นมาเพื่อบ่งบอกอาณาเขตในการเล่นเมื่อเราสวมใส่แว่น VR โดยกำแพงเสมือนจริงนี้จะปรากฏขึ้นทุกครั้งที่เรากำลังจะเดินหลุดออกจากพื้นที่เล่นเกมที่เราตั้งค่าเอาไว้ และหากเรายังขืนเดินออกจากกำแพงเสมือนจริงอย่างไม่หยุดยั้งแล้ว ตัวเกมก็จะปิดตัวลงชั่วคราวพร้อมกับที่ฟังก์ชั่น See Through ของ PS VR 2 นั้นจะแอคติเวทขึ้นโดยอัตโนมัติเผยเป็นภาพจริงแบบขาวดำให้เราเห็นว่าข้างหน้าเรานั้นมีอะไรขวางอยู่เพื่อป้องกันเราและสิ่งของรอบตัวจากอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ นี่ถือเป็นความฉลาดของซอฟต์แวร์ที่อเล็กซ์ต้องขอชื่นชมมากๆ เป็นการส่วนตัว เพราะหลายๆ คนอาจจะทราบดีจากคลิปที่มีเผยแพร่ออนไลน์มากมายว่าตอนสมัย PS VR รุ่นแรกนั้น ชาวคอนโซลเกมเมอร์เผลอทำทีวีตัวเองจอแตกจากการเอา PlayStation Move ฟาดไปทั่วโลกรวมกันนี่ไม่น้อยเลยทีเดียวนะ
ทริคเล็กน้อย: หากรู้สึกล้าดวงตาหรือปวดหัวในขณะที่เล่นเกม VR การลดความสว่างของหน้าจอ PlayStation VR 2 ในเมนูการตั้งค่าอุปกรณ์เสริมนั้นอาจช่วยลดอาการ VR Sickness ของเพื่อนๆ ได้
นอกจากการความสามารถของกล้อง 4 ตัวที่ฝังอยู่บนหน้ากาก Headset ของเจ้า PS VR 2 แล้ว เจ้า VR ตัวเก่งจาก Sony ตัวนี้ยังมาพร้อมกับความสามารถในการแทร็กการเคลื่อนไหวดวงตาของผู้เล่น โดยไม่จำเป็นต้องหันทั้งหน้าอีกด้วย ซึ่งฟังก์ชั่นนี้นอกจากที่จะเอื้อให้นักพัฒนาสามารถนำมาใช้งานในเกมของตัวเองเป็นหนึ่งในวิธีการควบคุมการเคลื่อนไหวของตัวละคร หรือการเลือกเมนูต่างๆ อย่างที่ใน Horizon Call of the Mountain ทำได้แล้ว มันยังทำให้เกม PS VR 2 นั้นสามารถเรนเดอร์ภาพที่มีความละเอียดสูงในระดับ 4K HDR นี้ขึ้นมาได้ไวมากขึ้นเยอะอีกด้วย ซึ่ง Sony เรียกฟีเจอร์นี้ไว้อย่างเป็นทางการว่า Foveated Rendering โดยหากดูจากสเป็กแล้วจะไวขึ้นได้ประมาณ 3.6 เท่า สาเหตุนั้นก็เพราะว่า PlayStation VR 2 และ PlayStation 5 นั้นไม่จำเป็นต้องใช้พลังไปกับการเรนเดอร์ความละเอียดภาพสูงสุดในทุกส่วนของจอแสดงผล แต่โฟกัสการเรนเดอร์ไปในตำแหน่งและระยะที่ดวงตาของผู้เล่นมองอยู่ได้เลย เพราะโดยปกติแล้ว การมองเห็นในชีวิตจริงของคนเราก็จะมีระยะการมองเห็นชัดเจนแบบไม่เต็มทั้งเฟรมแบบ 110 องศาอยู่แล้ว ซึ่งต้องบอกว่าจากที่อเล็กซ์ได้รองเล่น Horizon Call of the Mountain นั้น นักพัฒนาสามารถเอาฟีเจอร์นี้มาใช้งานได้อย่างเหมาะสมมากๆ ทำให้ภาพในระยะที่เราเห็นจริงหรือ Perceivable Visual นั้นสวยงามมากมายไม่ต่างอะไรจากการเล่นเกนบนทีวีที่เชื่อมต่อกับ PlayStation 5 จริงเลย และแน่นอนว่าผู้เล่นสามารถคาลิเบรตการตรวจจับดวงตานี้ให้ถูกต้องและแม่นยำได้โดยตรงจากเมนูการตั้งค่า PlayStation VR 2 เมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องการ
