realme 11 5G และ 11X 5G ที่สุดของสเปคและกล้อง คุ้มสุดในเซกเมนต์ราคาเดียวกัน
realme 11 5G และ realme 11X 5G สเปคคุ้มราคา ตัวเครื่องสวยงาม กล้องมีคุณภาพสูง เป็นสมาร์ตโฟนที่คุ้มค่าน่าใช้กว่ามาตรฐานราคาจำหน่ายที่ทาง realme ประกาศออกมาอย่างมากครับ ครบครันในการใช้งานต่างๆ ด้วยงบประมาณที่ไม่แพง
สเปคการใช้งาน Dimensity 6100+ 5G แบรนด์แรก ที่มาพร้อมกับ RAM ขนาดใหญ่รวมกันถึง 16GB (8GB+8GB) มีระบบชาร์จไวที่ปลอดภัยและมีความเร็วในการชาร์จระดับเกินราคา 33W และ 67W SUPERVOOC ในเรทราคาเท่านี้ ถือว่ายอดเยี่ยม กล้องถ่ายภาพความละเอียดสูง 64MP และ 108MP พร้อมฟังก์ชั่นการถ่ายภาพที่ให้มาไม่เหมือนใคร
จุดเด่น
- realme 11 5G และ realme 11X 5G ทั้งสองรุ่นราคาดีมากเมื่อดูจากสเปคเครื่องที่ได้มา
- การออกแบบตัวเครื่องสวยงาม ทำลวดลายสีสันมาได้ดี เล็ก กระชับ และดูหรูหรา แม้เป็นเครื่องที่ราคาจำหน่ายไม่สูงมากก็ตาม
- กล้องถ่ายภาพยอดเยี่ยมมาในเรทราคานี้ ทั้งในด้านฮาร์ดแวร์ ความละเอียดของกล้อง และฟังก์ชั่นการถ่ายภาพที่มีความเป็นวัยรุ่นมากกว่าแบรนด์ใดๆ
- ระบบชาร์จไว 33W และ 67W SUPERVOOC นอกจากจะมีความเร็วในการชาร์จที่รวดเร็วแล้ว ยังมีความปลอดภัยในการใช้งานที่สูงมากอีกด้วย
ต้องปรับปรุง
- ไม่มีชุดหูฟังแถมมาให้ภายในกล่อง
-
ประสิทธิภาพ
-
วัสดุ,งานประกอบ
-
ฟังก์ชั่นและประโยชน์ใช้งาน
-
ความคุ้มค่า
realme ปล่อยสมาร์ทโฟน 5G ค่าตัวคุ้มๆ ออกมาอีกสองรุ่นด้วยกันครับ realme 11 5G และ realme 11X 5G เป็นสมาร์ตโฟนคู่หูในราคาระดับตลาดกลาง ซื้อง่ายราคาเบา แต่ต้องบอกว่าทั้งสองรุ่นให้กล้องที่มีคุณภาพสูงเกินราคา สเปคสูง และใช้การดีไซน์ที่สวยงามดีมากเลยครับ
realme 11 5G และ realme 11X 5G มากับสโลแกนของรุ่นที่ว่า “Double Star Double Leap” หมายถึงสมาร์ตโฟนที่โดดเด่น 2 รุ่น ซึ่งจะมีคุณสมบัติที่ดีขึ้นเป็น 2 เท่าจากมาตรฐาน ซึ่งก็น่าจะหมายถึง realme 11 5G ที่เบิ้ลสเปคเครื่องมาให้มากเป็น 2 เท่าในหลายๆ จุดที่สำคัญของเครื่องเลยครับ
โดยในรีวิวนี้ผมจะพามารู้จักกับทั้งมือถือใหม่ทั้งสองตัว และบอกถึงความแตกต่างที่สำคัญของสมาร์ตโฟนทั้งสองรุ่นนี้ครับ
เรามาดูราคาของสองรุ่นนี้กันก่อน ทาง realme มีการประกาศราคาออกมาได้ประทับใจครับ โดยสำหรับ realme 11 5G จะมีราคาอยู่ที่ 8,999 บาท และสำหรับ realme 11X 5G จะเปิดราคามาที่ 6,999 บาท
