รีวิว Pomo R2 นาฬิกากันเด็กหายรุ่นใหม่ จอสัมผัสพร้อมกันน้ำได้ ฟรีประกันภัยคุ้มครองเด็กหายและอุบัติเหตุวงเงิน 250,000 บาท

อุปกรณ์ที่นำเอาเทคโนโลยียุคใหม่มาใช้ในด้านความปลอดภัยสำหรับเด็ก POMO ออกรุ่นใหม่ R2 นาฬิกาข้อมือกันเด็กหายกันน้ำได้ ที่มีฟังชั่นและความสามารถมากมายสำหรับให้ผู้ปกครองกำหนดและควบคุมการติดต่อสื่อสารและติดตามตัวเด็กจากระยะไกล มันปลอดภัย เหมาะสม และออกแบบการทำงานมาได้แบบไม่ขัดขวางวิถีชีวิตและการเรียนของเด็กครับ

POMO R2 เหมือนเป็นรุ่นที่สองของผลิตภัณฑ์ POMO Kids พัฒนามากขึ้นในหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องคุณสมบัติการกันน้ำตามมาตรฐาน IP65 น้ำฝน น้ำกระเซ็น หรือใส่ล้างมือ น้ำจะไม่เข้าเครื่อง มั่นใจให้เด็กได้ใช้งานอย่างเต็มที่มากกว่ารุ่นเดิมๆ ซึ่งเรื่องกันน้ำผมว่าเป็นการพัฒนาที่สำคัญ เด็กจะได้ใส่นาฬิกาติดมือทั้งวัน ไม่จำเป็นต้องถอดเข้าถอดออกเมื่อล้างมือหรือตอนฝนตก เพราะอาจจะลืมทิ้งไว้จนสูญหายและสร้างความเป็นห่วงให้กับเราเมื่อขาดการติดต่อกับเด็กตอนเขาถอดนาฬิกาทิ้งไว้ครับ

[section label=”ตัวเครื่อง ” anchor=”Body”] ตัวเครื่อง ในส่วนจอแสดงผลของ POMO R2 พัฒนามาเป็นระบบจอสัมผัส สั่งงานบนหน้าจอได้โดยตรง ทัชเลือกและเลื่อนเมนูโดยการสไลด์ หรือจะสั่งงานผ่านปุ่มควบคุมทั้งสี่ปุ่มข้างตัวเรือนก็ได้ครับ ซึ่งมีปุ่มเปิดปิดเครื่องและใช้วางสาย ปุ่มโทรด่วนหมายเลขที่หนึ่ง และปุ่มโทรด่วนหมายเลขที่สอง รวมถึงปุ่มสุดท้าย SOS ปุ่มล่างขวา กดค้างไว้เพื่อโทรออกฉุกเฉินไปยังเลขหมายที่บันทึกไว้จากในแอพที่เชื่อมต่อ และทำการส่งพิกัดตำแหน่งในปัจจุปันไปยังปลายทางโดยอัติโนมัติในทันที

ตัวเรือนหลักๆ แล้วเป็นวัสดุพลาสติกและสายนาฬิกาแบบยางนิ่มไม่ระคายข้อมือ ภายในกล่องมีสายชาร์จระบบแม่เหล็กและไขควงสำหรับการเปิดถาดใส่ซิมการ์ดมาให้ ไขเปิดเพื่อใส่ซิมและไขปิดให้แน่นไม่อย่างงั้นน้ำอาจจะซึมเข้าได้

มีคู่มือการใช้งานเป็นภาษาอังกฤษ และ QR code ที่เป็นของสำคัญต้องเก็บไว้ให้ดี เราต้องใช้ QR code นี้เพื่อเชื่อมต่อนาฬิกากับเครื่องสมาร์ทโฟนของเราผ่านแอพพลิเคชั่นครับ พร้อมใบลงทะเบียนรับสำหรับคุ้มครองกรณีเด็กที่ใส่นาฬิกาโดนลักพาตัว วงเงิน 200,000 บาท (ตามโฆษณาแจ้งว่า 250,000 สอบถามตัวแทนจำหน่ายดูอีกทีนะครับเพื่อความแน่นอน)