นอกจากซอฟต์แวร์ฉลาดๆ ที่ส่งผลกับการเล่นเกม Virtual Reality โดยตรงของ PlayStation VR 2 แล้ว ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Cinema Mode หรือโหมดการรับชมคอนเทนต์ต่างๆ ในรูปแบบจอใหญ่ยักษ์ ผ่านทาง PS VR 2 รวมไปจนถึงการเล่นเกมปกติทั่วไปบน PlayStation 5 ผ่านจอของ PS VR 2 นี้ด้วย ซึ่งเราสามารถเข้าไปกำหนดขนาดหน้าจอการแสดงผลของ PS VR 2 Headset ได้ในเมนูการตั้งค่านั่นเอง โดยส่วนตัวแล้วอเล็กซ์มองว่าโหมดนี้อาจไม่ค่อยจะมีประโยชน์กับตัวเองสักเท่าไหร่นัก เพราะจากการทดลองใช้งานแล้วต้องบอกว่าจอมันใหญ่สะใจอารมณ์นั่งอยู่ใน IMAX ก็จริง แต่คุณภาพของภาพนั้นก็ไม่ได้ดีเหมือนกับการดูจากบนทีวีโดยตรงอยู่ดี แต่การที่ Sony มีซอฟต์แวร์ในส่วนนี้เพิ่มเติมมาให้ก็ช่วยให้ PS VR 2 นั้นสามารถนำไปใช้งานให้เกิดประโยชน์ได้มากขึ้น ถือเป็นเรื่องดีของผู้บริโภคอย่างเรา อยู่ดีนั่นล่ะ
PlayStation VR 2 การเริ่มต้นใหม่ที่ไม่สามารถใช้เกมจาก PS VR รุ่นแรกได้เลย
ถึงแม้ว่า PS VR 2 นั้นจะมีดีให้เราได้ชื่นชมทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ตามที่กล่าวไปข้างต้น แต่ปัญหาหนึ่งที่อเล็กซ์แอบหนักใจไม่น้อยก็คือเรื่องที่เจ้า PS VR 2 นั้นจะไม่รองรับเกมจาก PS VR รุ่นแรกเลย นอกเสียจากนักพัฒนาเกมเหล่านั้นจะทำการอัพเกรดตัวเกมให้รองรับ PS VR 2ในเวลาต่อมา ซึ่งก็ไม่มีใครการันตีได้ว่าการอัพเกรดเหล่านั้นทำให้เราต้องเสียเงินซื้อเกมหรือซื้อการอัพเกรดหรือไม่ หรือจะเป็นการอัพเกรดให้ฟรีๆ สำหรับใช้เล่นบน PS VR 2 เนื่องจากทาง Sony เองไม่ได้วางกฏนี้ไว้กับนักพัฒนาจึงทำให้การตัดสินใจในเรื่องของข้อกำหนดนั้นขึ้นอยู่กับนักพัฒนาแต่ละเกมโดยตรง
จาก Presskit ที่หลายๆ ค่ายส่งมาให้นั้น การอัพเกรดเกม PS VR 1 ไปเป็น PS VR 2 ส่วนใหญ่แล้วจะมาพร้อมกับค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายเพิ่มกัน แม้จะไม่แพงเท่าการซื้อใหม่ แต่ก็ยังมีค่าอัพเกรดกันอยู่ดี