โดยมีการเปิดตัวพร้อมกับหูฟังไร้สายรุ่นใหม่ด้วย นั้นคือ realme Buds T300 ซึ่งก็ปล่อยราคาไม่แพงครับ แค่ 1,199 บาท
นำมาใช้คู่กันได้ดีเลย เพราะมีการจับคู่เปิดราคาพิเศษสำหรับหูฟังตัวนี้เอาไว้ให้กับผู้ที่สั่งซื้อ realme 11 5G และ realme 11X 5G เอาไว้ด้วยครับ หูฟังจะเหลือแค่ 999 บาทเท่านั้นเอง รายละเอียดโปรโมชั่นผมเอามาฝากกันแล้วในส่วนท้ายของรีวิวนะครับ
ตัวเครื่องภายนอก
realme 11 5G และ realme 11X 5G ตัวเครื่องภายนอกมีความคล้ายกัน มีจุดให้สังเกตถึงความแตกต่างกันได้เล็กน้อยแค่เพียงบริเวณเลนส์กล้องหลังเท่านั้น โดยทั้งคู่จะมาพร้อมกับสีสันตัวเครื่องที่เป็นสีเฉพาะของรุ่นที่แตกต่างกัน และทาง realme ได้เลือกใช้สีที่สวยงามมากด้วย
ใช้งานดีไซน์ Glary Halo มีเอกลักษณ์เป็นเงาแสงรูปตัว S ที่ด้านหลัง มีเกล็ดกริตเตอร์ระยิบระยับรอบเครื่อง ให้ความรู้สึกพรีเมียม สวยงามมาก
ในรุ่น realme 11 5G จะมีสีเฉพาะรุ่นเป็นสีทอง Glory Gold โดยจะมีเข้ามาจำหน่ายพร้อมกับสีดำ Glory Black อีกหนึ่งสี เป็นคู่กันระหว่างโทนสว่างและโทนเข้ม สวยงามทั้งคู่ครับ
ส่วน realme 11X 5G จะมีสีเฉพาะของตัวเองเป็นสี Purple Dawn สีโทนฟ้าม่วงที่ดูโดดเด่น สะท้อนกับแสงไล่สีแบบ S-curve ได้อย่างลงตัว และอีกหนึ่งสีคือสีดำ Midnight Black สีดำคลาสสิกแต่เอฟเฟกต์พิเศษบนพื้นผิวอยู่ด้วยเช่นกัน
ตัวเครื่องตัดเหลี่ยม ขอบขัดเงา PCD แวววาวเป็นสีเดียวกันกับฝาหลัง พร้อมที่สแกนลายนิ้วมือด้านข้างเครื่องตรงปุ่มพาวเวอร์ ผิวสัมผัสเหมือนกระจกแต่เคลือบสารลดการเกิดรอยนิ้วมือเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ทาง realme ใช้การออกแบบที่มีรายละเอียดอย่างมาก ด้วยการตกแต่งรอบเลนส์กล้องหลังมาให้เป็นร่อง เหมือนกับขอบหน้าปัดนาฬิกาหรู เล่นระดับและเคลือบสีไว้โดยรอบ เวลาโดนแสงมากระทบจะเกิดเอฟเฟกต์สวยงามมากๆ ครับ โดยเฉพาะสีทอง Glory Gold
โดยกล้องหลังของทั้งสองรุ่นจะให้กล้องที่มีความละเอียดไม่เท่ากันมาเป็นตัวเลือกครับ realme 11X 5G จะมากับกล้องหลังตัวหลัก 64MP + 2MP ซึ่งถือว่าเป็นกล้องความละเอียดที่สูงมากแล้วเมื่อดูจากมาตรฐานราคา
แต่กับรุ่น realme 11 5G จะมากับกล้องหลังตัวหลัก 108MP + 2 MP เรียกได้ว่าเบิ้ลมาให้มากเป็น 2 เท่าจากมาตรฐานในเรทราคาเท่าๆ กัน
ตัวเครื่อง realme 11X 5G บางแค่ 7.89 มม. และ realme 11 5G บางแค่ 8.05 มม. โดยภายในของทั้งคู่ใส่แบตเตอรี่ขนา่ด 5000mAh เท่าๆ กัน และก็มีน้ำหนักตัวเครื่องที่เท่าๆ กัน อยู่ที่ 190 กรัมครับ
