realme ประกาศปล่อย UI ตัวล่าสุดของแบรนด์ “realme UI 4.0” โดยได้ประกาศว่าจะถูกใช้งานบนสมาร์ทโฟน realme 10 Pro series เป็นกลุ่มแรก อินเตอร์เฟซใหม่นี้ถูกพัฒนาเพื่อนำมาใช้บนระบบปฏิบัติการ Android 13 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้นั้นเอง
ฉะนั้น realme UI 4.0 ก็จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ต่างๆ ที่มีอยู่ใน Android 13 และจะมาพร้อมการอัปเกรดเฉพาะของ realme ที่เน้นมาใน 4 ด้านหลักเพื่อผู้ใช้งานอีกดิวย นั้นไดด้แก่ 1. การออกแบบอินเตอร์เฟซใหม่ 2.ส่วนปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้งานที่คล่องตัวมากขึ้น 3.อัพเกรดประสิทธิภาพความลื่นไหล และ 4.อัปเกรดด้านความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
ซึ่งจะมีอะไรถูกใส่เข้ามาให้ใช้งานกันบ้าง เราเอามาฝากกันในบทความนี้ครับ
ดีไซน์และเอ็กเฟ็กต์ออกแบบใหม่
เพิ่มความง่ายในปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้กับแอปต่างๆ ด้วยออกแบบชุดไอคอนใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้รู้ได้ทันทีที่แรกเห็นว่าเป็นแอปอะไร และใช้การวางเลย์เอาต์ไอคอนในหน้า Notify แบบการ์ด เพื่อรวมชุดข้อมูลในส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเรียงเข้าด้วยกัน และผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งแผงควบคุมบนการ์ดได้มากขึ้น
โดยใน realme UI 4.0 จะยังมีการเพิ่มวอลล์เปเปอร์ลายใหมๆ เช่นลายดอกไม้หรือนาฬิกาที่มีเงาสะท้อน เพื่อให้อินเตอร์เฟซมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเพิ่มความสวยงาม
realme UI 4.0 นำเสนอ Always-on Display (AOD) ที่มาในฟีเจอร์ใหม่ เช่น Smart Music AOD เป็นหน้าจอที่แสดงรายการเพลงได้แม้ในขณะหน้าจอยังล็อคอยู่ ทำให้ในขณะที่เรากำลังฟังเพลงใน Sportify เราจะสามารถมองเห็นรายการเพลงโดยที่ไม่ต้องปลดล็อกหน้าจอซะก่อน พร้อมอัลกอริธึมที่จะแนะนำ 4 Playlist เพลงที่คุณน่าจะชอบ และเมื่อเราอยากจะควบคุมเพลง ก็แค่คลิกสองครั้งบน AOD แผงควบคุมเพลงก็จะปรากฏให้เราควบคุมได้ทันที
เฟิร์มแวร์ใหม่ เพื่อประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้น
ระบบพื้นฐานด้านการประมวลผลที่อยู่ภายใน realme UI 4.0 ได้รับการอัปเกรดประสิทธิภาพโดยรวมให้เพิ่มมากขึ้นด้วย Dynamic Computing Engine ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในภาพรวมได้มากขึ้นกว่าสเปคปกติอีก 10% และยังลดการใช้พลังงานของระบบ ซึ่งผลการทดสอบระบุว่า realme UI 4.0 จช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ในระหว่างเล่นเกมได้มากขึ้น 4.7% และลดอุณหภูมิตัวเครื่องลงได้อีกเล็กน้อยไปพร้อมๆ กันอีกด้วย
นอกจากเรื่องการยกระดับประสิทธิภาพการประมวลผลภายในแล้ว realme ก็ใช้การปรับอนิเมชันเคลื่อนไหวของ UI ใหม่เพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกถึงการตอบสนองที่ดีมากขึ้น ด้วย Quantum Animation Engine 4.0 รุ่นอัปเกรดที่จะทำให้ขณะที่เราใช้งาน เลื่อนหน้าจอ หรือสลับการใช้งานแอปพลิเคชัน จะรู้สึกได้ถึงความลื่นไหลและการตอบสนองที่ดีกว่า
นอกจากนี้ยังมีการใส่ฟังก์ชั่นใหม่ๆ เข้าไปในหน้า UI เพื่อความสะดวกง่ายดายแก่ผู้ใช้ เช่น Smart Home สามารถเข้าถึงแอปที่ต้องการได้ในขั้นตอนเดียวจากโฟลเดอร์ใหญ่บนหน้าโฮมสกรีน และเลย์เอาต์แบบ Adaptive ใหม่ เช่น Waterfall Content Self-adaption, One-side Navigation Bar และ Adaptive Controls การเรียกใช้งานด่วนจากขอบจอด้านต่างๆ ของ UI ที่ออกแบบใหม่ให่สวยงาม และสามารถใช้พื้นที่บนหน้าจอได้อย่างเต็มที่มากขึ้น
การปกป้องข้อมูลส่วนตัว
เพื่อความปลอดภัยของเอกสารลับ ภาพ และวีดีโอส่วนตัว realme UI 4.0 จึงมาพร้อม Private Safe เครื่องมือรักษาความปลอดภัยตัวใหม่ที่พัฒนาบนมาตรฐาน Advanced Encryption Standard (AES) เข้าถึงง่ายโดยผู้ใช้ แต่เจาะไม่ได้สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับการอนุญาต
นอกจากนี้ realme UI 4.0 ยังพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ Auto Pixelate เป็นฟังก์ชั่นการแต่งภาพด่วน! ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเบลอข้อมูลส่วนตัวได้ง่ายๆ แบบอัตโนมัติโดยทันทีในคลิกเดียว เมื่อคุณต้องการบันทึกภาพหน้าจอด้วยแอปส่งข้อความเช่น Whatsapp และ Messenger ข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกปกปิดได้ง่ายๆ ลดความกังวลว่าจะเผลอเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวออกไปจากภาพหน้าจอที่จะถูกบันทึก
ผลงานการออกแบบจากยอดฝีมือ ที่จะถูกบรรจุลงไปจากผู้ชนะโครงการ 2022 realme Widget Co-Creation Project
ก่อนการเปิดตัว realme UI 4.0 อย่างเป็นทางการ ทางแบรนด์ realme ได้มีการจัดโครงการ 2022 realme Widget UI Co-creation Project เชิญชวนแฟนๆ นักออกแบบ UI ทั่วโลก ให้มาร่วมออกแบบ realme UI 4.0 ในสไตล์อินเตอร์แอ็กทีฟรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งมีผู้สมัครมากกว่า 1,500 รายจาก 15 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมเสนอผลงาน
โดยไอเดียที่ผ่านการคัดเลือก จะถูกประกาศผลในวันเปิดตัว realme 10 Pro series ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 8 ธันวาคมที่จะถึงนี้ หลังจากนั้นทีม realme UI จะร่วมมือกับเจ้าของผลงานการออกแบบ เพื่อบรรจุ Widget ใหม่ๆ ลงไปใน realme UI 4.0 เพื่อให้ผู้ใช้งานทั่วโลกได้สัมผัสไอเดียสุดเจ๋งมากมาย ผ่านการอัพเดตระบบตัวเครื่อง (OTA) ต่อเนื่องกันไปด้วยครับ
แฟนๆ realme ก็สามารถติดตามข่าวของ realme UI 4.0 บนระบบ Android 13 ไปพร้อมกับการเปิดตัว realme 10 Pro series ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ไปได้พร้อมกันนะครับ ถ้ามีอะไรคืบหน้า Appdisqus จะนำมารายงานให้ได้ทราบกันต่อไป