Capcom เองจะเป็นค่ายต้นๆ ที่ยืนยันออกมาแล้วว่าอย่างน้อยทางค่ายก็จะเปิดอัพเกรด Resident Evil: Village ให้รองรับ PS VR 2 ฟรีๆ ตั้งแต่วันแรกที่ PS VR 2 ออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่ชาว PS VR รุ่นแรกที่ซื้อเกมเอาไว้เต็มไลบรารี่ก็ยังคงต้องลุ้นกันต่อไปอยู่ดีว่าค่ายนักพัฒนาอื่นๆ จะมีแผนทำแบบเดียวกันกับ Capcom ไหม และจากที่ APPDISQUS ทราบจาก Presskit ที่หลายๆ ค่ายส่งมาให้นั้น การอัพเกรดเกม PS VR 1 ไปเป็น PS VR 2 ส่วนใหญ่แล้วจะมาพร้อมกับค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายเพิ่มกัน แม้จะไม่แพงเท่าการซื้อใหม่ แต่ก็ยังมีค่าอัพเกรดกันอยู่ดี ทำให้เกม Virtual Reality เก่าๆ ที่เคยซื้อเก็บไว้จาก PSN Store นั้นจะไม่สามารถนำมาใช้งานร่วมกับ PS VR 2 ได้ในวันแรกที่วางจำหน่ายอย่างแน่นอนแล้ว ซึ่งก็ส่งผลให้เพื่อนๆ ที่วางแผนจะซื้อ PS VR 2 นั้นคงต้องเตรียมเงินสำหรับซื้อเกมอย่าง Horizon Call of the Mountain หรือ Star Wars: Tales from Galaxy’s Edge มาเพิ่มเติมด้วย หรือไม่ก็ต้องตัดสินใจซื้อกล่องบันเดิลที่มาพร้อมกับตัวเกม Horizon Call of the Mountain ไปเลย โดยทาง Sony วางราคาเอาไว้ที่ 23,890 บาท แพงกว่าเวอร์ชั่นตัวเครื่อง PS VR 2 เพียวๆ ที่เปิดตัวที่ 22,190 บาท ไปอีก 1.700 บาทเลยทีเดียว
นอกจากนี้ การที่เกมจาก PS VR รุ่นแรกจะไม่สามารถนำมาใช้งานบน PS VR 2 ได้โดยอัตโนมัตินี้ยังส่งผลให้จำนวนเกมที่รองรับ PS VR 2 ในวันเปิดตัวนั้นมีปริมาณไม่เยอะ และเกมที่เหมาะกับซีเรียสเกมเมอร์จริงๆ ก็ยิ่งมีปริมาณที่น้อยลงไปอีก ซึ่งกว่าที่จะมีเกมมาสะสมแต้มจำนวนให้กับระบบ PS VR 2 ได้ในปริมาณมากและหลากหลายนั้นก็คงต้องใช้ระยะเวลาอีกนานพอสมควร ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ VR ค่ายคู่แข่งอย่างฝั่ง Steam หรือ Oculus Quest แล้ว นี่อาจจะถือเป็นข้อด้อยจุดใหญ่มากๆ ที่ผู้ที่กำลังสนใจเจ้า PS VR 2 อยู่ต้องเก็บไปพิจารณาประกอบ
APPDISQUS ได้รวบรวมรายชื่อเกมที่น่าสนใจที่เพื่อนๆ สามารถหาซื้อมาเล่นได้ตั้งแต่วันเปิดตัว PS VR 2 เอาไว้ ตามรายการด้านล่างนี้เลยครับ โดยทุกเกมที่กล่าวถึงนี้ก็ต้องขอขอบคุณทางนักพัฒนาและค่ายต่างๆ ด้วยที่ส่งโค๊ดมาให้เราได้ทดสอบตัวเกมกันไปในการทำรีวิว PS VR 2 ครั้งนี้
- Horizon Call of the Mountain | 1,990 บาท – Sony Interactive Entertainment Ltd.
- Star Wars: Tales from Galaxy’s Edge | 1,710 บาท – Disney Interactive Studios
- Resident Evil: Village | 1,288 บาท – CAPCOM ASIA
- KAYAK VR: Mirage | 845 บาท – Better Than Life B.V.
- Townsmen VR | 1,380 บาท – Handy Game
- Song in the Smoke | 1,059 – 17-BIT
- Tetris Effect | 1,380 บาท – Enhance Games INC.