ทั้งสองรุ่นเป็นสมาร์ตโฟน 5G เต็มตัว รองรับการใช้งาน 5G ทั้งสองซิมการ์ด และให้สล็อตใส่ซิมมาแบบ 3 สล็อต สามารถใส่ micro SD Card เพิ่มเติมได้ถึง 2TB! ได้ทั้งสองรุ่นครับ
หน้าจอสแดงผลขนาดใหญ่ 6.72 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 2400×1080 รองรับอัตราการรีเฟรชสูงถึง 120Hz ที่รองรับการปรับอัตรารีเฟรชเรทของหน้าจอได้เองแบบไดนามิกมาถึง 6 ระดับ (120Hz/90Hz/60Hz/50Hz/48Hz/45Hz) โดยระบบจะเลือกระดับรีเฟรชเรทที่เหมาะสมกับการใช้งานในขณะนั้นที่ดีที่สุดให้เองอัตโนมัติ เพื่อคุณภาพการแสดงผลที่ดีที่สุด และประหยัดพลังงานได้ดีที่สุดนั้นเองครับ
จะเห็นว่าสมาร์ตโฟนทั้งสองรุ่นมีความคล้ายกันมากในด้านตัวเครื่องภายนอก ใช้สเปคเดียวกันแทบทุกเรื่อง แต่จะมีความแตกต่างอยู่บางประการ โดยหลักๆ จะอยู่ที่ตัวชุดกล้องถ่ายภาพและระบบชาร์จไวของทั้งสองรุ่นครับ
เพราะกล้องหน้าของ realme 11 5G จะให้มาเป็นกล้องหน้า 16MP ส่วน realme 11X 5G จะให้กล้องหน้ามาเป็น 8MP โดยกล้องหน้าทั้งคู่รองรับการสแกนใบหน้าเข้าใช้งานได้เช่นกัน
และอีกหนึ่งจุดแตกต่างคือเรื่องของระบบชาร์จไว โดย realme 11X 5G จะรองรับเทคโนโลยีชาร์จไว 33W
ซึ่งถือว่าเป็นระบบชาร์จไวที่ดีมากเมื่อเทียบกับเครื่องอื่นที่อยู่ในระดับราคาจำหน่ายเดียวกัน สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 5000mAh ได้ 50% ในเวลาไม่ถึง 30 นาทีเท่านั้นเองครับ และตัวเครื่องไม่ร้อน มีระบบป้องกันความปลอดภัย 38 ชั้น ใช้งานปลอดภัย ไม่เกิดการสะสมความร้อนให้เราต้องเป็นกังวลแม้จะชาร์จไฟพร้อมกับใช้งานไปพร้อมๆ กัน
ส่วนรุ่นพี่ realme 11 5G เบิ้ลความแรงของเทคโนโลยีชาร์จเร็วมากขึ้นเป็น 2 เท่า!! ด้วยการรองรับเทคโนโลนีการชาร์จไว 67W SUPERVOOC
เป็นเทคโนโลยีการชาร์จที่มีความปลอดภัยสูงมาก เร่งความเร็วในการชาร์จได้ดวยเทคนิคการออกแบบปั๊มชาร์จคู่ ไฟเข้าตัวแบตเตอรี่ได้สองทาง สามารถทำความเร็วในการชาร์จแบตขนาด 5000mAh ได้ถึง 50% ในเวลาแค่ 17 นาที และชาร์จเต็มได้ในเวลาแค่ 40 นาทีกว่าๆ เท่านั้นเองครับ พร้อมกับความปลอดภัยระดับสูง ที่ดูแลทั้ง 38 ขั้นตอน ตั้งแต่หัวชาร์จ สายชาร์ต ไปจนถึงวงจรชาร์จภายในตัวโทรศัพท์อีกด้วย