[section label=”การทำงาน ” anchor=”performance”] การทำงาน การทำงานบนตัวนาฬิกาไม่มีอะไรมากครับ มันสามารถโทรออกไปยังหมายเลขที่เราบันทึกไว้ได้ สามารถรับสายโทรเข้าได้ สนทนาผ่านไมค์และลำโพงบนตัวเรือน ลำโพงมีเสียงดังพอประมาณฟังได้ยินชัดเจน

สามารถรับส่งข้อความเสียงและสติ๊กเกอร์ได้จากฟังชั่นการแชต แชตได้ทั้งกับเพื่อนที่ใช้นาฬิกา POMO เช่นกัน และแชตกับเครื่องสมาร์ทโฟนของผู้ปกครองที่เชื่อมต่อเอาไว้กับนาฬิกา โดยตัวนาฬิกาจำเป็นต้องใส่ซิมการ์ดที่สามารถโทรเข้าโทรออกและใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ต 2G ได้ เพื่อใช้รับส่งข้อมูลต่างๆ ครับ

สไลด์เลื่อนเพื่อปลดล็อกหน้าจอ สไลด์ลงเพื่อดูหน้าจอแจ้งเตือน รับสายหรือเลือกใช้คำสั่งโดยการทัชลงไปโดยตรงบนหน้าจอได้เลย

การใช้งานหลักๆ จะไปหนักอยู่ที่ผู้ปกครอง เพราะการควบคุมการใช้งานและเรียกใช้ฟังชั่นเพื่อความปลอดภัยต่างๆ จะอยู่ในแอพพลิเคชั่น POMO kids ที่ต้องใช้คู่กันทั้งหมดครับ จากการทดสอบใช้งานมีฟังชั่นที่สำคัญและมีประโยชน์มากๆ ที่ผมชอบ แต่ยังมีบางฟังชั่นที่ไม่สามารถใช้งานได้ในตอนนี้ครับ

หลังการติดตั้งแอพ POMO kids ก็ทำการล็อกอินเข้าระบบถ้าเคยใช้งาน POMO มาก่อนแล้ว แต่ถ้ายัง ก็สมัครใหม่ครับง่ายๆ ใส่ชื่อ อีเมล และรหัสผ่านสำหรับ POMO ID ของเรา แล้วก็ทำการเชื่อมต่อกับนาฬิกาด้วยการสแกน QR code ที่อยู่ภายในกล่อง  ระบุข้อมูลของผู้ใส่นาฬิกา หมายเลขโทรศัพท์ของซิมที่ใส่อยู่ในนาฬิกา และระบุว่าเราเป็นอะไรกับเด็กในบรรทัดสุดท้ายครับ

เชื่อมต่อเสร็จทุกอย่างก็พร้อมใช้ครับ จะมีค่าการเซ็ตค่าพื้นฐานในการทำงานเบื้องต้นไว้อยู่แล้วหลายอย่าง เช่นการติดตามดูตำแหน่งเด็กในปัจจุปัน ดูไทม์ไลน์การเคลื่อนที่ทุกๆ 3 นาทีว่ามีไปไหนมาบ้าง การโทรหา และการรับสายจากเขาในกรณีเราเซ็ตเบอร์โทรศัพท์ของเราเข้าไปในรายชื่อผู้ติดต่อของแอพพลิเคชั่น

การแชต รับส่งข้อความเสียงและสติ๊กเกอร์น่ารักๆ ซึ่งปลายทางที่เป็นนาฬิกาจะแสดงผลสติ๊กเกอร์และเด็กสามารถกดฟังข้อความเสียงได้จากนาฬิกาโดยตรง และสามารถส่งกลับมาหาเราได้เช่นกันในรูปแบบข้อความเสียงครับ