- Thumper | DROOL LLC
อุปกรณ์ VR ราคาแรง ที่ผูกขาด Ecosystem ให้กับ PlayStation 5 เท่านั้น
แม้จะไม่แปลกที่ PlayStation VR 2 นั้นจะถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้กับ PlayStation 5 ของ Sony เท่านั้น แต่ในใจลึกๆ เราก็ยังแอบคาดหวังว่าอุปกรณ์ VR ที่มีฮาร์ดแวร์ระดับไม่ธรรมดา และมาพร้อมราคาที่ก็ไม่ธรรมดาแบบเจ้า PS VR 2 นี้น่าจะสามารถใช้งานได้กับเกม Steam ที่เล่นผ่านคอมพิวเตอร์ PC สักหน่อยเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้เล่นที่หลากหลายและเพื่อเป็นการกระตุ้นการพัฒนาเกมบนแพลตฟอร์ม VR ของ Sony เองให้มีความหลากหลายขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว
ถึงแม้ ณ ตอนนี้ Sony จะยังไม่มีการออกมาประกาศอย่างชัดเจนว่า PS VR 2 นั้นจะพอร์ตให้ใช้งานได้กับ Steam หรือไม่ แต่หากดูจากประวัติของ PS VR รุ่นก่อนหน้าแล้วก็ต้องบอกว่ายากเอาการอยู่ที่จะคาดหวังแบบนั้น ทั้งนี้ก็อาจเป็นไปได้ว่าต่อไปในวันข้างหน้าอาจมีนักพัฒนาอิสระที่สนใจจะเข้ามาทำแฮ๊คให้ PS VR 2 ตัวนี้สามารถใช้งานได้กับ Steam เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้วใน PS VR รุ่นแรกก็เป็นได้
ดังนั้นหากเพื่อนๆ กำลังสนใจเจ้า PS VR 2 อยู่แล้วล่ะก็ ก่อนอื่นเลยต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเราเป็นเจ้าของเครื่อง PlayStation 5 อยู่แล้วเท่านั้น เพราะมันจะไม่สามารถใช้งานได้กับระบบอื่นเลย หรือแม้แต่ PlayStation 4 หรือ PlayStation 4 Pro เองก็ใช้ไม่ได้นะครับ
อย่างไรก็ตาม ข้อดีของการที่มันออกแบบมาให้รองรับ PlayStation 5 เท่านั้นที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคงหนีไม้พ้นความสามารถในการประมวลผลเกมที่ได้ขุมพลังที่ทรงพลังมากๆ อย่าง PlayStation 5 มาช่วย ทำให้งานภาพที่ได้นั้นอลังการไม่ต่างอะไรไปจากการเล่นเกมบนจอทีวีทั่วไปเลย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดนั้นคงหนีไม่พ้น Horizon Call of the Mountain ที่ตอนเล่น อเล็กซ์ต้องสารภาพเลยว่าหาความแตกต่างทางด้านภาพกับ Horizon Forbidden West ที่เล่นบนจอทีวีที่เชื่อมต่อกับ PlayStation 5 ไม่เจอเลย และยิ่งเมื่อไปอยู่ในโลกของ VR ยิ่งทำให้ประสบการณ์ทั้งหมดนั้นยกระดับขึ้นแบบสุดๆ เมื่อเทียบกับ PlayStation VR รุ่นก่อนหน้าที่เชื่อมต่อกับเกมบน PlayStation 4 Pro
PlayStation VR 2 นิยามโลกใบใหม่ของ Virtual Reality ในแบบฉบับ Sony ที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน
PlayStation VR 2 คือนิยามบทใหม่ของการเล่นเกม Virtual Reality จากทางฝั่ง PlayStation ที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน ยอดเยี่ยมจนเราไม่จำเป็นต้องเสียเวลานั่งนึกย้อนไปถึงสัมผัสและความรู้สึกที่เราเคยมีต่อ PlayStation VR รุ่นก่อนหน้าเลย เพราะเจ้า PS VR 2 นี้มาเพื่อแก้ทุกประสบการณ์ไม่ดีที่เราเคยมีกับรุ่นเก่าไปแบบไม่เหลือซึ่งลายเดิม ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบหน้ากาก Headset ให้มีกล้อง Tracking และ Room Mapping ถึง 4 ตัวฝังมาใน Headset