โดยอุปกรณ์ภายในกล่องของทั้งคู่ ก็มาพร้อมกับอะเดปเตอร์ชาร์จไวที่แถมมาให้เรียบร้อยไม่ต้องไปหาเพิ่มเติม พร้อมกับสาย USB Type-C และเคสใสซิลิโคนครับ แต่จะไม่มีชุดหูฟังแถมมาให้ภายในกล่อง
ก็จะเห็นว่า realme 11X 5G และ realme 11 5G จะมีความแตกต่างหลักในสองเรื่องด้วยกัน นั้นคือความละเอียดของกล้องหน้า, กล้องหลัง และระบบชาร์จไวที่รองรับไม่เท่ากันครับ ส่วนที่เหลือจะให้ตัวเครื่องมาเท่าๆ กันทั้งหมดเลย
การใช้งานภายใน
realme 11 5G และ realme 11X 5G ถือเป็นแบรนด์แรกที่จะได้ใช้ชิปเซ็ตตัวใหม่ล่าสุดจาก MediaTek นั้นคือ Dimensity 6100+ 5G ชิปเซ็ตประสิทธิภาพดีที่ผลิตมาในเทคโนโลยีระดับ 6 นาโนเมตร เป็นชิปเพื่อการใช้งานในยุค 5G แบบเต็มตัว รองรับการเชื่อมต่อ 5G Dual SA รองรับความเร็วดาวนโหลดได้สูงสุดถึง 3.27Gbps เรียกว่ารองรับได้ถึงอนาคตเลยครับ
ทั้งคู่ใช้ระบบ Android 13 ครอบทับไว้ด้วย realme UI 4.0 การใช้งานต่างๆ จากที่ทดสอบลื่นไหลดีมากๆ ครับ ระบบทำมาได้นิ่ง ไม่เจอปัญหา แลค ค้าง ช้า หรือรีสตาร์ทเลยตลอดการทดสอบใช้งาน
ให้ RAM มาในขนาดใหญ่มาก 8GB ที่สามารถขยายออกได้อีกถึง 8GB ซึ่งถือว่าเป็นขนาดแรมที่สูงมากครับ จึงเป็นชุดประมวลผลที่คุ้มกับราคาจำหน่ายมากจริงๆ
realme 11X 5G จะมีหน่วยความจำภายใน (ROM) มาให้ 128GB
แต่สำหรับ realme 11 5G ก็เบิ้ลมาให้มาขึ้นเป็นสองเท่าอีกแล้ว กับขนาด ROM 256GB!!
ประสิทธิภาพของ Dimensity 6100+ 5G รวมกับ RAM 8GB+8GB ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก ทำให้การใช้งานต่างๆ รวดเร็วครับ เข้าออกแอปได้ไว สลับแอปได้ทันใจ สามารถเล่นเกมกราฟิกสวยๆ ได้สบายแล้วครับ
หน้าจอสดใส รีเฟรชเรทสูงภาพจึงดูละมุนสายตา จอใหญ่แต่เครื่องเล็กเพราะขอบจอบาง ตัวเครื่องตัดเหลี่ยมจึงยิ่งดูกระชับครับ มองด้านหน้าจะเหมือนทั้งตัวเครื่องมีแต่หน้าจอ ในด้านเสียงจะให้ลำโพงเดี่ยวตัวเดียวแต่เสียงดังชัดเจนดีครับ สามารถนำมารับชมคลิป,ภาพยนตร์ ใช้งานด้านความบันเทิงได้ดีครับ เพราะสามารถรักษาแบตเตอรี่ได้ดีด้วย เปิดหน้าจอต่อเนื่องใช้แบตประมาณ 10% เท่านั้นเอง
หน่วยประมวลผลประมวลผลมีประสิทธิภาพ และแรมขนาดใหญ่ ทำงานสองแอปพลิเคชั่นพร้อมกันแล้วยังลื่นๆ ครับ ในระบบสามารถทำงานได้ทั้งแบบแบ่งครึ่งหน้าจอและแบบหน้าต่างป๊อบอัพซ้อนกัน
กล้องถ่ายภาพ
กล้องถ่ายภาพ คงเป็นอะไรที่ชัดเจนที่สุดสำหรับความคุ้มค่าของ realme 11 5G และ realme 11X 5G เลยครับ เพราะนอกจากจะใส่ฮาร์ดแวร์ที่ดีกว่ามาตรฐานมาให้แล้ว ในด้านซอฟท์แวร์ของทาง realme เอง ก็มีการใส่ฟังก์ชั่นที่ไม่เหมือนใครเข้ามาให้ใช้งานกันด้วย