Anti – Lost Alarm การตรวจสอบนาฬิกาว่าเด็กยังอยู่ในบริเวณใกล้เคียง โดยตัวแอพจะทำการส่งสัญญาณบลูทูธออกไปเชื่อมต่อกับนาฬิกาเอาไว้ ถ้าเด็กที่สวมนาฬิกาออกไปนอกระยะบลูทูธเมื่อไหร่ เราจะรู้ได้ทันทีครับ

 แต่บางอย่างเราต้องไปกำหนดเพิ่มเองเช่น การกำหนดพื้นที่ปลอดภัย แจ้งเตือนทันทีถ้าเด็กออกนอกอาณาเขตที่เรากำหนดไว้ ซึ่งเราสามารถวาดเส้นรอบอาณาเขตปลอดภัยได้เองบนแผนที่โดยตรงเลยครับ

แจ้งเตือนการถอดนาฬิกา “Watch Off Alarm” เมื่อเด็กถอดนาฬิกาออกจากข้อมือ เซ็นเซอร์หลังนาฬิกาจะรับรู้ได้และทำการแจ้งเตือนเราผ่านทางแอพพลิเคชั่น

แต่บางฟังชั่นที่ผมทดสอบใช้งานไม่ได้ ก็คือฟังชั่นที่ต้องระบุชื่อสถานที่ครับ เช่น H-S Reminder ที่ใช้สำหรับการกำหนดเวลาและแจ้งเตือนการเดินทางระหว่างบ้านไปโรงเรียนของเด็ก แต่ตัวแอพไม่รองรับให้ระบุสถานที่ต้นทางและปลายทางได้ในขณะนี้ครับ

ในแอพพลิเคชั่น POMO kids เราเชื่อมต่อกับนาฬิกา POMO ได้หลายเรือนครับ ในกรณีมีลูกหลายคนต้องดูแล ก็เชื่อมต่อได้จากในแอพพลิเคขั่นเดียวกัน เรายังกำหนดการใช้งานของนาฬิกาแต่ละเรือนให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของเด็กแต่ละคนได้ด้วย เช่นการกำหนดช่วงเวลาเข้าเรียนของเด็กเพื่อให้นาฬิกาปิดการแจ้งเตือนในขณะเข้าเรียนแล้วโดยอัติโนมัติเองในทุกวัน การกำหนดหมายเลขที่จะโทรเข้าไปยังนาฬิกาของเด็กได้แต่เบอร์โทรศัพท์ของคนที่เราอนุญาต

ตัวนาฬิกายังคอยตรวจจับจำนวนก้าวเดินและระยะทางที่เคลื่อนไหวของเด็กให้ด้วยนะ คำนวนเป็นพลังงานที่ใช้ไปในแต่ละวัน

[section label=”สรุปท้ายรีวิว” anchor=”synopsis”] สรุปท้ายรีวิว ก็เป็นอุปกรณ์ที่ดีมากสำหรับลูกๆ ที่เรารักครับ พัฒนามาไกลอีกขั้นน่าใช้มากขึ้น อุ่นใจมากขึ้น และมีแนวคิดการออกแบบการใช้งานที่เหมาะกับชีวิตเด็กจริงๆ เป็นนาฬิกาที่ไม่เด่นสะดุดตามากนัก พกพาไม่ลำบากสำหรับเด็ก เราควบคุมการใช้งานได้เองทั้งหมด  ตอนนี้ก็กันน้ำได้แล้ว แถมมีประกันภัยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ปกครองได้อีก สิ่งเดียวที่อาจจะต้องปรับกันให้ชิน ก็คือนาฬิกาต้องการการชาร์จพลังงาน ตัวแบตเตอรี่อยู่ได้ประมาณสองวันหลังชาร์จพลังงานเต็ม เป็นเรื่องเล็กๆ ที่ผมเองก็ลืมประจำ ^^