โดยไม่ต้องใช้กล้องแยกข้างนอกอีกแล้ว หรือจะเป็นการพัฒนาคอนโทรลเลอร์สำหรับ PS VR 2 โดยเฉพาะออกมาภายใต้ชื่อ Sense Controller ที่มาพร้อมประสบการณ์การเล่นชนิดที่ครบถ้วนเหมือนใน Dualsense เด๊ะๆ หรือการเพิ่มเติมกิมมิคเล็กๆ อย่างการสั่นที่ตัว Headset ที่ก็เพิ่มประสบการณ์การเล่นที่ไม่เล็กเลยขึ้นมาได้เป็นอย่างดี และท้ายที่สุดคือ Eyes Tracking ที่มีเพิ่มเข้ามา ซึ่งทำให้ PS VR 2 นั้นสามารถเรนเดอร์การแสดงผลได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก รวมทั้งยังเพิ่มมิติใหม่ของการบังคับและควบคุมเกมผ่านเพียงการชายตามอง ซึ่งเป็นประสบการณ์การเล่นที่น่าสนใจทีเดียว
เมื่อนำทั้งหมดนี้มาผสานเข้ากับขุมพลังประสิทธิภาพสูงอย่างเจ้า PlayStation 5 แล้ว ยิ่งทำให้โลกจำลองหรือ Virtual Reality บน PlayStation VR 2 นั้นเป็นอะไรที่น่าหลงไหลมากอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับ Headset ตัวอื่นๆ ที่เคยลองมาก่อน เหลือเพียงอย่างเดียวคือจำนวนเกมที่รองรับ PS VR 2 ที่ ณ ตอนนี้ยังมีปริมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับค่ายอื่น หรือแม้แต่กับบน PS VR รุ่นก่อนหน้าเอง ซึ่งอาจจะต้องให้เวลา Sony และนักพัฒนามากกว่านี้ก่อนที่เราจะมีเกมดีๆ บนแพลตฟอร์ม VR ของ Sony มาเล่นมากยิ่งขึ้น ทำให้ใครที่กำลังตัดสินใจจะหาซื้อมาตั้งแต่วันแรกที่วางจำหน่ายอาจจะต้องคิดหนักหน่อยในเรื่องของความคุ้มค่า เพราะสนนราคาค่าตัวนั้นแพงกว่าตัวเก่ามากทีเดียว โดยจะเปิดจำหน่ายในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 นี้ ในราคาเริ่มต้นที่ 22,190 บาท
แต่หากใครไม่มีปัญหากับเรื่องปริมาณเกมที่อาจจะยังไม่มากนัก ในวันวางจำหน่าย PS VR 2 ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะยังไม่มีเกมดีๆ ออกมาให้ได้เล่นกัน เพราะเท่าที่ประกาศมาในตอนนี้ เพื่อนๆ สามารถหาซื้อเกมดีๆ มาเล่นจริงจังบน PS VR 2 กันได้ตั้งแต่วันแรกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นไตเติลใหญ่ยักษ์อย่าง Horizon Call of the Moutain หรือจะเป็น Star Wars: Tales From Galaxy’s Edge และ Resident Evil: Village เองที่ CAPCOM ก็พร้อมอัพเกรดให้เล่นบน PS VR 2 ได้ฟรีกันตั้งแต่วันแรกที่ตัวเครื่องเปิดวางจำหน่ายกันไปเลย นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างรายชื่อเกมเบื้องต้นเท่านั้น ใครสนใจตรวจสอบแบบเต็มๆ สามารถตามลิงก์นี้ไปรับชมกันได้เลย
สุดท้ายนี้คงต้องบอกว่า PlayStation VR 2 นั้นทำให้เราเห็นอนาคตที่แจ่มใสของ VR บนแพลตฟอร์ม PlayStation ได้เสียที หลังจากที่หลงทางลองของไปกับ PS VR รุ่นก่อนหน้านี้ และค่อนข้างจะมั่นใจว่าการลงทุนในครั้งนี้สำหรับการหาซื้อเจ้า PS VR 2 มาเป็นเจ้าของนั้นจะไม่มีอะไรต้องทำให้รู้สึกเสี่ยง เพราะจากสิ่งที่ APPDISQUS ได้ลองมา ก็ต้องบอกว่า Sony จัดเต็มจริง ไม่น่าจะมีทางทิ้งกันไปง่ายๆ อย่างแน่นอนครับ
รับชมรีวิว PlayStation VR2 ลองเล่น Horizon call of the mountain
ขอขอบคุณ Sony สำหรับอุปกรณ์ PlayStation VR 2 ที่ให้ทาง APPDISQUS ได้มาทดสอบกันก่อนใครในครั้งนี้