realme 11 5G
realme 11 5G มาด้วยกล้องที่เบิ้ลความละเอียดมาให้สูงถึง 108MP ทำงานคู่กับกล้องช่วยโฟกัส 2MP เป็นความละเอียดกล้องที่สูงครับ และยังเป็นกล้องที่ใช้เซนเซอร์ HM6 ซึ่งรองรับการซูมภาพแบบออฟติคัลมากถึง 3X สามารถซูมภาพได้โดยไม่เสียรายละเอียด (ซูมดิจิทัลได้สูงสุด 20X)
ตัวกล้องมี AI และ HDR คอยทำงานให้โดยอัตโนมัติ โฟกัสได้ไวมากครับ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของเซนเซอร์ตัวใหม่ HM6 ที่โฟกัสได้ไวและมีความแม่นยำสูง
ทาง realme ได้พัฒนาฟิลเตอร์ใหม่มาให้หลากหลายแนวสีเลยครับ ทั้งสีสันแนวสดใส แนวภาพแบบกล้องฟิล์ม รวมถึงแนวภาพแบบขาวดำด้วยฟิลเตอร์ที่ใส่เข้ามาให้ใช้เยอะมากๆ
โดยโหมดที่จะมีโหมดที่ใส่ฟิลเตอร์พิเศษเข้ามาอย่างมากมายนั้นคือโหมดถ่ายภาพแบบ “สตรีท” (ทาง realme แปลไว้ว่า “ท้องถนน”) เป็นโหมดการถ่ายภาพที่ตัวกล้องจะจำลองการซูมของเลนส์มาในระยะที่คนนิยม เข้ามาเป็นตัวเลือกให้เราใช้งาน และในโหมดนี้จะมาพร้อมกับฟิลเตอร์มากมาย ทั้งแบบภาพยนตร์, ขาวดำ หรือแนวภาพป๊อบย้อนยุค และที่สะดุดตาคือฟิลเตอร์ที่ปรับจูนมาตามสถานที่จริงของเมืองไทย
เช่น ฟิลเตอร์สยาม, ภูชี้ฟ้า, ภูกระดึง, เกาะเต่า, วัดร่องขุ่น, ท่าพระจันทร์, พัทยา หรือสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของไทย ใส่เข้ามาให้เป็นสไตล์ฟิลเตอร์ให้เราเลือกใช้
โหมดท้องถนนจะมาพร้อมกับกรอบลายน้ำพิเศษครับ บอกรายละเอียดเพิ่มเติมมากขึ้น เช่นบอกระยะเลนส์ พร้อมระบุฟิลเตอร์ที่เราเลือกใช้งานไว้ด้วย การให้สีสันของแต่ละฟิลเตอร์ เพิ่มความแตกต่างของอารมณ์ภาพได้เยอะมากทีเดียวครับ
และในโหมดท้องถนนนี้ จะมีฟังก์ชั่นเฉพาะของรุ่น realme 11 5G ใส่เข้ามาให้ด้วย นั้นคือฟังก์ชั่น “ZOOM” โดยตัวกล้องจะทำการซูมภาพไปยังบุคคลที่เราแตะเลือกไว้ได้เองอัตโนมัติครับ ไม่ต้องทำการซูมเลือกระยะเอง กล้องตรวจจับและติดตามบุคคลได้อัตโนมัติ
โหมดการถ่ายภาพบุคคลที่เลือกระยะชัดลึกชัดตื้นได้ f 0.95 ถึง f 16 รวมถึงฟังก์ชั่นการปรับใบหน้าเนียนใสได้ละเอียดมากถึง 100 ระดับ การปรับใบหน้าเนียนใสสามารถใช้งานได้ทั้งกล้องหลัง กล้องหน้า รวมถึงการถ่ายวีดีโอให้เครื่องปรับใบหน้าเราได้แบบเรียลไทม์ด้วยครับ
และโหมดถ่ายภาพบุคคลมาพร้อมกับฟิลเตอร์ด้วยเช่นกัน และแน่นอนว่าต้องมีฟิลเตอร์ Bokeh Fair Portrait ที่จะช่วยเร่งความกลมโตของดวงไฟโบเก้ฉากหลังให้สวยงามมากขึ้นได้ครับ
กล้องถ่ายภาพคนสวยงามมากครับในรุ่นนี้ ไม่แพ้สมาร์ทโฟนรุ่นใหญ่ๆ เลย
กล้องหน้าของ realme 11 5G ก็รองรับการถ่ายภาพละลายหลัง ปรับความชัดลึกชัดตื้นได้ มีปรับใบหน้าเนียนและฟิลเตอร์ให้ใช้งานได้เช่นกัน
มีโหมดถ่ายภาพกลางคืนที่ช่วยลดความเบลอของภาพและลดนอยส์ได้โดยการถ่ายด้วยมือเปล่า ด้วยเซนเซอร์ขนาดใหญ่ของรุ่น ทำให้สามารถใช้เทคนิค 9-in-1 binning หรือการรวม 9 พิกเซลให้กลายเป็น 1 ซูเปอร์พิกเซลที่มีขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มการรับแสงได้มากกว่าปกติ การถ่ายภาพกลางคืนจึงทำได้อย่างดีครับ
realme 11X 5G
กล้องของ realme 11X 5G ก็จะมีโหมดการถ่ายภาพและฟิลเตอร์ต่างๆ ไม่ต่างไปจากรุ่นพี่อ realme 11 5G นักครับ จะแตกต่างแต่ความละเอียดของกล้อง ที่ใช้กล้องหลักเป็นกล้อง AI 64MP ทำงานคู่กับกล้องช่วยโฟกัส 2MP ถือว่าเป็นกล้องที่มีความละเอียดที่ดีที่สุดในบรรดาสมาร์ตโฟน 5G ในเรทราคาเดียวกัน
โหมดถ่ายภาพก็ยังคงมาครบครับ แต่ตัวกล้อง realme 11X 5G สามารถซูมภาพได้แบบออพติคัลได้ 2 เท่าที่จะไม่สูญเสียคุณภาพของภาพ (แต่ซูมดิจิทัลได้ที่ 20X เท่ากัน)
แม้ความละเอียดจะใหญ่สู้รุ่นพี่ไม่ได้ แต่คุณภาพของภาพระดับกล้อง 64MP ถือว่าไม่ธรรมดาแล้วครับ ถ่ายภาพได้คมชัด และมีฟิลเตอร์พร้อมโหมดต่างๆ ไม่แตกต่างไปจากรุ่นพี่ รองรับการเซลฟี่ละลายหลังได้คมชัดสวยงามได้เช่นกันครับ
สรุปท้ายรีวิว
realme 11 5G และ realme 11X 5G สเปคคุ้มราคา ตัวเครื่องสวยงาม กล้องมีคุณภาพสูง เป็นสมาร์ตโฟนที่คุ้มค่าน่าใช้กว่ามาตรฐานราคาจำหน่ายที่ทาง realme ประกาศออกมาอย่างมากครับ ครบครันในการใช้งานต่างๆ ด้วยงบประมาณที่ไม่แพง
สเปคการใช้งาน Dimensity 6100+ 5G แบรนด์แรก ที่มาพร้อมกับ RAM ขนาดใหญ่รวมกันถึง 16GB (8GB+8GB) มีระบบชาร์จไวที่ปลอดภัยและมีความเร็วในการชาร์จระดับเกินราคา 33W และ 67W SUPERVOOC ในเรทราคาเท่านี้ ถือว่ายอดเยี่ยม กล้องถ่ายภาพความละเอียดสูง 64MP และ 108MP พร้อมฟังก์ชั่นการถ่ายภาพที่ให้มาไม่เหมือนใคร
ราคาจำหน่าย realme 11 5G เปิดตัวอยู่ที่ 8,999 บาท แต่จะมีโปรโมชั่นผ่านทางเครือข่ายเหลือเริ่มต้นเพียง 5,299 บาท โดยจะเปิดพรีออเดอร์ตั้งแต่วันนี้ไปถึงวันที่ 28 กันยายน รับฟรี!!
- Phone Case Gift Box มูลค่า 999 บาท
- กระเป๋า 14″ Crossbody มูลค่า 1,999 บาท
- และสิทธิแลกซื้อ realme Buds T300 หูฟังไร้สายตัวใหม่ในราคา 999 บาท (เฉพาะผ่านช่างทาง True เท่านั้น)
ราคาจำหน่าย realme 11X 5G เปิดตัวอยู่ที่ 6,999 บาท แต่จะมีโปรโมชั่นผ่านทางเครือข่ายเหลือเริ่มต้นเพียง 3,399 บาท โดยจะเปิดพรีออเดอร์ตั้งแต่วันนี้ไปถึงวันที่ 28 กันยายน รับฟรี!!
- Phone Case Gift Box มูลค่า 999 บาท
- กระเป๋า 14″ Crossbody มูลค่า 1,999 บาท
- และสิทธิแลกซื้อ realme Buds T300 หูฟังไร้สายตัวใหม่ในราคา 999 บาท (เฉพาะผ่านช่างทาง True เท่านั้น)
หูฟัง realme Buds T300
ปิดท้ายด้วยการขอแนะนำหูฟังตัวใหม่ที่เปิดตัวออกมาพร้อมๆ กัน นั้นคือ realme Buds T300 หูฟังไร้สายที่มากับไดรเวอร์ขนาดใหญ่ถึง 12.4mm แต่เปิดตัวออกมาในราคาแค่ 1,199 บาท
ไดอะแฟรมเคลือบไททาเนียม รองรับระบบ Dolby Atmos ให้พลังเสียงหนัก เบสแน่นๆ ด้วยไดรเวอร์ขนาดใหญ่ ตัวหูฟังเพรียวบางเข้ารูปหู น้ำหนักเพียง 4.1 กรัม รองรับการส่งงานผ่านการทัช 1,2 และ 3 ครั้ง รวมถึงการทัชค้าง (ทั้ชค้างสองข้าวพร้อมกัน 4 วินาทีเพื่อเปิดการเชื่อมต่อใหม่อีกครั้ง)
ตัวเคสรองรับการใช้งานได้นานรวมประมาณ 40 ชั่วโมง รองรับการชาร์จด้วยพอร์ต USB Type-C โดยลำพังแบตของหูฟังจะสามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้ประมาณ 5 ชั่วโมง มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP55 กันน้ำจากเหงื่อหรือฝนตกได้โดยไม่เสียหาย
ตัวหูฟังมีระบบตัดเสียงรบกวนแบบปรับได้ สูงสุด 30dB ติดตั้งตัวไมค์ 3 ตัวเพื่อช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้างในขณะสนทนา
มีค่าความหน่วงของเสียงที่ต่ำมาก ด้วยการเชื่อมต่อผ่านชิปบลูทูธ 5.3 จะทำค่าความหน่วงเสียงได้ต่ำสุดถึง 50ms สามารถนำมาใช้เล่นเกมในโหมดเกมได้เลย เพราะมีโหมดสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ
สามารถกำหนดค่าสั่งงานต่างๆ ได้เองภายในแอป โดยจะเชื่อมต่อใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น realme Link รองรับทั้ง Android และ iOS
realme Buds T300 มีเข้ามาจำหน่ายสองสี Stylish Black และ Youth White อุปกรณ์ภายในกล่องจะมีสายชาร์จ USB Type-C และ Ear-Tips ให้เปลี่ยนใช้งานได้ 3 ขนาด เปิดจำหน่ายในราคาเพียง 1,199 บาทเท่านั้นครับ